มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) ตอนที่ 55 : แผนเตรียมรับสําหรับการมาเยือนของพี่ชายแอง…
ตอนที่ 55 : แผนเตรียมรับสําหรับการมาเยือนของพี่ชายแองเจไลน์
เวลา 20.15 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์, ฝั่งตะวันตก,โซนขายสินค้าไอที
ในขณะที่แอ็บบีเกลกําลังนอนหลับสนิท มาร์คก็ได้อุ้มเด็กสาวตัวเล็กคนนี้มานอนที่เตียงพับเพื่อที่จะให้เธอได้นอนหลับอย่างสบายหลังจากที่เขากลับมาที่ที่นั่งของเขา เขาก็ดึงเหมยที่กําลังร้องให้ไปนั่งที่ตักของเขาและกอดเธอพร้อมกับลูบหลังเธอไปด้วยมาร์คคิดจะทําแบบนี้ตั้งแต่เหมยนั้นรู้สึกอิจฉาแอ็บบีเกลอยู่ตลอดเวลา เพราะเด็กสาวคนนั้นรับอ้อมกอดจากมาร์คไปคนเดียวแต่มาร์คก็ต้องประหลาดใจใช้เวลาแค่ไม่นานเหมยก็ได้หยุดร้องไห้
“นายจะไม่เป็นไรใช่มั้ยหากต้องไปคนเดียว?”
พอลลาถาม
“จริงๆแล้วฉันต้องการขอร้องเธอและแองเจไลน์ให้มากับฉันด้วยหากฉันพาเหมยไปกับฉัน แต่อย่างไรฉันก็ได้เปลี่ยนแผนแล้วเพราะว่าพวกเธอทั้งสองคนพ่อของแองเจไลน์นั้นเป็นนายทหารพลโทและครอบครัวของพอลลาก็ถูกช่วยเหลือไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกันดังนั้นฉันจึงคิดว่าเหมยจะปลอดภัยกว่าถ้าหากได้ไปกับพวกเธอสอง
คน”
เขาลูบไปที่ศรีษะของเหมยตั้งแต่เธอแยกออกจากอ้อมกอดของมาร์คและฟังในสิ่งที่มาร์คพูด มาร์คมองไปที่เหมยอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า
“เหมย ฉันอยากให้เธอไปกับฉัน แต่ฉันไม่สามารถปกป้องเธอได้สิ่งที่ฉันจะเผชิญหน้าข้างนอกนั้นไม่ใช่มีเพียงแค่พวกฝูงซอมบี้แต่ยังรวมถึงผู้คนมากมายหลายประเภท
มาร์คก็ได้หยิกไปที่แก้มของเธอ
“ใบหน้าของเธอนั้นสวยเกินไปซึ่งนั่นจะนําพาปัญหามาให้เธอกับฉัน เธอก็รู้นิ”
เมื่อได้ยินมาร์คพูดแบบนั้น เด็กสาวทั้งสามคนก็เข้าใจมาร์คแม้ว่ามาร์คนั้นจะสามารถปกป้องเหมยจากซอมบี้ได้ ฝูงชายชั่วจะทําทุกอย่างที่พวกมันสามารถทําได้เพื่อที่จะแตะต้องเธอ ในโลกปัจจุบันที่สังคมเริ่มเสื่อมโทรมแตกสลายเหลือเพียงสถานที่ไม่กี่แห่งกฏหมายศีลธรรมและศาสนาก็ม่ได้สําคัญอีกต่อไป
“แล้วครอบครัวของนายล่ะ? นายอาจจะมีความสัมพันธ์ที่แย่กับพวกเขาแต่พวกเขาก็ยังเป็นครอบครัวของนายอยู่นะ”
แองเจถามขึ้นมาซึ่งค่อนข้างไม่ปกติกับเธอสักเท่าไหร่ที่ถามคําถามจริงจังแบบนี้ขึ้นมา แม้ว่าเธอจะถามคําถามแบบนั้นออกมามาร์คก็ยักไหล่ดูไม่ได้สนใจ
“ครอบครัวของฉันได้ออกไปเที่ยวที่คาต้นตัวเนสก่อนที่จะเกิดการติดเชื้อนี้มันใช้เวลามากกว่าแปดชั่วโมงหากเดินทางโดยรถบัสและเรือที่จะไปถึงที่นั่นฉันคงอาจจะตายไปก่อนที่ฉันจะไปถึงได้ครึ่งทาง
เพราะว่าจังหวัดคาต้นตัวเนสเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่แยกออกไปจากแผ่นดินใหญ่ เหมือนกับว่าพวกเขานั้นอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยอยู่แล้วถ้าเครื่องบินที่ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ตกไปที่เกาะนั้นนะอย่างไรก็ตามโอกาสแบบนั้นก็ยังไม่มีแน่นอนเพราะว่าไฟลท์เครื่องบินที่จะผ่านไปเส้นทางที่เกาะนั้นแทบไม่มี”
โทรศัพท์ของมาร์คดังขึ้น จากนั้นเขาจึงยื่นโทรศัพท์ให้กับเหมยโดยไม่ได้ตรวจดูว่าเบอร์ใครโทรเข้ามา
“สายนี้น่าจะสําหรับเธอ”
“ถามจริงนะ นั่นเสียงริงโทนของนายหรอ?”
“นั่นมันโทรศัพท์ฉันใช่มั้ย? ฉันก็สามารถจะตั้งเสียงริงโทนอยางไรก็ได้ที่ฉันต้องการ”
แองเจกระแอมเบาๆก่อนที่จะรับโทรศัพท์
แองเจกระแอ
“สวัสดีค่ะ?”
(แองเจไลน์?]
เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากสายโทรศัพท์
“พี่หรอ?”
[บ้าเอ้ย ฉันหาเธอไปทั่วทุกที่ ทําไมเธอกับพอลลาถึงอยู่ในห้างกันล่ะ?]
“ฉันบอกพ่อไปแล้ว! พ่อไม่ได้บอกพี่หรอ?”
[พ่อบอกแล้ว!]
“พี่อยู่ไหนตอนนี้? กําลังมาที่นี่ใช่มั้ย?”
[พวกเราตั้งหลักกันอยู่ที่โรงเรียนของเธอ พวกเราเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเรามีผู้รอดชีวิตอยู่ด้วยกัน ดังนั้นก็คงใช้เวลาไปถึงตําแหน่งของเธอประมาณสามสิบนาที่]
ในขณะที่แองเจคุยโทรศัพท์อยู่ อยู่ๆมาร์คก็ถามเธอออกไป
“พี่ชายเธอกําลังมางั้นหรอ?”
แองเจพยักหน้า
“ใช้เวลานานแค่ไหน? พวกเขามีแค่หน่วยทหารด้วยกันเองใช่มั้ย?”
“ประมานสามสิบนาที่นะ พวกเขามีผู้รอดชีวิตอยู่ด้วย”
“โอเค บอกให้พี่ชายของเธอให้มุ่งไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้าง”
แองเจก็ประหลาดใจ
“มันไม่ได้มีซอมบี้อยู่ข้างล่างนั่นหรอกหรอ?”
“มันมีอยู่แล้วแต่ก็คงน้อยกว่าที่อื่นๆมาก คนที่จะลงไปอยู่ข้างล่างนั่นได้ก็คือคนที่มีรถ สําหรับการจัดการฝูงซอมบี้ตัวอื่นๆนะฉันมี แผนไว้ให้แล้ว”
“ได้เลย”
แองเจพยักหน้าและกลับไปพูดกับสายโทรศัพท์
[แองเจไลน์ แองเจไลน์]
“อะไรกัน?! อย่าตะโกนสิ!”
[เธอก็ตะโกนออกมาเช่นกัน! ใครคือคนที่เธอนั้นพูดอยู่ด้วย?!]
“ฉันกําลังคุยอยู่กับมาร์ค”
(ใครคือมาร์ค?]
น้ําเสียงพี่ชายของเธอนั้นดูสับสนและตื่นตระหนก
“คือคนที่ช่วยฉันกับพอลลาเอาไว้ เขาบอกว่าให้พี่และทีมที่อยู่กับพี่เมื่อมาถึงห้างแล้วควรมุ่งไปสู่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน”
(ทําไมล่ะ?]
“เขาบอกว่าที่นั่นจะมีซอมบี้น้อยกว่าที่อื่น”
เมื่อแองเจพูดออกไป พี่ชายของเธอก็ได้คิดทบทวนหลายๆเหตุผลและเห็นด้วยที่จะทําตามที่มาร์คบอก
(โอเค ฉันต้องวางสายเพื่อไปเตรียมตัวแล้ว เธอดูแลตัวเองดีๆนะ]
“พี่ด้วยนะคะ เป็นห่วงบาย”
แองเจคืนโทรศัพท์ให้มาร์ค มาร์คก็ได้เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเขาและพูดกับเหมย
“เหมยตอนนี้เธอลุกขึ้นได้รึยัง? ขาของฉันเริ่มชาแล้ว และเรายังมีหลายอย่างอีกมากมายที่จะต้องไปจัดการ”
เหมยพยักหน้าและลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
เด็กสาวอีกสองคนนั้นเห็นความไม่เต็มใจของเหมยและก็ได้เริ่มสงสัยอยากรู้อะไรบางอย่าง มันมีบางอย่างที่ไม่ปตกิ ถ้ามันเกิด ขึ้นแค่เหมยพวกเธอจะไม่สังเกตแต่มันก็เกิดขึ้นกับแอ็บบีเกลด้วยเช่นกันเหมือนเช่นกันกับเหมยแอ็บบีเกลก็อยากจะให้มาร์คทั้งอุ้มทงกอด
“พวกเธอสองคนเป็นอะไร?”
มาร์คซึ่งกําลังยืดขาทั้งสองข้างอยู่นั้นก็ได้ถามออกไปเมื่อเด็กสาววิทยาลัยทั้งสองคนนี้ต่างก็จ้องไปที่เหมยและซุบซิบกัน
“เราสังเกตุได้ถึงอะไรบางอย่าง เหมยและแอ็บบีเกลดูเหมือนจะอยากให้นายกอดกันทั้งคู่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ความอิจฉานั้นปรากฏบนใบหน้าของเหมยอย่างเห็นได้ชัดเมื่อนายอุ้มแอ็บบีเกลอยู่พวกเราก็แค่สงสัยเฉยๆว่าเป็นเพราะอะไรกัน?”
มาร์คนั้นก็ดูสับสนด้วยเช่นกัน เขาไม่สามารถประเมินอารมณ์ของแอ็บบีเกลได้แต่เขาสามารถยืนยันได้แน่นอนว่าที่พวกเธอพวกเกี่ยวกับเหมยนั้นเป็นความจริงทั้งหมด
“กล้าบอกมั้ยว่าทําไม?”
มาร์คถามเหมย
มันน่าแปลกใจ เหมยนั้นมองไปทางอื่นและไม่ยอมพูดออกมามาร์คสัมผัสได้ถึงความโลภที่มีอยู่จางๆที่ออกมาจากเหมย โลภเรื่องอะไร? มันยิ่งทําให้มาร์คงุนงงเมื่อเขาสัมผัสกับอารมณ์ภายในใจ
ของเธอ
“เหมยฉันจะไม่กอดเธออีกแล้ว ถ้าเธอไม่พูดอะไรเลย”
เหมยรู้สึกวิตกเมื่อได้ยินมาร์คพูดออกมาแบบนั้น จากนั้นเธอก็เริ่มพูดออกมาในขณะที่เล่นกับนิ้วของเธอไปด้วย
“เอ่อ..พี่คะ พี่ก็เห็นฉันรู้สึกสบายใจเวลาพี่กอดฉัน ร่างกายของฉันรู้สึกเบาและผ่อนคลายมาก เกลก็ต้องรู้สึกแบบนั้นเหมือนกันเธอหลับไปได้อย่างง่ายดายเมื่อถูกพี่กอด ฉันก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน”
เหมยก็ได้เขินอับอายตัวบิดเป็นเกลียวเมื่อตอนที่เธออธิบายเห ตุผลออกมา
แองเจและพอลลาก็ได้มองไปที่มาร์คเหมือนเป็นการสงสัย
“อะไรกัน? ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร”
มาร์คก็ได้พูดออกมาอย่างไร้เดียงสาแก้ตัวในประเด็นเรื่องนี้
“อย่างไรก็ตาม พวกเราต้องรีบแล้ว เรามีเวลาเหลือน้อยกว่าก่อนที่พี่ชายของแองเจจะมาถึง”
มาร์คตัดสินใจที่จะเอาประเด็นเรื่องที่ไม่จําเป็นไว้คุยในเวลาอื่นและเบียงบทสนทนามาคุยในเรื่องที่สําคัญเร่งด่วน
“พอลลา เธออยู่ที่นี่คอยดูเกลได้มั้ย? พวกเราไม่สามารถปลุกเธอขึ้นมาได้ในตอนที่เธอหลับสนิทอยู่”
“โอเค”
“เหมย แองเจตามฉันมา อ่อใช่ แองเจเรียกลุงเบอนาร์ดและแคลวินไปที่ดาดฟ้า เราต้องให้พวกเขาช่วยหน่อย”
เมื่อแองเจไปเรียกเบอนาร์ดและแคลวิน พอลลาก็ได้นั่งอยู่ข้างหน้าแล็บท็อปในขณะที่คิดอะไรไปด้วย
อีกด้านหนึ่ง มาร์คและเหมยก็ได้มุ่งตรงไปสู่ยังดาดฟ้า
มาร์คก็ได้ตรวจสอบอาณาเขตรอบๆห้างสรรพสินค้ากับเหมยเมื่อแองเจมาถึงพร้อมกับคนหลายๆคน มันก็น่าแปลกใจที่เฟอร์นานและเจมส์ก็ได้มากับเธอด้วย
“ทําไมนายถึงเรียกเรามาที่นี่ล่ะพ่อหนุ่ม?”
เบอนาร์ดถามมาร์ค
“นายยังไม่ได้ฟังเหตุผลจากแองเจหรอ?”
“เธอบอกพวกเราว่าพี่ชายของเธอกําลังมา ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องตกใจมากที่เธอมาจากครอบครัวนายทหารที่มียศตําแหน่งอันสู งส่ง”
“ใช่ ฉันก็ตกใจเหมือนกัน”
แคลวินพูดเสริม
“มาร์ค บอกพวกเรามาหน่อยในสิ่งที่พวกเราต้องทํา พี่ ชายของฉันกําลังจะมาถึงเร็วๆนี้”
แองเจพูดโพล่งกับมาร์ค
มาร์คมองไปที่คนรอบๆตัวเขาและพูดออกมา
“โอเค แองเจไลน์ควรบอกพวกนายด้วยว่าฉันบอกให้พี่ชายของเธอลงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน”
ทุกคนต่างก็เห็นด้วย
“ที่นั่นน่าจะมีซอมบี้อยู่ไม่กี่ตัว แต่ปัญหาคือข้างนอกห้างสรรพสินค้านั้นมีฝูงซอมบี้เยอะเกินไปตามทั่วท้องถนน มันคงจะยากที่พวกเขาจะผ่านพวกซอมบี้เข้ามาในห้างสรรพสินค้า ดังนั้นพวกเราก็จะต้องล่อซอมบี้พวกนี้ออกไปให้ไกล”
จากนั้นมาร์คก็ชําเลืองไปมองกล่องลังไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ทําให้ทุกคนยกเว้นเจมส์นั้นเข้าใจว่าพวกเขาจะต้องทําอะไร
“บอสครับ พวกเราต้องทําอะไร?”
เจมส์ถาม
“เรามาจุดพุกันดีกว่า”