นิยาย มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)
ตอนที่ 59 : ปัญหาเพิ่มขึ้นมา!
ในขณะที่มาร์คนั้นได้ต่อสู้กับนักกลายพันธุ์ แองเจก็ได้วิ่งไปยังทางเข้าลานจอดรถและพยายามอย่างมากที่สุดที่จะไม่วิ่งกลับไปอีกครั้ง
ในตอนที่หมวกของมาร์คถูกหันขาดออกแองเจก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เธออยากจะวิ่งกลับไปช่วยเขา แต่เธอก็ยึดมั่นในสิ่งที่เขาบอกให้เธอทําเพื่อให้พี่ชายและกองทัพทหารเข้ามาเป็นกําลังเสริม
เธอยังได้ยินเสียงปืนที่ลั่นไกออกมา และเสียงพื้นดังเมื่อซอมบี้กลายพันธุ์นั้นกระทบพื้นคอนกรีตและเพดานด้านหลังเธอ นอกจากนี้ยังมีเสียงของโลหะกระทบกันไปมาและกระจกรถแตกดังกระหน่ํา สัญญาณเตือนภัยรถหลายคันก็เริ่มดังขึ้นเช่นกัน เสียงทั้งหมดเหล่านั้น ทําให้เธออยากจะหันกลับไป แต่เธอก็ต้องจดจ่อกับสิ่งที่มาร์คสั่งไว้ให้ได้
ถึงแม้แองเจจะหันกลับไป เธอก็รู้ว่าเธอก็จะช่วยอะไรไม่ได้มากในตอนนี้ แม้ว่าเธอจะได้ฝึกฝนด้านเทควอนโดและคาราเต้มาแล้วก็ตามแต่ก็ไม่สามารถนําความสามารถเหล่านั้นมาใช้กับสถานการณ์นี้ได้ จากการโจมตีที่เธอเห็น มันไม่ได้อยู่นอกเหนือความรู้และความเข้าใจของเธอ แต่เธอรู้ว่าเธอยังคงไม่สามารถเข้าถึงมันได้ เธอเริ่มสงสัยว่ามาร์คนั้นสามารถต่อสู้กับมนุษย์กลายพันธุ์ได้อย่างไรโดยไม่ถูกฆ่าตายง่ายๆ และ เธอก็มีปืนเช่นกัน เธอสงสัยว่าปืนของเธอจะสร้างความเสียหายให้กับมันได้ ไหมในเมื่อปืนของมาร์คนั้นไม่สามารถทําได้
เมื่อแองเจไปถึงยังทางเข้าของลานจอดรถ เธอเห็นบานประตูเหล็กที่กั้นไว้ ขณะที่เธอเริ่มได้ยินเสียงปืนไรเฟิลจู่โจมจากอีกด้านหนึ่ง
เธอหยิบโทรศัพท์ของมาร์คออกมาจากกระเป๋าของเธอและโทรหาพี่ชายของเธอ ในขณะที่ได้เริ่มวิ่งไปยังป้อมรักษาความปลอดภัยตรงกลางทางเข้า
สายโทรศัพท์ได้เชื่อมต่อ
[แองเจไลน์!]
“พี่คะ! สถานการณ์ข้างนอกเป็นบังไง! ฉันอยู่อีกฝั่งของทางเข้าแล้ว!”
[อะไรนะ! โอ้! ไม่ เธอมาถึงที่นี่เร็วเกินไป! ตรงนั้นไม่มีผู้ติดเชื้อหรือคนอื่นๆที่อยู่ด้านในใช่มั้ย?]
“ตอบฉันมาก่อนเร็ว!”
แองเจตะโกนเข้าไปในโทรศัพท์ในขณะที่เธอพยายามเปิดป้อมรักษาความปลอดภัย มันถูกล็อคไว้ เธอไม่สามารถฝันเปิดมันได้เพราะมันทําด้วยโลหะ เธอเริ่มหาวิธีทางอื่น
[ผู้ติดเชื้อเริ่มล้อมรอบพวกเราแล้ว! พลุไฟที่ดึงดูดพวกมันเอาไว้ก็ได้หยุดไป ไม่นานนี้]
“อะไรนะ! ทําไมกัน! รอแปป! ฉันจะไปถามพวกเขา!”
แองเจหยิบวิทยุขึ้นมาจากเอวของเธอ และโทรไปพร้อมกับได้นําโทรศัพท์ และวิทยุหันเข้าด้วยกัน
“ลุงเบอนาร์ด! ลุงแคลวิน! อยู่นั้นมั้ย!”
เกิดสัญญานคงที่อยู่สองสามวินาทีจนกระทั่งมีคนตอบกลับมา
[พวกเราอยู่นี่!]
เธอได้ยินเสียงเบอนาร์ด แต่สังเกตรับรู้ได้ว่าพวกเขานั้นหอบเหนื่อยอย่างหนัก
“มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ? พลุไฟหยุดไปแล้ว!”
[พวกเราต้องวิ่งหนี! มีซอมบี้กลายพันธุ์อยู่บนหลังคากําลังวิ่งมาสี่ตัว มันปืนขึ้นมาที่กําแพงได้! เฟอร์นานถูกข่วน และแคลวินก็เจ็บที่ขาเพราะว่าเขานั้นต้องกระโดษบันไดปีนลงมาครึ่งอันเพื่อหนีพวกมัน!]
“อะไรนะ! โอเค! ตอนนี้พวกคุณปลอดภัยหรือยัง?”
[พวกเราเพิ่งเข้ามายังห้องบันไดในปีกฝั่งตะวันตกได้และปิดประตูเอาไว้ เราจะพาแคลวินและเฟอร์นานกลับไปก่อน]
“ก็ได้! ฉันต้องวางสายแล้ว! ตอนนี้ฉันรีบอยู่!”
เธอเก็บวิทยุลงไปอีกครั้งและยกสายโทรศัพท์ขึ้นมา
“พี่คะ! พี่ได้ยินนั่นมั้ย?”
[ฉันได้ยิน]
“โอเค! ฉันจะรีบและพยายามเปิดไอประตูบ้าน!”
[อย่าวางสายแค่ค้างสายเอาไว้ และ หยุดพูดหยาบคายไม่งั้นพ่อจะดูเธอทีหลังได้!]
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาสําหรับเรื่องนั้น!”
แองเจเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า และไม่ได้วางสาย เธอได้วิ่งไปรอบๆหาหนทางอื่นเข้าไป ไม่มีวิธีไหนเลยนอกจากจะเข้าไปทางหน้าต่าง โชคร้ายเหลือเกินที่หน้าต่างนั้นติดตั้งกระจกเสริมความทนทาน!
เมื่อปราศจากทางเลือก เธอจึงถือปืนพกของเธอและยิงเข้าไปที่กระจก
แกร๊ง! เพล๊ง!
เสียงยิงทะลุกระจกหน้าต่างดังเข้าไปยังแก้วหูของเธอ หลังจากยิงปืนเข้าไปที่กระจกเสริมนั้นก็ได้แตกละเอียดกลายเป็นชิ้นเล็กๆขนาดเท่าก้อนกรวด
เธอก็หาปุ่มควบคุมบนโต๊ะท่ามกลางเครื่องใช้สํานักงานและกระดาษพิมพ์ขนาด คูปองทันที
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เมื่อเธอกดปุ่มบนแผงควบคุม แต่รอยยิ้มของเธอก็ต้องเจือจางลงไปและใบหน้าของเธอก็มืดมนขึ้น หลังจากที่กดปุ่นนั้น แล้วสิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวคือประตูรักษาความปลอดภัยทั้งสองด้านของป้อมรักษาความปลอดภัย และประตูเหล็กตรงทางเข้าหลักนั้นไม่ได้เปิด!
แองเจพยายามค้นหาข้างในป้อมรักษาความปลอดภัย แต่ก็ไม่พบอะไรที่ดูเหมือนว่าจะเป็นที่ควบคุมประตูเหล็กตรงทางเข้าหลัก!
“โธ่เว้ย!”
เธอแน่ใจแน่ๆว่าพี่ชายอขงเธอต้องได้ยินเธอสบถซึ่งเขาเริ่มตะโกนเข้ามาใน โทรศัพท์
“พี่คะ! นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาบ่นกัน!”
เธอรับโทรศัพท์หลังจากที่กระโดดออกมาจากป้อม
[ฉันรู้! ฉันแค่อยากฟังเหตุผลที่เธอสบถออกมา!]
“ปุ่มควบคุมการเปิดประตูทางเข้าไม่ได้อยู่ข้างในป้อมรักษาความปลอดภัย!”
[ถ้าอย่างนั้นมันน่าจะอยู่ข้างในห้องที่เป็นห้องหลักรักษาความปลอดภัย หรือ ห้องควบคุมในห้าง! ส่วนใหญ่มันอยู่ในนั้น เราเคยมีห้องดําเนินงานในห้างสรรพสินค้าอื่นๆ มาก่อน ]
“จะเป็นที่นรกขุมไหนกันที่ฉันจะเจอห้องนั้น! เราไม่มีเวลามากพอที่จะหามันหรอกนะ!”
[เกิดอะไรขึ้น? เธอดูอารมณ์รุนแรงมากนะ]
“มาร์คกําลังต่อสู้อยู่กับซอมบี้กลายพันธุ์อันทรงพลังอยู่นะตอนนี้! เขาอาจจะถูกฆ่าได้เลยถ้าเราใช้เวลามากเกินไป”
[อะไรนะ? พวกเราไม่มีทางเลือกแล้ว! พวกเราต้องทิ้งยานพาหนะเอาไว้ข้างนอกก่อน! แองเจไลน์! ไปที่ทางเข้า พนักงานและเอาสิ่งกีดขวางหลังประตูออก! ทางเข้าน่าจะอยู่ทางด้านตะวันออก]
“โอเค!”
แองเจเห็นประตูและวิ่งเข้าไปทันที เธอเตรียมปืนของเธอขึ้นและชักลูกกระสุนไว้ ที่นั่นมีซอมบี้อยู่หลายตัวข้างในห้อง เธอไม่ลังเลสายตาอีกต่อไป เธอยิงเหล่าซอมบี้โดนทันทีไม่ว่ามันจะเป็นซอมบี้นักกัดหรือซอมบี้นักกระหายก็ตาม
หลังจากที่เธอได้จัดการสังหารเหล่าซอมบี้ เธอปิดประตูที่เปิดอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของห้องทันทีซึ่งนําไปสู่โถงทางเดินที่มีซอมบี้กําลังวิ่งเข้าหาเธอ
จากนั้นเธอก็ได้เอาเก้าอี้โต๊ะหลายๆ ตัว และสิ่งของมีน้ําหนักต่างๆที่กองรกอยู่มาทําเป็นที่กีดขวางกั้นประตูข้างหน้าไว้
มาร์คหายใจหอบเหนื่อยเมื่อได้วิ่งผ่านระหว่างรถไปแต่ละคัน เขาไม่ได้สนใจสภาพของเขาหลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ ในขณะที่อะดรีนาลีนของเขาพุ่งพล่านอย่างเต็มที่ ถึงอย่างไรโอกาสในการโจมตีของเขาก็น้อยลงเรื่อย ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถที่มี เขาคงกลายเป็นเนื้อสับให้มันไปแล้วเรียบร้อย
ลานจอดรถแห่งนี้เป็นที่ตั้งของซอมบี้ หญิงกลายพันธุ์ตัวนี้มันเหมือนปลาใหญ่ ในน้ําในขณะที่เขาถูกมัดด้วยกุญแจมืออยู่ในน้ํา หญิงกลายพันธุ์สามารถใช้เพดานและกําแพงกระโดดข้ามและโค่นรถได้ ในขณะที่เขาไม่สามารถทําอะไรได้ นอกจากวิ่งหลบหนีโดยแทบไม่มีเวลาตอบโต้การโจมตีกลับไป!
รถยนต์หลายคันเริ่มส่งสัญญานเสียง ดังเนื่องจากสัญญาณเตือนที่ติดตั้งไว้ดับลง กระจกหน้าต่างแตกกระจัดกระจายบนพื้นขณะที่ยานพาหนะขนาดเล็กและน้ําหนักเบาถูกโค่นล้มลงไป
มาร์คได้ผลักดันความสามารถทางจิตของเขาให้ถึงขีดความสามารถสูงสุด เขาพยายามที่จะรักษาแรงกดดันที่ซอมบี้กลายพันธุ์นี้กําลังชักนํา และตรวจจับความผันผวนทางอารมณ์ของมันไว้เพื่อเฝ้าติดตามการโจมตีของมัน และเมื่อซอมบี้หญิงนั้นมีสติก็สามารถต้านทานได้อยู่สักครู่
เขาได้สังเกตุแล้วว่าแม้ว่าซอมบี้กลายพันธุ์นั้นจะเร็วและแข็งแรง มันไม่ใช่ความแข็งแกร่งเต็มที่ของมันเลย ราวกับว่ามันกําลังกลั้นเอาไว้
เมื่อใช้การตรวจจับความแปรทางอารมณ์ก็รู้ได้ว่าซอมบี้หญิงตัวนี้พยายามที่จะฝืนกลั้นเอาไว้ แต่อะไรก็ตามที่เป็นสาเหตุทําให้เธอเป็นแบบนี้ก็กําลังกัดกินเธออยู่ข้างในอย่างช้าๆทั้งทางด้านกายภาพและด้านจิตใจ
มาร์คเริ่มพยายามที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับซอมบี้หญิงตัวนี้ เพราะมันนั้น ต่างไปจากซอมบี้นักกัดและนักกระหาย เมื่อใช้สมมติฐานของเขาการกลายพันธุ์ เป็นซอมบี้ร่างยักษ์นั้นเกิดขึ้นจากหลังที่เขาเป็นซอมบี้นักกัดแล้ว ในขณะที่การกลายพันธุ์เป็นซอมบี้นักกระหายนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่พวกเขาได้กลายเป็นซอมบี้นักกระหาย ซอมบี้หญิงที่เขากําลังต่อสู้อยู่ตอนนี้ก็เริ่มกลายพันธุ์ ในขณะที่มันนั้นไม่ได้กลายเป็นซอมบี้นักกัดหรือซอมบี้นักกระหายมาก่อนเลย เขาไม่รู้สาเหตุแต่เขาแน่ใจได้แน่ว่าต้องเป็นแบบนั้น
ปัง!
มาร์คจัดการเปิดฉันโดยการซ่อนตัวอยู่ข้างหลังรถตู้ที่อยู่ใกล้ๆ เขากระโดดเข้า กําแพงและเคลื่อนตัวไปอยู่บนหลังคารถตู้ ซอมบี้กลายพันธุ์ไม่ได้คาดคิดว่า เขาจะทํา ในขณะที่มันกําลังไล่จับเขา แต่ก็ไม่สามารถทําได้ เขาจึงจัดการยิงมนุษย์อยู่
เลือดพุ่งออกมาจากหลังซอมบี้หญิง ในจุดที่ไม่มีหุ้มเกราะกระดูกปกคลุมและ มันก็ได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ซอมบี้หญิงนั้นก็ได้ตะเกียกตะกายใน ขณะที่มาร์คนั้นตรวจพบว่าเธอมีสติสัมปชัญญะของมนุษย์พยายามที่จะระงับร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมเอาไว้ เธอพยายามพุ่งเข้าไปหามาร์คอีกครั้ง ในขณะที่ดวงตาความเป็นมนุษย์ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งของเธอก็มีเลือดไหลออกมาเป็นน้ําตา
“ได้โปรด… ฆ่าฉันที… ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
หุ้มเกราะกระดูดเริ่มที่จะงอกขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่ามันจะค่อยๆงอกออกมาช้าๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงงอกออกมาเรื่อยๆ
จากผู้เขียนทุกอย่างกําลังจะอันตรายขึ้น!
จากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนี้บ้าง? ดูเหมือนว่าไม่มีใครที่อยากจะช่วย เหลือเธอ
ผู้หญิงคนนี้จะถูกช่วยเอาไว้หรือไม่หรือมาร์คจะฆ่าเธอให้ตาย
ทั้งสองทางนั้น มาร์คต้องเลือกอย่างชาญฉลาด