นิยาย มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)
ตอนที่ 61 : คนรับใช้กลายพันธุ์
หญิงกลายพันธุ์เดินโซเซไปข้างหลังพร้อมกับกุมหัวของเธอและกรีดร้องด้วยน้ําเสียงที่โหยหวนทรมานเสียงร้องของเธอที่เปร่งออกมานั้นคือเสียงที่ไม่ใช่เสียงของมนุษย์
“มาร์ค เริ่มพูดบรรยายถึงในสิ่งที่เขากําลังจะทําใครก็ตามที่มาเห็นก็คงจะคิดว่าเขานั้นเป็นบ้าที่มาพูดคนเดียวแบบนี้แต่จริงๆแล้วเขากําลังพูดอยู่กับกล้องบลูธูทที่ติดไว้ที่คอเสื้อ
“นายใช้ความสามารถในการรับรู้และซึมซับอารมณ์อยู่เสมอแต่นายไม่เคยพยายามปลดปล่อยพลังงานลบที่นายซึมซับไปไม่น่าแปลกใจที่นายรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ทุกๆครั้งเมื่อพูดถึงพลังงานลบเหล่านั้นและเก็บพลังงานเหล่านั้นโดยไม่ใช้ออกมาแม้แต่นิดเดียวนั่นคือ เหตุผลที่นายมีรังศีที่ทําให้ผู้คนไม่อยากเข้าใกล้อยู่เสมอไง!”
เขาเอียงหัว
“อ่าาาา นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของนายใช่มั้ยละเพราะนายมันก็เป็นพวกนอกรีตไงฮ่าไม่เป็นไรอย่างไรก็ตามนายก็ยังสามารถปล่อยออกมาแบบนี้ได้นะดูสะ!”
โผละ! หญิงกลายพันธุ์คุกเข่าล้มลงไปพร้อมกับกุมศรีษะและกรีดร้องไปด้วยเธอนั้นกําลังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ที่ศรีษะเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างแทงเข้าไปราวกับว่ากะโหลกของเธอถูกเจาะเข้าไป
“อุ้ปปส์ ฉันทํารุนแรงเกินไปแล้ว…”
“มาร์ค” เดินเข้าไปหาหญิงกลายพันธุ์ที่คุกเข่าล้มอยู่โดยปราศจากความกลัวและจับไปที่หน้าผากของเธอ
“มันค่อนข้างยากนะถ้าจะทําให้เป้าหมายของเรานั้นมีสติขึ้นมาได้ ถ้าหากอยู่ในระยะไกลๆน่ะ?”
จากนั้นความรู้สึกกดเข้าไปยังศรีษะ ของหญิงคนนั้นแต่เธอก็ไม่ได้ร้องตะโก นอีกต่อไป แต่ดวงตาที่มืดสลัวของผู้ หญิงกลับสว่างไสวขึ้นมา
“เธอสามารถพูดขึ้นมาได้บ้างหรือยัง?ฉันกําลังปราบปรามอยู่กับอะไรก็ตามที่กัดกินจิตใต้สํานึกและสติของเธออยู่เธอได้ยินที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ใช่มั้ย?”
หญิงกลายพันธุ์มองไปที่ “มาร์ค” และมองลงต่ําอีกครั้งเธอมีอาการที่เศร้าโศกแสดงออกมาที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าที่มีความเป็นมนุษย์ของเธอ
“ขอร้อง แค่ฆ่าฉันที่”
“ทําไมล่ะ”
“ฉันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วฉันไม่อยากมีสภาพแบบนี้ตั้งแต่ตอนนั้นฉันรับมันไม่ได้!ฉันฆ่าครอบครัวของฉันด้วยน้ํามือของฉันเอง!”
น้ําตาแห่งสายเลือดหลั่นไหลออกมาจากดวงตาของเธอทั้งสองคู่ หัวใจของเธอได้แตกสลายย่อยยับไปแล้ว
เมื่อพวกซอมบี้เริ่มปรากฏออกมาเพื่อที่จะปกป้องลูกแฝดสาวและแฝดชายของเธอข้อเท้าของเธอก็ถูกพวกมันกัดเนื่องจากความช่วยเหลือของสามีเธอ เธอจึงหาทางหลบหนีออกมาได้และพวกเธอก็ได้เข้ามายังลานจอดรถนี้กับครอบครัวของเธอและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ
เนื่องจากเธอถูกกัดที่ข้อเท้าเธอนั้นหวั่นใจมากว่าเธออาจะกลายร่างแต่กลับต้องประหลาดใจมากกว่าห้านาทีผ่านไปเธอก็ยังคงไม่เป็นอะไร
แต่..
ผ่านไปสามชั่วโมงหลังจากที่เธอถูกกัดเธอเริ่มควบคุมร่างกายของเธอไม่ได้และกระดูกของเธอก็เริ่มงอกออกมาปกคลุมร่างกายของเธอเริ่มจากจุดที่เธอโดนกัด
หลังจากที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และร่างกายได้แล้วคนแรกที่เธอเข้าไปจู่โจมด้วยกรงเล็บของเธอเองนั้นคือครอบครัวของเธอ เธอนั้นมีสติรับรู้และเห็นทุกๆอย่างแต่เธอไม่สามารถที่จะทําอะไรเพื่อที่จะหยุดมันได้เธอตบเข้าไปที่หน้าสามีของเธอซึ่งเขานั้นปกป้องลูกๆอยู่กรงเล็บของเธอแทงทะลุเข้าไปยังแผ่นหลังของสามีเธอและทะลุเข้าไปยังลูกของเธอซึ่งสามีของเธอนั้นกําลังปกป้อง อยู่เลือดสาดกระเด็นออกมาจากครอบครัวอันมีค่าของเธอ
เมื่อเธอได้จู่โจมทุกๆคนแล้วจากนั้นเธอก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้มากยิ่งไปกว่าเดิมทั้งกรีดทั้งแทงสติสัมปชัญญะของเธอนั้นเห็นภาพนั้นทั้งหมดในขณะที่ร่างที่กลายพันธุ์ของเธอนั้นก็ได้ฆ่าเล่นอ ยู่กับผู้คนที่มีชีวิตที่ถูกเธอฆ่าตาย
“โฮะ? อยางงั้นหรอกหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็น่าเวทนาเสียมากๆ เด็กๆนั้นยังมีชีวิตอยู่และแม่ของพวกเขานั้นก็อยากจะตายสะแล้วพวกเขาจะใช้ชีวิตยังไงกับโลกที่แสนโหดร้ายนี้ได้โดยปราศจากทั้งพ่อ ทั้งแม่กันนะ?”
เธอมองไปที่มาร์ค “มาร์ค” ด้วยความสับสนจนกระทั่งเธอตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นหมายความว่าอะไรเธอพยายามที่จะลุกขึ้นด้วยความตกใจ
“เฮ้! เฮ้! เดี๋ยว! อย่าขยับสิไม่งั้นเธออาจจะสูญเสียการควบคุมอีกครั้งนะ”
เธอนั้นก็ยังกระวนกระวายใจอยู่แต่ก็เชื่อฟังในสิ่งที่มาร์คบอก
“นายพูดความจริงหรอ!ลูก ลูกของฉันยังมีชีวิตอยู่งั้นหรอ?!”
“อะไรนะ? ไม่เชื่อฉันงั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะทํายังไงแล้ว พวกเขานั้นปลอดภัยแม้ว่าทั้งคู่นั้นยังหมดสติอยู่”
“มาร์ค” มองตรงไปยังพื้นที่ฝั่งปีกตะวันออก
“ถ้าอย่างนั้น? เธอยังอยากตายอยู่หรอ?”
“ไม่! แต่!”
หญิงที่ซึ่งกําลังคุกเข่าอยู่กับพื้นใช้มือที่ยังเป็นร่างมนุษย์ของเธอสัมผัสไปที่เกราะที่หุ้มอยู่ตามร่างกายของเธอส่วนใหญ่
“พูดมาสิ”
“มาร์ค” พูดออกไปทําให้หญิงนั้นมองไปที่เขา
“เธอเป็นพ่อแม่ที่ดีใช่มั้ย?”
“ใช่สิ! ฉันรักลูกๆของฉัน! ฉันสามารถยอมแลกชีวิตของฉันให้กับพวกเขาได้เลย!”
“มาร์ค” พยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้น อะไรคือคําตอบของเธอสําหรับโจทย์ของฉันที่ให้ไป ฉันสามารถปกป้องเธอและเธอสามารถดูแลลูกของเธอได้แต่เธอจะต้องกลายมาเป็นคนใช้ให้บริวารให้กับเขา”
“มาร์คยิ้ม
“เธอเห็นด้วยมั้ย?”
หญิงคนนี้เริ่มตื่นเต้น และเมื่อเธอรู้ว่าแม้แต่สามีของเธอก็ไม่สามารถทํามันได้อย่างน่าเศร้าอย่างน้อยเธอก็สามารถชดใช้บาปของเธอได้ในขณะที่เธอดูแลและปกป้องลูกๆของเธอในโลกที่สับสน วุ่นวายแม้ว่าเธอจะต้องขายตัวเองให้กับปีศาจยังไงเธอก็จะยอมรับมัน
“ฉันตกลง!”
“ได้เลย!”
“มาร์ค ตะโกน ในขณะที่เขาปลดปล่อยพลังงานทางจิตขนาดใหญ่ที่เจาะเข้าไปในจิตสํานึกของความโหดเหี้ยมที่พยายามจะกัดกินผู้หญิงคนนี้
“จ๋ๆ มันเหมือนกับม้าพยศที่ดุร้ายบ้าเอ้ย!”
เขากําลังใช้พลังงานที่ปล่อยออกมาเพื่อกระจายและจํากัดจิตสํานึกอันแปลกปลอมไว้ในหัวของผู้หญิงคนนี้แต่ไม่สามารถทําได้เนื่องจากมันดุร้ายและไม่สามารถควบคุมได้ในระหว่างที่เขาทําแบ บนั้นหญิงนั้นก็ตัวสั่นไหวในขณะที่พยายามที่จะเอาความเจ็บปวดนั้นออกไปจากหัวของเธอ
“วิธีนี้เป็นไปไม่ได้เหอะ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะใช้ความสามารถที่ไอโง่นอกรีตนี้ก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ําว่ามีความสามารถ
แบบนี้!”
การไหลของพลังงานเปลี่ยนไปมันกลายเป็นความสงบและความสบายใจค่อยๆไหลเข้าสู่ร่างกายของหญิงคนนี้มันเหมือนกับน้ําเย็นที่ไหลไปในร่างกายของเธอในช่วงฤดูร้อน
เธอนั้นเริ่มที่จะหยุดตัวสั่นไหวและร่างกายของเธอก็เริ่มผ่อนคลาย จิตสํานึกอันโหดเหี้ยมก็เริ่มที่จะสงบลงไปจากนั้น“มาร์คก็ตะโกนออกมา
“เร็ว! สังหารมัน!”
“ทําอย่างไรล่ะ!”
“ก็เหมือนกับที่เธอพยายามต่อต้านมันก่อนหน้านี้!”
หญิงสาวหลับตาลงขณะที่เธอเริ่มดิ้นรนเพื่อให้สามารถควบคุมจิตใจของเธอได้เต็มที่จิตสํานึกแปลกปลอมในร่างกายของเธอนั้นกําลังถูกกลืนกินและโดนสังหารไปอย่างช้าๆ
ระหว่างนั้นกระดูกที่หุ้มเกราะที่คลุมตามร่างกายของเธออยู่นั้นก็ได้หดกลับลงไปมันหดกลับไปอย่างช้าๆอย่างไม่หยุดหย่อนถึงแม้ว่ากระดูกเกราะสีเทานั้นเข้าไปในร่างกายของเธอแต่มันก็ไม่ได้เกิดบาดแผลหลุมหรือรอยแผลเป็นลงเหลืออยู่บนผิวหนังของเธอ ราวกับว่าผิวหนังและกล้ามเนื้อของเธอปล่อยให้กระดูกได้หดเคลื่อนไหวลงไปได้อย่างอิสระใช้เวลาไม่นานหุ้มเกราะกระดูกทั้ง หมดที่ปกคลุมร่างกายของเธอก็หายไป
หญิงสาวนั้นก็ดูอ่อนแอลงเมื่อเธอได้ลืมตาขึ้นมาแต่อย่างไรเธอก็มีความสุขอย่างเห็นได้ชัดราวกับว่าเธอถูกชุบชีวิตขึ้นมาเป็นครั้งที่สองเธอยืนขึ้นและกล่าวออกมา
“ขอบคุณนะ”
นั่นเป็นความรู้สึกขอบคุณที่ออกมาจากกันบึงของหัวใจเธอจริงๆ
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากได้คําขอบคุณของเธอชีวิตของเธอเป็นสมบัติของเขาแล้วจําได้มั้ย?”
“อืมมม ใครคือเขาคนที่นายพูดถึงอยู่ ?”
“หะ? เธอโง่รึป่าว?เธอมีสติอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เธอถูกอะไรก็ตามกลืนกินเธออยู่เธอคิดว่าฉันคือคนเดียวกับคนที่เธอสู้ด้วยในตอนแรกงั้นหรอ?”
“มาร์ค” เริ่มเปิดใจขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นนายกําลังพูดถึงคนก่อนหน้านี้…นั่นคือบุคลิกหลักของ นายก่อนหน้านี้ใช่มั้ย?”
“อืมมมม…ก็ไม่แย่นะ ใช่เลย!ถ้าอย่างนั้นเธอก็กลายเป็นทาสของเขาแล้ว
“ใช่ แต่ นายไม่กลัวหรอว่าฉันจะไม่ทําตามคําพูดและเงื่อนใขน่ะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าไปทําให้ฉันหัวเราะสิ!ฉันน่ะแปลกใจมากกว่าที่เธอนั้นยอมรับ ข้อตกลทั้งหมดด้วยหัวใจที่แท้จริงของเธอ”
เขาเอียงศรีษะและยิ้มให้กับหญิงสาวคนนี้
“มันเป็นเพราะว่าสิ่งที่เรียกว่าหนี้ชีวิตฉันไม่สามารถที่จะจ่ายได้ด้วยชีวิตทั้ง หมดของฉันหรอกฉันได้ตายไปแล้วก่อนหน้านั้นฉันถูกกัดและนี่คือโอกาสที่ฉันจะตอบแทนกับสิ่งที่นายให้ฉันมาและถ้าฉันไม่ปฏิบัติตามฉันแน่ใจได้เลยว่าฉันมีชีวิตของลูกฉันเป็นเดิมพัน”
หญิงสาวผู้เป็นแม่คนก็ได้ยิ้มออกมาอย่างสดใส
“ก็ดีนะ ฉันชอบบุคลิกของเธอนะ! ถ้า
อย่างงั้นท่าให้ดีที่สุดและทําให้เจ้านายของเธอยอมรับเธอ!”
“จะ เจ้านาย?”
“ก็ใช่น่ะสิ! ชายคนนี้นะเป็นพวกนอกรีตเกินไปซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องมี ปัญหาแน่เมื่อเธอแนะนําตัวเองในฐานะว่าเป็นบริวารของเขาเมื่อเขาตื่นขึ้นมาคุ ฉันอยากจะเห็นสีหน้าของหมอนั่นจังว่าจะเป็นยังไงเขาจะพยายามที่จะเขี่ยเธอทิ้งอย่างแน่นอน”
“มาร์ค ยกมือขวาขึ้นและเซ็ทผมด้วยมือของเขาไปด้วย
“ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามที่ผลักไสเธออกไปนะเธอก็จะยังเป็นคนใช้ให้เขาและจะต้องเชื่อฟังทุกอย่างที่เขาบอกเว้นแต่เขาจะไล่เธอออกไปและนั่นก็เป็นฉันคนเดียวที่สามาถทําได้เข้าใจมั้ย?”
หญิงสาวได้พยักหน้าด้วยเหงื่อเย็นๆที่ไหลออกมาตามแผ่นหลังของเธอเมื่อ“มาร์ค”ได้จ้องมองไปที่เธออย่างน่ากลัวเมื่อเขาพูดประโยคสุดท้ายนั้นออกมา
“บอกสิ ว่าเธอสามารถควบคุมกระดูดเกราะของเธอนั้นได้?”
“ฉันทําได้ดูสิ”
เธอยื่นแขนขวาของเธอไปข้างหน้าผิวหนังบนมือของเธอแตกออกในขณะที่กระดูกสีเทาของเธอห่อหุ้มมือเอาไว้ราวกับถุงมือ
“หืมม ฉันนี่ช่างคัดสรรสิ่งดีๆจริงๆ”
เขาพยักหน้าเมื่อเขาได้มองไปยังกระดูกถุงมือที่หญิงสาวนั้นสวมใส่จากนั้น “มาร์คก็ได้ถอนหายใจเขาเอากล้องออกมาจากคอเสื้อและหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าหนังที่อยู่ที่เอวของเขา เขานั้นก็ยืนสองสิ่งนี้ให้กับหญิงสาว
“นี่คือ?”
“ซ่อนของเหล่านี้ไว้และอย่าให้ใครยกเว้นเขาเมื่อเขาได้ตื่นขึ้นแล้ว โอเคมั้ย?และเธอไม่หนาวใช่มั้ย? ฉันไม่คิดว่าเธอเป็นคนชอบแสดงออกหรอกนะแต่บางที่ฉันก็คิดผิด”
“มาร์ค” ได้สแกนดูร่างกายของเธอ
เมื่อเธอเห็นสิ่งที่เขาจ้องมองเธอก็ได้ก้มหน้าลงไปและเห็นว่ายอดเขาและพุ่มไม้ที่โตเต็มที่ด้านล่างของเธอล้วนถูกเปิดเผยให้กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอใบหน้าของเธอแดงขึ้นและหันร่างกายไป ทางอื่นด้วยความอับอายปกติแล้วเธอคงจะตบหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอแต่เธอไม่รู้สึกว่ามันจะถูกต้องที่จะทําเช่นนั้นต่อผู้ช่วยชีวิตเธอและด้วยเหตุผลอย่างน้อยหนึ่งข้อคือเธอกลัวที่จะทําให้เขาขุ่นเคืองต่อเธอ
“อย่างไรก็ตาม หาอะไรมาสวมใส่และพาลูกของเธอมาที่นี่จําไว้ล่ะ ซอมบี้กลายพันธุ์ที่ฉันต่อสู้ด้วยก่อนหน้านั้นได้บาดเจ็บและวิ่งหนีไปแล้วเธอเป็นเพียงแค่ผู้รอดชีวิตที่จัดการเอาชีวิตรอดจาก ซอมบี้กลายพันธุ์นั้นได้เธอเข้าใจใช่มั้ย?”
จากนั้นเขาก็หันเดินไปสู่ยังกําแพงที่ใกล้ที่สุด
“นายจะไปไหน?”
หญิงสาวร่างเปลือยได้ถามออกไป
“เวลาของฉันหมดแล้ว จําข้อตกลงและคําสั่งของฉันให้ดีเอาไว้นะ ทําได้มั้ย?”
ภายใต้การจ้องมองของหญิงสาวนั้นเขาก็ได้นั่งลงกับพื้นและพิงตัวไปที่กําแพงจากนั้นศีรษะของเขาเสียหลักไปด้านข้าง