ตอนที่ 65 : ตื่นขึ้น
วันที่ 2 – เวลา 06.28 นาฬิกา – ห้าง สรรพสินค้าบาควร์, ชั้นสาม, โซนขายสินค้าไอที
มาร์คผู้ซึ่งหมดสติไปก่อนที่การต่อสู้ ในคืนก่อนหน้าจะเสร็จสิ้นลงค่อยๆลืมตาขึ้นขณะนอนอยู่บนที่นอนนุ่ม ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่เพดาน มันเป็นเพดานที่ไม่คุ้นเคย’ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขานึกถึงเป็นครั้งแรก แต่เขาพยายามรวบรวมความทรงจําทั้งหมดของเขาอย่างใจเย็นก่อนที่จะพังทลายลง โดยที่เขานั้นก็ไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เขาอยู่ในห้องเก็บของของฐานเก็บของ
เขาไม่ใช่คนขี้เซาหลังจากได้ตื่นนอน ในตอนเช้าแม้ว่าเวลาที่ตื่นนั้นจะแย่ก็ตาม เขาค่อนข้างหัวโล่งอยู่เสมอแม้ว่าจะยังง่วงอยู่หลังจากตื่นนอนก็ตาม
หลังจากที่กําลังทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาก็ได้พยายามวิเคราะห์หลายๆสมมติฐานว่าเขามาจบลงที่นี่ได้อย่างไร เขาเป็นคนที่ไม่ชอบพูดเยอะ และด้วยเหตุนี้เขาจึงเรียนรู้ที่จะตั้งสมมติฐานและพยายามค้นหาสถานการณ์ ความเป็นจริงโดยใช้เบาะแสที่หาได้รอบตัว เหมือนกับวิธีที่เขาจัดการกับคําถามมากมายที่เขาชอบถามกับพอลล่าเมื่อวานนี้ เขาถามเกี่ยวกับความสามารถ และภูมิหลังของเธอเท่านั้น และเขายังสามารถสรุปได้โดยใช้การสังเกตของเขาและความสามารถของเขาเอง
เมื่อเขาตื่นขึ้นมา สิ่งที่แรกที่เขาอยากจะทําเลยก็คือยกตัวขึ้นมาและนั่งลงบนอะไรก็ตามที่เขาได้นอนแถอยู่
“หนักจัง
นั่นคือความรู้สึกที่เขาพยายามเคลื่อนไหวร่างกาย มาร์คมองไปรอบๆกายของเขาและเขาเห็นว่ามีผู้หญิงสองคนนอนอยู่ข้างๆเขา ด้านขวาของเขาคือเหมยที่คุกเข่าลงกับพื้นในขณะที่ศรีษะของเธอก็ได้นอนแนบไปกับฟูกนุ่มๆที่เขานอนอยู่ และมือของเธอก็จับมือขวาของเขาเอาไว้ ด้านซ้ายนั้นคือแอ็บบีเกลซึ่งได้กอดเขาไว้อย่างแนบแน่น
ในขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่อาจจะรู้สึกโชคดีถ้าพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่สําหรับมาร์คนั้นเขารู้สึกไม่สบายตัว
เด็กสาวพวกนี้ทําอะไรกับคนที่ได้รับบาดเจ็บ…
เขาหยุดความคิดนั้นไว้ เมื่อเขา พยายามรู้สึกถึงร่างกายของเขา เขาไม่ได้รู้สึกบาดเจ็บ ในทางตรงกันข้ามจริงๆ แล้วเขานั้นกลับรู้สึกว่าร่างกายของนั้นค่อยๆแข็งแรงขึ้นที่ละนิดมากกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะตรงปลายแขนและปลายขา
มาร์คค่อยๆดึงมือของเขาออกมจากกับจับของเหมยและค่อยๆเอาตัวออกมาจากแอ็บบีเกลก่อนที่เขาจะนั่งลง
หลังจากนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงเข้ามาในห้อง
“เธอ…”
เขาได้ตกใจอยู่ข้างใน
คนที่เข้ามาคือหญิงวัยผู้ใหญ่ซึ่งเธอสวมเสื้อกล้ามสีดําคลุมด้วยเสื้อแจ็คเก็ต ยีนส์กางเกงรัดรูปและร้องเท้าแตะฟองน้ํา จากนั้นมาร์คก็จ้องไปที่ใบหน้าของหญิงคนนี้
ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้นั้นมาร์คนั้นไม่มีทางลืมลง เขามั่นใจได้แน่นอนว่าเธอคือหญิงคนที่ปกคลุมมไปด้วยเกราะกระดูกสีเทาเมื่อคืน!
หญิงนั้นดูตกใจเมื่อเธอเห็นเขานั่งอยู่บนเตียงในขณะที่จ้องมองไปที่เธอ จากนั้นเธอจึงแก้ไขท่าทางของเธอให้เหมาะสมและยิ้มออกไป
“เจ้านาย ในที่สุดคุณก็ตื่น”
มาร์คได้ยินในสิ่งที่เธอเรียกเขา แต่ก็เพิกเฉยไปในตอนนี้เมื่อเขาได้ใช้ความ
สามารถของเขาเพื่อหาว่าหญิงคนนี้นั้นมีเจตนาอะไร แต่เขาก็ได้ขมวดคิ้ว
เหมือนกับแอ็บบีเกล มีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปในการผันผวนของจิตใจของเธอ แม้ว่าอารมณ์ของเธอนั้น แสดงออกมายังใบหน้าความผันผวนของอารมณ์ของเธอนั้นเต็มไปด้วยความจงรักภักดีและสํานึกในบุญคุณ มันไม่เหมือนเช่นเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง เมื่อเขาต่อสู้กับเธอก่อนหน้านี้ความผันผวนทางอารมณ์ของเธอมาจากจิตสํานึกที่กัดกร่อนเธอเอาไว้
“หรือว่าหน้าฉันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ?”
หญิงสาวพูดในขณะที่มาร์ค ก็เอาแต่จ้องเธอโดยไม่พูดอะไร
“เธอเพิ่งเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“ฉันไม่ได้เรียกว่าเจ้านายหรอ?”
“ทําไม?”
มาร์คคาดหวังให้เธอตอบ แต่สิ่งที่เธอทําคือแสดงสีหน้าหนักใจก่อนที่เธอจะ หยิบอุปกรณ์ขนาดเล็กและโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
สีหน้าของมาร์คก็เปลี่ยนไป มันคือกล้องบลูธูทของเขาและโทรศัพท์ที่เขาใช้เพื่ออัดเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนเย็น
ในขณะที่เขารับอุปกรณ์เหล่านั้นมา เสียงของเขาก็ทําให้เหมยและแอ็บบีเกลตื่นขึ้น
เหมยได้ขยี้ตาของเธอเล็กน้อยพร้อมกับยืดแขนสองข้างของเธอออกและหาวไปพร้อมๆกัน ในขณะที่แอ็บบีเกลนั้นจ้องที่ไปมาร์คสักพักและตะโกนออกมา
“ปะป๋า!”
เหมือนจรวดเธอพุ่งตัวเข้ามาหามาร์ค เพื่อกอดเขาด้วยความดีใจ อย่างไรก็ตามหญิงสาวที่แข็งแรงนี้ลืมควบคุมความแข็งแกร่งของเธอ แอ็บบีเกลกับปะป๋าของเธอล้มลงไปกัยพื้นอย่างเสียงดัง
โชคดีที่เหมยนั้นหายจากความงุนงง ในตอนเช้าขณะที่เธอเห็นมาร์คและแอ็บบีเกลตกจากเตียง เธอถอยห่างออกมาจากจุดนั้น ไม่เช่นนั้นมาร์คอาจจะตกลงมาทับเธอได้
มาร์คนั่งอยู่ที่พื้นรู้สึกเจ็บไปที่กันของเขา เขาอยากจะตีไปที่หน้าผากของเด็กสาวตัวเล็กคนนี้เหลือเกินโอบกอดร่างกายของเขาอยู่ แต่เมื่อของมองเห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอ เขาก็ไม่อาจจะทําแบบนั้นได้
“พี่คะ!”
ในที่สุดเหมยนั้นก็ได้แสดงปฏิกิริยาต่อฉากภาพที่อยู่เบื้องหน้าของเธอและก็ได้ กระโดดเข้าไปกอดมาร์คด้วย
“โถ คุณช่างที่เป็นที่รักจังเลยนะคะ เจ้านาย”
หญิงสาวมองดูอยู่ข้างๆประตูพร้อมกับหัวเราะคิกคักไปด้วย
มาร์คมองไปที่เธอเล็กน้อยซึ่งก็ทําให้เธอหยุดหัวเราะก่อนที่จะหันไปหาทั้งสองคนซึ่งดูมีความสุขที่เขาได้ตื่นขึ้นมา ความรู้สึกมันดีมากๆที่รู้ว่ายังมีคนที่เป็นห่วงเขาอยู่ เขาค่อนข้างมีความสุข แต่อย่างไรก็ตามเขายังรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย เพราะเขาไม่คุ้นเคยกับความเสน่หาเช่นนี้
“พวกเธอสองคนปล่อยฉันเคลื่อนตัว ไปที่อื่นได้มั้ย นั่งอยู่ที่พื้นเย็นๆนั้นมันไม่ สบายเอาสะเลย”
เด็กสาวทั้งสองคนก็ปล่อยเขาอย่างไม่เต็มใจ ในขณะที่เขานั้นก็ได้กลับมานั่งบนเตียงซึ่งในที่สุดก็ทําให้เขาเห็นว่าเตียงนี้นั้นทํามาจากอะไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทําไมเตียงมันถึงนอนไม่สบายเอาสะเลย มันทํามาจากกล่องที่มากองทับๆกันกับที่นอนบางๆ เขาขอนอนที่พื้นดีกว่าที่จะนอนตรงนี้
เมื่อเขาได้กลับมานั่งบนเตียง เด็กสาวที่สดใสมีความสุขทั้งสองคนนั้นก็นั่งอยู่ข้างๆเขาไม่ยอมละตัวห่างจากเขาไปไหน เมื่อได้ยินเรื่องราวจากเหมย เขาถึงได้รู้ว่าเขานั้นได้โดนหามใส่เปลและเหล่าทหารอุ้มเขามา ร่างกายของเขาเปื้อนเต็มไปด้วยเลือด ในขณะที่ปลายขาแขนและอกนั้นแสดงอาการอักเสบเฉียบพลัน อีกทั้งร่างกายก็ถูกเผาไหมไปด้วยไข้ที่ขึ้นสูง ดูเหมือนว่าเหมยจะเป็นคนดูแลเขาในช่วงที่เขานั้นทุกทรมานอยู่กับอาการบาดเจ็บจนกระทั่งมันดีขึ้น
“ขอบคุณนะ”
มาร์คลูบศรีษะของเหมย ก่อนที่การติดเชื้อจะเริ่มเกิดขึ้นเขารู้แปลกที่จะพูดคํานี้ออกไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาสามารถพูดมันออกมาได้อย่างไม่ฝืนและเป็นธรรมชาติ
เมื่อเห็นว่าปะป๋าของเธอลูบศรีษะของเหมยแอ็บบีเกลก็ได้เคืองใจขึ้นมา
“ปะป๋า หนูด้วยสิ!”
เด็กสาวตัวเล็กนี้ก็ได้ถูกบีบไปที่จมูก
เบาๆ
“เธอเพิ่งจะผลักฉันตกเตียงไปถ้างั้นนี่คือบทลงโทษ”
มาร์คมองไปที่หญิงสาวอีกครั้ง เพราะเธอเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นและยิ้มออกมา ในขณะที่ได้มองเขาทั้งสามคนหยอกเย้ากัน จากนั้นมาร์คก็ได้ถอนหายใจ
“คําตอบของคําถามที่ฉันถามเธออยู่ในบันทึกโทรศัพท์เครื่องนี้ใช่มั้ย?”
“คงจะเป็นแบบนั้น”
เมื่อปลดล็อคโทรศัพท์และเข้าไปยังอัลบั้มรูป เขาก็เริ่มดูวิดิโอโดยที่ข้างๆเขานั้นมีเหมยและแอ็บบีเกลดูอยู่ด้วย เพราะเขารู้สึกว่าไม่จําเป็นต้องหลบซ่อนสิ่งที่อยู่ในวิดิโอไม่ให้พวกเธอเห็น เขารู้ว่าเขาสามารถเชื่อใจเด็กสาวทั้งสองคนได้ จริงๆแล้วเขาก็ยังตลกกับตัวเองด้วยซ้ํา ที่เขานั้นสามารถเชื่อใจผู้คนขึ้นมาบ้างได้แล้ว
ระหว่างช่วงแรกของวิดิโอ เหมยมองดูหญิงสาวด้วยความตกใจเมื่อเธอเห็นว่า ในวิดิโอนั้นมีหญิงคนนี้อยู่ด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปสองสามช่วงของวิดิโอ เหมยและแอ็บบีเกลก็จ้องมองไปที่หญิงคนนั้นด้วยความเกลียดชังอย่างมากที่สุด พวกเธอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมาร์คถูกเตะถลาไกลออกไปและพวกเธอเห็นจํานวนเลือดที่เขาไอออกมาในวิดิโอ เจ้าตัวเล็กอาจเริ่มตบผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นยอมรับสายตาที่แสดงความเกลียดชังของเด็กสาวทั้งสองอย่างยินยอม เธอรู้ว่าเธอไม่มีอะไรจะพูด เพื่ออ้างหรือปกป้องตัวเองได้ จริงๆแล้ว เธอมีบางอย่าง แต่มันไม่สามารถให้เธอใช้เป็นเหตุผลได้
ต่อมานั้น หลังจากส่วนนั้นของวิดิโอ มันคือตาเอาคืนของมาร์ค ใบหน้าของเขาเริ่มมืดขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่เพราะจู่ๆบุคลิกภาพของเขาได้เปลี่ยนแปลง รวมทั้งการเคลื่อนไหวและคําพูด แต่เป็นเพราะ “เขา” ในวิดิโอคือเป็นผู้รับผิดชอบในการเพิ่มการบาดเจ็บในร่างกายของมาร์ค ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่า บางส่วนมาร์คนั้นดูคาดหวังว่าจะมีโอกาสที่เขา” จะออกมาเพรามาร์คนั้นดูไม่แปลกใจและตกใจเลย
คนที่อยู่ข้างๆเขา เหมยนั้นกลับตกใจในสิ่งที่เห็น ในขณะที่แอ็บบเกลมองดูด้วยความสับสน ดูเหมือนเธอนั้นไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นก็มาถึงพาร์ทที่เขาได้จัดการระหว่าง “เขา” ในวิดิโอและหญิงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาซึ่งมาพร้อมกับบทช่วยสอนเล็กๆน้อยๆ และความสามารถลึกลับที่ “เขา” ใช้ช่วยหญิงคนนี้
“ไอเฟร็ดนั่นสร้างปัญหาให้ฉันอีกแล้ว ไอเวรเอ๊ย”
“พี่คะ เกิดอะไรขึ้นที่นั่น พี่เป็นโรคหลายอัตลักษณ์ด้วยงั้นหรอ?”
เหมยถามด้วยความตกใจ มาร์คถอนหายใจ
“ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าเขาคืออีกบุคลิกหนึ่งของฉันหรือไม่ ชายคนนั้นรู้อะไรหลายๆอย่างที่ฉันไม่รู้ เธอก็เห็นว่าเขาใช้ความสามารถที่ตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่าฉันมี มันเอาจริงเลยนะชายคนนั้น่ะน่าปวดหัว สร้างปัญให้ฉันทุกๆครั้งในเวลาที่เขาได้ปรากฏตัวออกมา”
มาร์คได้เกาหัวของเขาเมื่อไม่รู้อะไร เกี่ยวกับเรื่องราวนี้ จากนั้นเขาก็มองไปที่หญิงคนนั้น
“เธอจะทําตามข้อตกลงระหว่างเธอกับเฟร็ดจริงๆหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นเขาชื่อเฟร็ดสินะ?”
“นั่นคือชื่อเขา ชื่อนั้นฉันตั้งให้เขาไม่ใช่เพราะว่าเจตนาดีหรอกนะ แต่เพราะว่าเขาทําอะไรตามใจชอบที่ทําให้ฉันเจอแต่ปัญหาตลอดเวลา พอเรื่องนี้ไว้แค่นั้นก่อน ตอบคําถามฉันมา”
มาร์คมองไปที่หญิงคนนั้นอย่างเคร่งขรึม
ด้วยการจ้องมองของมาร์ค หญิงคนนั้นก็ยิ้มออกมาและพยักหน้า
“คุณก็เห็นคําตอบของฉันในวิดิโอนั่นแหละ หรือว่าไม่เห็นคะ
? และฉันจะไม่ยอมปล่อยให้คุณผลักไสฉันออกไป ข้อดีของฉันมีหลายอย่างแต่สิ่งที่ดีที่สุดในตัวของฉันคือฉันชอบใช้หนี้บุญคุณที่ฉันติดไว้จนหมด ฉันถูกพ่อแม่เลี้ยงมาแบบนั้นน่ะ”
“การรับผิดชอบของเธอ เธอจะกลายมาเป็นคนรับใช้ให้ฉันตราบเท่าที่เฟร็ด บอกว่าให้เธอไปได้ใช่มั้ย? แต่ฉันแน่ใจว่า ว่าไอบ้านั่นไม่ปล่อยให้เธอไปหรอกนะเธอรู้มั้ย? อย่าบอกว่าเธอจะเอาทั้งชีวิตของเธอมาเป็นคนรับใช้ของฉัน? เธอก็มีลูกที่อยู่กับเธอด้วยเช่นกันนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะเจ้านาย ถ้าคุณอยากให้ ฉันออกไปเพราะว่าลูกของฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ว่าอะไรถ้าคุณจะเอาลูกของฉันอยู่ภายใต้อํานาจของนายด้วย”
มาร์คจ้องมองไปที่เธอ
“ต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติกับสมองเธอแน่ๆ ทําไมฉันถึงรู้สึกว่าการเป็นคนใช้นั้นสําหรับเธอนั้นเป็นเรื่องธรรม”
“ก็คงจะอย่างนั้น”
หญิงคนนั้นเกาไปที่แก้มของเธอและยิ้มออกมาอย่างกว้าง
“จริงๆแล้ว แม่ของฉันทํางานเป็นแม่บ้านในขณะที่พ่อของฉันนั้นเป็นคนสวน ในบ้านเดียวกัน ฉันโตมากับกับการช่วยพวกเขา เจ้าของบ้านนั้นรวยและก็ใจดีมากด้วย อีกทั้งพวกเขานั้นดูแลค่าใช้จ่ายการเล่าเรียนของฉันในตอนนั้น ดังนั้นเจ้านายสามารถพูดได้เลยค่ะว่าการเป็นคนรับใช้นั้นอยู่ในสายเลือดของฉัน”
มาร์คแทบจะรั้งตัวเองไม่ให้ตบหน้าผากของเขาเอาไว้ หญิงนั้นก็ได้กล่าวต่อ
“เพราะว่าฉันไม่คิดว่ามันแย่ที่จะรับใช้ คุณไม่ใช่แค่คุณมีความสามารถในการต่อสู้เกือบเทียบเท่ากับฉันที่กลายพันธุ์มาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะการป้องกันที่สูงของความสามารถของฉัน คุณอาจจะฆ่าฉันไปแล้วด้วยซ้ํา ยิ่งไปกว่านั้น คุณไม่ใช่คนธรรมดา
หญิงมองไปที่แอ็บบีเกล
“คุณยังมีอีกคนที่เหมือนฉันอยู่ข้างๆ และดูเหมือนคุณจะปฏิบัติกับเธอไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงทั่วไปเลย คนส่วนใหญ่จะถือว่าเราเป็นสัตว์ประหลาด แต่คุณไม่ใช่หนึ่งในนั้น”
หญิงคนนั้นก็ปฏิญานตน
“ถ้าอย่างนั้น เจ้านายคะ ฉันขอแนะนําตัวเอง ฉันชื่อโอเดลินา นาตาเซีย คุณเรียกฉันว่าโอเดลก็ได้ถ้าคุณต้องการ
มาร์คกุมขมับในขณะที่ศรีษะของเขาเริ่มปวดขึ้น
“เธอบังคับตัวเองให้อยู่ภายใต้ปีกของฉันใช่มั้ย?แต่ดูเหมือนว่าฉันไม่ได้มีปีกนั่นนะ”
โอเดลินาไม่ตอบคําถามของเขาเพียงแค่ยิ้มออกมา