มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 70 : คืนก่อนการออกเดินทาง

ตอนที่ 70 : คืนก่อนการออกเดินทาง

วันที่ 2 – เวลา 18.07 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาควร์, ลานจอดรถชั้นใต้ดิน, โซนพื้นที่ส่วนกลาง

งานปาร์ตี้นั้นยังคงไม่จบลงสําหรับผู้ รอดชีวิตและเหล่าทหารจนร้อยตรีราฟาเอลได้ลงมายังชั้นล่างที่อาคารจอดรถชั้นใต้ดินและเริ่มออกคําสั่งกับเหล่าทหาร ทหารออกจากกลุ่มทันทีและกลับไปทําหน้าที่ของพวกเขาในขณะที่บางคนวิ่งขึ้นบันไดทางปีกตะวันออก

หน่วยกู้ภัยที่ส่งมาก็มาถึงโดยใช้เวล าประมาณสามสิบนาที ทหารวางแผนที่ จะเลียนแบบสิ่งที่มาร์คและกลุ่มของเขา ทําเมื่อคืนนี้เพื่อล่อให้ผู้ติดเชื้อออกไป จากทางเข้าของลานจอดรถใต้ดิน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือพวกเขาวางแผนที่จะทําให้ตัวเลขลดลงโดยการขว้างระเบิดไปยังผู้ติดเชื้อที่ถูกล่อ เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเนื่องจากการออกจากห้างสรรพสินค้าจะยากขึ้นในภายหลังหากจํานวนผู้ติดเชื้อไม่ลดลงแม้แต่นิดเดียว

การมาถึงของหน่วยกู้ภัยก็ได้ทําให้ผู้รอดชีวิตนั้นมีกําลังใจมากยิ่งขึ้น ในที่สุด พวกเขาก็สามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ไปสู่สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยกว่านี้ได้หลายเท่า

เมื่อทีมกู้ภัยมาถึง มาร์คก็ได้เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน เขาบอกให้โอเดลินาพาลูกๆของเธอไปรอข้างในยานพหนะด้วยกันกับแอ็บบีเกล เพราะพวกเขาจะกลับเข้าไปยังโซนขายสินค้าไอทีเพื่อรวบรวมของใช้ของพวกเขาและของอื่นๆ กลับมา แอ็บบีเกลนั้นก็อยากจะตาม ปะป๋าของเธอไปด้วย แต่มาร์คนั้นมอบหน้าที่สําคัญให้กับเธอโดยการให้เธอ ช่วยปกป้องลูกๆของโอเดลินา แม้ว่าเธอจะดูทิ้งตึง แต่เธอก็ไม่ต้องการที่จะฝ่าฝืน คําสั่งปะป๋าของเธอและนั่งบนรถอย่างอดทน เธอทําตามคําสั่งของเขาอย่างเชื่อฟัง มาร์คสัญญาว่าจะหาขนมและของเล่นให้เธอเมื่อพวกเขากลับมา

กลับไปยังโซนขายสินค้าไอที มาร์คได้รวบรวมแล็ปท็อปที่เขาได้ตั้งค่าเอาไว้ แล้วเมื่อวานนี้ เขาวางแผนที่จะนําแล็ปท็อปไปด้วยสามเครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นเน็ตบุ๊กขนาดเล็กกะทัดรัดที่เขาสามารถใช้เล่นจิปาถะ ส่วนเครื่องที่ใหญ่ กว่าเขาสามารถใช้เล่นเกมได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ และอีกเครื่องหนึ่งสําหรับ สํารองในกรณีที่แล็ปท็อปเครื่องอื่นฟัง และไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ ทั้งสามเครื่องนั้นที่เขาตัดสินใจนํามานั้น มีราคาแพงที่สุดและมีคุณสมบัติดีที่สุดในโซนขายสินค้าไอที

เมื่อเขาได้ตรวจสอบแล็ปท็อปเขาก็ค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย ไม่ใช่เกมส์ทั้งหมดที่จะโหลดเสร็จทันเวลา อินเทอร์เน็ตนั้นได้ล่มไปหลายชั่วโมงก่อนหน้า

มาร์คยังไม่ลืมที่จะนําอุปกรณ์บางอย่างที่เป็นประโยชน์สําหรับพวกเขาโดยเฉพาะอุปกรณ์ usb ที่พวกเขาเคยใช้มาก่อน เขายังนําโทรศัพท์มือถือราคาแพงหลายเครื่อง วิทยุและเครื่องชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์

ในขณะที่มาร์คได้ค้นทั่วร้านขายสินค้าในโซนขายสินค้าไอที เหมยและโอเดลนาก็ได้ทําหน้าที่รวบรวมเสื้อผ้าและของจําเป็นอย่างเช่นสบู่และยารักษาโรค

กลุ่มของพวกเขาเดินกลับไปที่รถโดยใช้ลิฟต์ขนของและบรรทุกสิ่งของไว้ที่ด้านหลังของรถ สําหรับอาหารพวกเขา เพียงแค่ขับรถไปที่ทางเข้าโกดังและรับเสบียงจากที่นั่น

ภายในโกดังพวกเขาบังเอิญไปเจอกล่องขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่ากับ CPU ของคอมพิวเตอร์ในโซนพื้นที่จัดเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บนพื้นผิวกล่องขนาดใหญ่มีรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จริงๆแล้ว มันเป็นกล้องที่ติดตั้งโดรนควบคุมระยะไกล แน่นอนว่ามาร์คตัดสินใจคว้ามัน ดูเหมือนว่ามันจะต้องคว้าไว้ จากนั้นมาร์คก็นึกขึ้นได้เมื่อพวกเขาไปที่พื้นที่เก็บของเล่นเพื่อเอาของเล่นที่เขาสัญญากับแอ็บบีเกลไว้ พวกเขาก็คว้ารถบังคับควบคุมระยะไกล และของเล่นที่บินได้ โดยการควบคุมรีโมท มีหลายโอกาสที่เป็นไปได้ในการใช้ของเล่นเหล่านี้เพื่อความสนุกสนานในช่วงโลกาวินาศในตอนนี้

รถเต็มไปด้วยเสบียงแม้กระทั่งใต้เบาะ และช่องว่างบนรถ การคาดคะเนปริมาณอาหารที่พวกเขาบรรจุไว้มันจะคงอยู่ได้ อย่างน้อยสองสัปดาห์หากกินในระดับปริมาณที่พอดี

หน่วยกู้ภัยมาถึงก่อนที่พวกเขาจะเสร็จสิ้นการเตรียมการที่พื้นที่ส่วนกลางของที่จอดรถชั้นใต้ดิน รถบรรทุกขนาดใหญ่หลายคันจอดอยู่พร้อมกับยานพาหนะทางทหารมากกว่าสิบคัน

และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่มาร์คจะนําของชิ้นสุดท้ายไปด้วย มันคือผู้ติดเชื้อที่ว่านอนสอนง่ายที่เขาเก็บไว้ในห้องเก็บของในโซนขายสินค้าไอที มาร์คได้ไปเอาปลอกคอ โซ่และหน้ากากสําหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซ เมื่อมาร์คกลับไปยังห้อง ซอมบี้นักกัดนั้นก็ได้ตื่นแล้วแต่ก็เหมือนเดิม เธอทําเพียงแค่ต้องมาที่พวกเขาโดยไม่ปฏิกิริยารุนแรงใดๆ มาร์คนําหน้ากากไปสวมที่ปากของเธอ และผูกคอเสื้อของเธอไว้กับโซ่ พวกเขายังเปลี่ยนสายไฟที่มัดแขนเธอด้วยสายหนังและถอดสายไฟที่ขาของเธอออกจนหมด

มาร์คยังขอให้เปลี่ยนเสื้อผ้าและทําความสะอาดร่างกายของซอมบี้นักกัด เพื่อไม่ให้ด้านในของรถสกปรก เมื่อมาร์คดึงโซ่ซอมบี้นักกัดก็เดินตามมาเรื่อย ๆ ทําให้วิธีขั้นตอนนั้นง่ายขึ้นมาก

เมื่อมาร์คได้พาเธออกมาข้างนอก เขาได้ยินเสียงที่อันคุ้นเคยตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

“เจนเนต?!”

มันคือเสียงจูลี หนึ่งในเด็กนักเรียน วิทยาลัยที่มาร์คช่วยไว้กับพอลลาเมื่อ พวกเขาเข้าไปหายาให้ซาริยา แบรนดอนก็ได้ตกใจด้วยเช่นกันแต่ดูเหมือนว่า เขาจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้

“นายทําอะไรกับเธอ?!”

จูลีตะโกนออกมาซึ่งทําให้ผู้คนรอบ ข้างนั้นให้ความสนใจ พนักงานคนอื่นๆรู้ว่าเด็กสาวที่ถูกมัดอยู่นั้นเป็นอะไร แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรกับมาร์คและกลุ่มของเขา ว่าพวกเขากําลังทําอะไรกับเธอ แต่สำหรับแขกที่เข้ามาใหม่ก็ได้เริ่มสร้างความวุ่นวาย

จูลีพยายามเข้ามาปล่อยซอมบี้นักกัด ที่เธอเรียกว่าเจนเนต แต่เธอก็ถูกแบรนดอนดึงตัวเอาไว้ ดูเหมือนว่าเธอนั้นยังไม่สังเกตเห็นอะไร

“นายรู้จักเธอหรอ?”

มาร์คเมินเฉยกับเสียงซุบซิบของคนรอบข้างและคําถามของจูลี

“เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน! ทําไมนายต้องมัดเธอเอาไว้ ปล่อยเธอ!”

เมื่อความชุลมุนได้ก่อเสียงดังขึ้น มันก็ถูกจับตามองด้วยความสนใจของพวกทหาร หนึ่งในทหารคนหนึ่งได้เข้ามาใกล้ และถามมาร์คเกี่ยวกับเด็กสาวที่เขามัดไว้อยู่

“นายทําอะไร?! นายรู้มั้ยว่าสิ่งที่นายทํานั้นมันผิดกฎหมายน่ะ”

มาร์คมองทหารคนนั้นอย่างแปลกใจ ดูเหมือนว่าทหารคนนี้เพิ่งมาพร้อมกับหน่วยกู้ภัย เขาไม่คิดว่าทหารที่มากับพี่ชายของแองเจจะมีคนที่ไม่รู้จักเขาหรอก

เมื่อเห็นว่ามาร์คจ้องมองเขาเหมือนคนงี่เง่าทหารคนนี้ก็ได้โกรธ เขากําลังจะยกปืนขึ้นมาที่มาร์คจากนั้นก็มีเสียงแทรกเข้ามา

“โจนาส ใจเย็นก่อน”

มีทหารหลายคนที่เพิ่งเข้ามาในโซน ขายสินค้าไอทีซึ่งถูกนําโดยคนสามคน มีสองคนที่คุ้นเคยกับกลุ่มของมาร์ค พวกเขาคือกลุ่มของพี่ชายของแองเจ และเด็กชายวัยมัธยมปลายที่อยู่กับพวกเขาเมื่อเช้านี้ มาร์คนั้นจําอีกคนไม่ได้ เขาคือคนที่บอกให้ทหารที่กําลังโกรธนั้นได้ใจเย็นลงและลดปืนออกไป มองไปที่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของเขา เขาน่าจะมีตําแหน่งที่สูงกว่าพี่ชายของแองเจ

“เกิดอะไรขึ้นโจนาส? มันไม่น่าจะต้อง มีเหตุผลที่ต้องยกปืนของนายใส่ประชาชนนิ”

“ผมขอโทษด้วยครับหัวหน้าธีโอ มันก็แค่กลุ่มนี้มีเด็กสาวที่ถูกปิดปากและมัดเอาไว้ราวกับสุนัข”

เมื่อได้ยินสิ่งที่โจนาสพูดด ธีโอก็มองไปที่กลุ่มของมาร์คและเด็กสาวที่ถูกมัดไว้ คิ้วของเขาก็เลิกขึ้น

“นั่นมันชนิด Zi ใช่หรือไม่?”

เมื่อได้ยินหัวหน้าพูดออกมา โจนาสก็มองไปที่เด็กสาวที่ถูกมัดไว้ และจากนั้น หัวหน้าก็พูดต่อ

“แปลกแหะ มันดูเหมือนไม่ก้าวร้าวเท่าไหร่เลย”

ตอนนี้แม้กระทั่งราฟาเอล ชายวัยมัธยมปลาย และทหารคนอื่นๆก็ได้ตกใจ มันคือชนิดZที่ไม่มีความก้าวร้าวรุนแรงงั้นหรอ? ในขณะที่จลีนั้นก็อยู่กับอ้อมกอดของแบรนดอนและร้องไห้ออกมา เธอรู้แล้วว่านั้นคงไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธออีกแล้ว คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากเปลือกiร่างกายของเพื่อนเธอเองในอดีต

“ถ้าให้เดานายคือมาร์คใช่มั้ย? ฉันธีโอ ดอร์ ครูซ เจ้าหน้าที่ดูแลภารกิจการช่วยเหลือ

“อย่าบอกนะว่าจะมายื่นขอเสนออะไรอีกน่ะ?”

“ไม่สิ ฉันได้ยินรายละเอียดข้อมูลน นมาแล้ว พวกเราวางแผนว่าจะไม่บังคับใครอีกต่อไปตราบเท่าที่พวกเขาไม่กลายเป็นภัยคุกคามต่อคําสั่งของภารกิจ”

“ถ้าอย่างนั้น นายต้องการอะไรจากฉัน”

“เรามาที่นี่เพื่อมอบรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้นายจากการช่วยชีวิตลูกสาวและเพื่อนของเธอเอาไว้ โปรดมากับเราหน่อยสิ”

เมื่อมาร์คตรวจพบว่าไม่มีเจตนาร้ายกับเขามาร์คพยักหน้าและกลับไปยังที่บริเวณส่วนกลางของที่จอดรถชั้นใต้ดินกับเขา หัวหน้าธีโอพาพวกเขาไปที่รถฮัมวี่และเปิดช่องด้านหลังของรถ สิ่งของข้างในเป็นปืนไรเฟิลและกล่องกระสุนหลายกล่อง

“โปรดเอาไปเยอะเท่าที่นายสามารถ ท่านนายพลก็ได้รู้แผนการของนายจากลูกสาวของเขาแล้วและสิ่งที่นายพูดกับราฟาเอล เรามีกําลังคนสํารองในตอนนี้อยู่ พวกเราไม่สามารถช่วยนายหาคนเหล่านั้นของนายได้ แต่อย่างน้อยพวกเราสามารถจัดหาอาวุธให้นายได้ พวกเราไม่ได้ขาดแคลนของพวกนั้นเท่าไหร่”

ฉันเข้าใจแล้ว ฝากขอบคุณท่านนายพลด้วยนะ

โดยไม่มีพิธีรีตองใด ๆ มาร์คและกลุ่มของเขาก็ได้เอาของให้เยอะได้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทําได้

เมื่อพวกเขาจากไป ธีโอก็ได้พูดพรีมพําออกมา

“จริงๆแล้ว ฮัมวี่คันนี้ก็ตกเป็นของพวกเขานะ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ยานพหนะที่ดีกว่าไปเสียแล้ว”

ราฟาเอลก็ได้ถามเขาขึ้นมา

“นายไม่ขอให้เขามอบชนิด Zนั้นให้หน่อยหรอ?”
“นายคิดว่าเขาจะมอบให้งั้นหรอ? นายนี่จริงๆเลยนะ นายควรไปเรียนรู้การอ่านใจคนหน่อยนะราฟ ถ้านายและพี่สาวของฉันแต่งงานกัน นายจะเลือดตกยางออกก็เพราะเรื่องแบบนี้นี่แหละ”
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของกลุ่มของมาร์คจากระยะไกลเขาพูดต่ออย่างเคร่งเครียด

“นอกจากนี้อย่าพยายามยั่วยุคนๆนั้นล่ะ ถ้าไม่หยุดโจนาสก่อนหน้านี้เขาอาจจะเลี้ยงไปแล้วก็ได้ ตอนนี้ใครจะไปรู้ว่าชายคนนั้นทําอะไรได้บ้าง ฉันไม่คิดว่าเขามนุษย์กลายพันธุ์หรอกนะ แต่ก็อาจจะเป็นอะไรที่น่าจะอันตรายกว่านั้นก็ได้ เราต้องเตรียมตัวและพักผ่อนแล้วล่ะ เราจะออกเดินทางตอนพระอาทิตย์ขึ้น”

เมื่อมาร์คจะได้จากไปในค่ําคืนนี้ พอลลาและแองเจก็ได้เข้าไปคุยกับเขา

“พวกเธอสองคนต้องการอะไร”

“พวกเราแค่จะมาบอกนายว่า พวกเราจะเก็บหนี้ที่ติดนายไว้ต่อไป เราทําอะไรไม่ได้กับข้อตกลงที่เหลวกับพี่ชายของแองเจเมื่อเช้านี้ ถ้าหากในอนาคตเราได้พบกันอีก นายสามารถที่จะขออะไรกับพวกเราก็ได้นะ”

พอลลากล่าวออกไปและแองเจก็พยักหน้าในที่สิ่งที่เพื่อนของเธอพูด

“นายไม่จําเป็นต้องโกรธพวกเรานะ! นั่นมันเป็นความผิดพี่ชายที่แสนโง่ของฉันเอง และพวกเราก็ทําอะไรไม่ได้!”

“จริงๆแล้วเมื่อคืนนี้แองเจนั้นเป็นกังวล เรื่องนายมากและเธอก็ร้องไห้ออกมา อย่างไรก็ตามเมื่อเราตื่นขึ้น นายก็กลายเป็นโกรธพวกเราและเธอนั้นก็เศร้ามาก”

“พอลลา!!!”

เมื่อได้ยินความรู้สึกไม่ดีของพวกเธอสองคน มาร์คก็ถอนหายใจออกมา

“ก็ได้ เก็บหนี้ที่พวกเธอติดฉันไว้แล้วกัน จริงๆแล้วฉันไม่มีสถานที่ที่ใดที่จะตามหาคนที่ฉันต้องการพบ ดังนั้นในอนาคตฉันจะส่งพวกเขาที่เมืองเบย์ ฉันจะขอให้พวกเธอสองคนดูแลพวกเขาแล้วกัน”

เด็กสาวทั้งสองพยักหน้า

“แล้วก็นี่”

แองเจคืนโทรศัพท์ของเขาให้กับมาร์คที่เธอได้ยืมมาและได้ยื่นโทรศัพท์หน้าตาแปลกๆ มีเสาอากาศขนาดใหญ่ มาร์ครู้ว่านี่คือโทรศัพท์แบบไหนและเขาก็ต้องแปลกใจ

“โทรศัพท์ดาวเทียม?”

“ใช่ ฉันได้มันมาจากพี่ชาย ด้วยของสิ่งนี้ เราสามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา”

“ก็ได้ ฉันจะรับมันไว้”

เมื่อด้ายที่เกือบขาดระหว่างพวกเขาได้รับการสมานเรียบร้อย มาร์คคุยกับสองคนสักพักก่อนที่พวกเขาจะไปพักผ่อน ทั้งสองสาวยังกล่าวคําอําลากับเหมบและแอ็บบีเกลที่ใช้เวลาร่วมกับพวกเขาตั้งแต่เมื่อวาน

วันที่ 3 เวลา 05.13 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์, ลานจอดรถชั้นใต้ดิน พื้นที่ส่วนกลาง

ขบวนรถขนาดใหญ่ประกอบไปด้วยรถทหารเกือบยี่สิบคัน และรถบรรทุกทหารหลายคันจอดเรียงรายอยู่หน้าบานประตูหน้าต่างทางเข้าที่จอดรถชั้นใต้ดิน ทหารทุกคนพร้อมที่จะยิงปืนและขับผ่านผู้ติดเชื้อออกไป

ในที่สุดบานเกล็ดรถก็เปิดออกและปี นก็เริ่มยิงไปที่ผู้ติดเชื้อขณะที่พวกเขารอ ให้ทหารที่เปิดบานประตูหน้าต่างขึ้นรถ ของพวกเขา

เวลา 5:18 เช้าของวันที่สามของการระบาด ผู้รอดชีวิตออกจากห้างสรรพสินค้าในขณะที่ถูกนําพาไปโดยทหาร เส้นทางที่พวกเขาวางแผนจะใช้คือไปทางทิศตะวันตกตามทางหลวงทิโรนา และเข้าสู่ทางด่วนที่คาวิท ซึ่งตรงไปยังเมืองเบย์ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่หน่วยกู้ภัยใช้ไปที่ห้างแห่งนี้ และทําให้พวกเขาคุ้นเคยกับถนนเส้นนี้เป็นอย่างดี

เมื่อขบวนรถออกมาผู้ติดเชื้อถูกดึงดูดด้วยเสียงที่รถของพวกเขาทํา และยานพาหนะที่เฝ้าด้านหลังของขบวนยังคงยิงไปที่ผู้ติดเชื้อที่ไล่ตามหลัง

ไม่กี่นาทีหลังจากที่ขบวนออกไปพร้อมกับฝูงชนที่อยู่ข้างหลังพวกเขา รถตู้หุ้มเกราะสีดําก็ขับออกจากที่จอดรถชั้นใต้ดินไปยังทิศทางตรงข้ามที่ขบวนไป

พวกเขานั้นไม่รู้ตัว มีเงาของมนุษย์ขนาดใหญ่กําลังเฝ้าดูยานพาหนะ ขณะที่พวกเขาขับรถออกไปจากชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้า มันเฝ้าดูรถตู้สีดําที่ขับออกไปก่อนที่มันจะกระโดดลงมาจากอาคารและสร้างร่องรอยหลุมตรงจุดที่มันตกลงมา หลังจากนั้นเงานั้นก็วิ่งตามฝูงชนที่ติดเชื้อไปทางทิศตะวันตก

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

Status: Ongoing
เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset