เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ ผู้คนต่างหลั่งไหลกันเข้ามาในห้องสำหรับใช้ประมูล เสียงร้องเอะอะโว้ยวายดังมาเป็นระยะๆ ห้องชั้นบนเริ่มมีคนทยอยกันมาบ้างแล้ว แต่ละกลุ่มที่ขึ้นมาล้วนแล้วแต่แผ่แรงกดดันเพื่อสะกดข่มผู้คนด้านล่างไม่น้อย ทันทีที่ห้องทั้งเก้าเต็ม ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ก็ถูกปิด มีคนของหอการค้ามู่ชิงหลงถืออาวุธรีบพุ่งมาที่ประตูทางเข้า เพื่อสกัดกั้นคนเข้าออกถึงแปดคน แน่นอนเพื่อป้องการคนคิดไม่ซือคิดขโมยของจากการประมูล และป้องกันการนำกำลังบุกเข้ามาชิงของ เสียงพูดคุยยังคงได้ยินมาเป็นระยะๆ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องที่กล่าวถึงแขกพิเศษที่อยู่ห้องชั้นบนทั้งเก้าห้อง ส่วนหัวข้อที่ถูกกล่าวถึงก็คือ ใครอยู่ห้องที่เก้า เพราะห้องที่เก้ายังไม่เคยถูกเปิดใช้มาก่อน
เด็กหนุ่มเนี่ยฟงแอบสะบัดมือ ประกายสายฟ้าเริ่มก่อตัวเป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์จางๆ หลังจากนั้นก็ขยายจนครอบคลุมห้องที่เก้า เพื่อป้องกันการแอบฟังเสียงจากด้านนอก
“ ท่านปู่ท่านรู้จักพวกที่อยู่ในห้องทั้งแปดหรือไม่ขอรับ ”
“ จากที่สังเกตคงเป็นพวกที่มีอำนาจในเขตดินแดนแห่งสายลมแน่ ห้องที่หนึ่งและสองคาดว่าจะเป็นคนของสำนักพยัคฆ์สายลม ส่วนห้องที่สามคาดว่าจะเป็นคนของราชสำนัก ห้องที่สี่และห้าข้าไม่แน่ใจเท่าไร ห้องที่หกเป็นคนของสำนักกิเลนไฟสำนักอันดับสอง ห้องที่เจ็ดและแปดคาดว่าน่าจะเป็นคนจากต่างถิ่น ”
เมื่อสิ้นเสียงชายชราเนี่ยกัง ก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดสีแดงมีลวดลายก้อนเมฆปักอยู่ที่ชายเสื้อ รูปร่างสมส่วนมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ผู้ชายมากมายที่อยู่ในห้องประมูลต่างจ้องมองอย่างไม่วางตา ชั่วน้ำเดือดหญิงสาวชุดแดงก็เอ่ยวาจาสำหรับเปิดการประมูล
“ เรามีนามว่ามู่อั่วหลาน ยินดีต้อนรับทุกท่านสำหรับการเข้าร่วมประมูลในวันนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ข้าจะเริ่มเปิดการประมูลของชิ้นแรก ”
เสียงผู้คนต่างโห่ร้องตะโกนเสียงดังลั่น ไม่นานก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งถือกล่องไม้ขนาดใหญ่เดินเข้ามา เมื่อยืนอยู่กลางเวทีก็เปิดกล่องไม้ขนาดใหญ่ออก ด้านในเป็นโสมขนาดใหญ่สีแดงส่งกลิ่นหอมออกมาจางๆ นักปรุงยาหลายคนต่างจ้องมองอย่างไม่วางตา
“ สิ่งของชิ้นแรกเป็นโสมเลือดอสูร อายุประมาณหนึ่งพันปี เริ่มเปิดประมูลที่ ห้าร้อยตำลึงทอง ”
สิ้นเสียงของมู่อั่วหลานผู้คนมากมายต่างตะโกนให้ราคากันอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งเค่อราคาก็อยู่ที่ห้าพันตำลึงทอง และยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ผู้คนมากมายที่อยู่ด้านล่างเงียบกริบเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากห้องที่สอง
“ ข้าให้ราคาเก้าพันตำลึงทอง ”
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงตะโกนแว่วดังมาจากห้องที่เจ็ด
“ คิดว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็ผู้อาวุโสเถียนอู่ซวงแห่งตึกปรุงยาสำนักพยัคฆ์สายลมนี้เองคิดว่าเป็นผู้ใดเสียอีก เช่นนั้นข้าของเพิ่มราคาขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกัน หนึ่งหมื่นตำลึงทอง ”
สิ้นเสียงกล่าวดังจากห้องที่เจ็ด เถียนอู่ซวงก็สบถเสียงดังลั่น
“ บัดซบ นึกว่าใครที่ไหนที่แข่งราคากับข้าที่แท้ก็ หมอปีศาจโจวหยูเหวิน ดี ดี ในเมื่อเจ้าไม่ไว้หน้าข้าเราต้องเห็นดีกัน ข้าให้ราคาหนึ่งหมื่นสองพันตำลึงทอง ”
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หากว่าท่านผู้อาวุโสเถียนอู่ซวงต้องการข้าก็จะหลีกทางให้ขอรับ ข้าให้ราคาหนึ่งหมื่นสามพันตำลึงทอง ”
การต่อสู้สินค้าชิ้นแรกของผู้ที่อยู่บนห้องด้านบนดุเดือดไม่น้อยสุดท้ายโสมเลือดอสูรก็ตกเป็นของเถียนอู่ซวงในราคาหนึ่งหมื่นเจ็ดพันตำลึงทอง แน่นอนว่าผู้ที่นำมันมาประมูลไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือหมอปีศาจโจวหยูเหวินนั้นเอง ไม่นานสินค้าก็ถูกทยอยนำออกมาประมูลมีทั้งแก่นพลังปราณระดับสีน้ำตาลและสีส้ม อาวุธต่างๆรวมไปถึงเม็ดยา ไม่นานก็มีสินค้าชิ้นแรกที่ผู้คนให้ความสนใจ โดยผู้ที่นำออกมาก็คือมู่ซุนกวน มู่ซุนกวนเดินออกมาโดยถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่เพียงกางเกงถือขวดยาสีขาวนวล
“ ข้ามีนามว่ามู่ซุนกวน พวกท่านคงรู้จักข้าเป็นอย่างดี เมื่อครั้งอดีตข้าได้รับบาดเจ็บที่แขนด้านขวา ทำให้มีรอยแผลเป็นที่น่าเกลียด แต่วันนี้ที่พวกท่านเห็นแผลเป็นที่แขนของข้านั้นหายดีแล้วอีกทั้งพลังปราณของข้าก็เพิ่มระดับขึ้นมาถึงหนึ่งขั้นย่อย นั้นเพราะยาสองเม็ดในขวดนี้ ”
เมื่อกล่าวจบมู่ซุนกวนก็เปิดจุกยา เทยาออกมาบนฝ่ามือ มีเม็ดยาสีดำและสีแดงอย่างละหนึ่งเม็ด กลิ่นของมันหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ บรรดาผู้คนมากมายต่างส่งเสียงอื้ออึง รวมถึงห้องด้านบนทั้งแปดห้องด้วยเช่นกัน ไม่นานก็เก็บเม็ดยาไว้ในขวดเช่นเดิม
“ เอาละข้าจะเริ่มเปิดประมูลที่ หนึ่งหมื่นตำลึงทอง ”