รุ่งเช้ามาเยือน อรุณทอแสง เสียงระฆังดังกังวานมาแต่ไกล หลายคนออกจากที่พักมายืดเส้นยืดสายฝึกยุทธในตอนเช้า มีหลายคนเช่นกันร่วมกันเป็นกลุ่ม แน่นอนเพราะในกฎข้อบังคับ ศิษย์ทุกคนสามารถรับภารกิจได้จากตึกภารกิจ เพื่อรับแต้มสำหรับแลกเปลี่ยนเป็นเม็ดยา อาวุธ และคัมภีร์ มีภารกิจจำนวนมากที่ต้องทำงานเป็นทีม และมีภารกิจจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ต้องออกไปทำงานด้านนอก บางครั้งก็ออกไปหลายสิบวัน ตั้งแต่สังหารสัตว์อสูร ตามหาสมุนไพรหายาก หรือแม้กระทั่งช่วยปราบโจรผู้ร้าย
หลายต่อหลายคนรีบเดินทางมาที่ด้านหน้าของหอคัมภีร์ ด้านหน้าเป็นหอขนาดใหญ่ทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง มีรูปทรงแปดเหลี่ยม มีทั้งหมดสี่ชั้น ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ทำจากไม้สักทองแกะสลักอย่างสวยงามเป็นรูปของพยัคฆ์ เมื่อเดินเข้าไปจะมองเห็นโต๊ะไม้สักทอง วางอยู่ด้านขวามือด้านหลังเป็นชั้นวางของ มีชายชราผู้หนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ ด้านในเป็นบันไดขึ้นไปสู่ชั้นที่สอง มองจากล่างเห็นเป็นชั้นวางหนังสืออยู่หลายสิบชั้น ไม่นานชายชราผู้นั้นก็เอ่ยวาจาออกมาเสียงดัง
“ ข้ามีนามว่าเสิ่นเย่ เป็นผู้ดูแลหอคัมภีร์แห่งนี้ พวกเจ้าคงเป็นศิษย์ใหม่ เช่นนั้นก็ไปเลือกคัมภีร์เถอะ พวกเจ้าสามารถขึ้นไปได้ทั้งหมดทุกชั้น แต่เลือกให้ดีเพราะพวกเจ้าจะต้องฝึกมันเป็นเวลาหนึ่งปี หากจะเปลี่ยนอีกทีก็ต้องเป็นปีหน้า อีกอย่างทุกๆครึ่งปีจะมีการประลองจัดอันดับศิษย์ หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจ เอาละพวกเจ้าไปเลือกคัมภีร์เถอะ หากพวกเจ้าเลือกได้แล้วก็เอามาลงชื่อกับข้าที่นี่ ”
สิ้นเสียงของชายชราเสิ่นเย่ เด็กหนุ่มสาวต่างพากันเดินขึ้นไปที่ชั้นสองรวมถึงเด็กหนุ่มเนี่ยฟงด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มค่อยๆเดินมองหาทีละชั้นของชั้นวางหนังสือ หน้าปกจะบอกชื่อของคัมภีร์ ส่วนหน้าด้านในจะบอกถึงคุณสมบัติของคัมภีร์ มีทั้งวิชาฝ่ามือ เพลงดาบ เพลงกระบี่ เพลงทวน เพลงหอก รวมไปถึงการใช้ธนู ส่วนคัมภีร์รวบรวมปราณก็มีไม่น้อยเช่นกัน บางเล่มมีคุณสมบัติของการฝึกปราณธาตุด้วย แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มหาอยู่มันคือ คัมภีร์เพลงดาบตัดสายฟ้า จากเดินที่ชั้นสองจนทั่ว ไม่พบสิ่งใดเด็กหนุ่มจึงเดินขึ้นไปที่ชั้นสาม
เมื่อขึ้นมาถึง พบว่าที่ชั้นสามมีแรงกดดันของพลังปราณส่งออกมาเบาบาง เด็กหนุ่มหาได้สนใจยังคงเดินหาคัมภีร์อยู่เช่นเดิม ที่ชั้นนี้ยังพบกับพวกศิษย์ใหม่อยู่เช่นกัน คัมภีร์ต่างๆที่วางอยู่บนชั้นวาง บางเล่มก็จะซ้ำกับด้านล่าง บางเล่มมีร่องรอยของการฉีกทำลาย เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วนามเด็กหนุ่มก็ยังหาคัมภีร์ไม่ได้ ไม่นานก็ตัดสินใจเดินขึ้นไปที่ชั้นสี่ บริเวณชั้นสี่ มีชั้นวางไม่กี่ชั้น และคัมภีร์มีไม่ถึงหนึ่งร้อยเล่ม มันถูกวางไว้บนชั้นในลักษณะแปลกๆ บางเล่มตั้งอยู่บนชั้นอย่างดี บางเล่มฝุ่นจับจนหนา บางเล่มตกลงไปอยู่ใต้ชั้น ส่วนแรงกดดันของพลังปราณถูกส่งออกมามากกว่าชั้นสามถึงหนึ่งเท่า แต่ก็ยังไม่สบายๆต่อเด็กหนุ่ม ไม่นานก็หาคัมภีร์ที่ต้องการพบ มันถูกวางไว้มุมห้องพร้อมกับคัมภีร์อีกหนึ่งเล่ม
เด็กหนุ่มเมื่อหยิบคัมภีร์เล่มหนึ่งขึ้นมาดูก็ยกยิ้มดีใจ เพราะมันคือคัมภีร์ที่ตนกำลังตามหา มันคือคัมภีร์ดาบตัดสายฟ้าเล่มสมบูรณ์ ส่วนอีกเล่มหน้าปกถูกทำลายจนสิ้น แต่ในเมื่อมันวางไว้คู่กัน เด็กหนุ่มจึงหยิบมันทั้งคู่ติดมือออกมา เมื่อลงมาถึงชั้นหนึ่ง เด็กหนุ่มก็ยื่นคัมภีร์ทั้งสองให้แก่ชายชราเสิ่นเย่ ทันทีที่ชายชราเสิ่นเย่มองเห็นคัมภีร์ทั้งสองเล่มก็เงยหน้าขึ้นมามองเด็กหนุ่มด้านหน้า
“ เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่ว่าจะเลือกฝึกคัมภีร์ทั้งสองเล่มนี้ ”
“ จากที่เดินสำรวจทั้งสี่ชั้น ข้าคิดว่าทั้งสองเล่มเหมาะกับข้ามากที่สุดขอรับ ”
“ ข้าเตือนเจ้าแล้วนะเด็กน้อย ”
“ ขอบคุณสำหรับคำเตือนขอรับ ”
“ ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้ง คัมภีร์ทั้งสองในอดีตเคยสร้างชื่อให้แก่เจ้าสำนักรุ่นแรกของที่นี่ เล่มหนึ่งมีชื่อว่าตัดสายฟ้า ส่วนอีกเล่มฝ่าธรณี อานุภาพของมันเพียงแค่ชื่อของคัมภีร์เจ้าคงจะเข้าใจ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ท่านรุ่นแรกสิ้นไป ก็ไม่มีผู้ใดฝึกสำเร็จอีกเลย เพราะคัมภีร์ทั้งสองต้องใช้ปราณธาตุสายฟ้า เป็นปราณธาตุพิเศษ แต่หากว่าเจ้าอยากฝึกสำเร็จจริงๆ ข้ามีวิธีแนะนำแต่ว่ามันจะมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะว่าเจ้าจะต้องทนรับพลังของฟ้าที่ฝ่าลงมา แต่ก็เป็นหนทางที่นำเจ้าไปสู่ความตาย เอาละเช่นนั้นเจ้าก็นำคัมภีร์ทั้งสองไปเถอะ อีกสองเดือนเจ้านำคัมภีร์ทั้งสองกลับมาคืนข้าที่นี่ด้วยก็แล้วกัน”
หลังจากที่รับคัมภีร์มาจากชายชราเสิ่นเย่เด็กหนุ่มก็เก็บมันไว้ในแหวนแล้วเดินออกไป ทันทีที่เด็กหนุ่มก้าวเท้าเดินออกจากหอคัมภีร์ชายชราเสิ่นเย่ ก็ยกยิ้มแปลกๆ