ช่วงเวลาที่เหลือไม่ถึงสิบวันในงานล่าอสูร เหล่าศิษย์สำนักทั้งสามที่ยังคงเหลือรอดอยู่ ต่างรวมกลุ่มกันล่าสังหารสัตว์อสูรกันอย่างเร่งด่วน เสียงร้องคำราม เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นป่า ศิษย์สำนักพยัคฆ์สายลมถูกนำโดยหลี่จาง ราชสำนักถูกนำโดยองค์ชายสี่ ส่วนศิษย์สำนักกิเลนไฟหาได้มีผู้นำ เพราะฉีเจิงกวนยังติดตามหาตัวไม่พบ บางกลุ่มมีแบ่งหน้าที่กันเก็บสมุนไพรเช่นกัน ส่วนด้านนอกมีการจัดเตรียมต้อนรับเหล่าลูกศิษย์ที่จะกลับมาจากป่าแล้ว แต่ละสำนักมีการจัดเตรียมหน่วยรักษาพยาบาลสำหรับผู้ได้รับบาดแยกส่วนออกไป สำนักพยัคฆ์สายลมมีผู้อาวุโสเถียนอู่ซวงเป็นผู้ดูแล ราชสำนักมีหมอหลวงเข้ามาดูแลเช่นกัน ส่วนสำนักกิเลนไฟนั้นได้ให้หมอปีศาจโจวหยูเหวินเป็นคนจัดเตรียมทั้งหมด
แน่นอนว่าย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้างของศิษย์สำนักทั้งสาม แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าศิษย์สำนักกิเลนไฟจะได้ฝ่ายที่เคราะห์ร้ายเสียมากกว่า องค์ชายสี่โกรธแค้นฉีเจิงกวนเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อครั้งที่ตื่นขึ้นมาหลงเหลือเพียงดาบและของอีกไม่กี่อย่างเท่านั้น คนติดตามอีกสามคนก็เช่นกัน องค์ชายสี่จึงมีคำสั่งหากพบศิษย์สำนักกิเลนไฟให้สังหารเพื่อปล้นชิงของกลับมา ดังนั้นช่วงสิบวันก่อนจบงานล่าอสูร จึงมีศิษย์สำนักกิเลนไฟถูกจัดการโดยคนของราชสำนักไม่น้อย ส่วนฉีเจิงกวนนั้นทันทีที่ตื่นขึ้นมาก็แทบจะเป็นบ้าเพราะในตัวหลงเหลือเพียงดาบเล่มเดียวเท่านั้น อีกทั้งรอบด้านมีฝูงสัตว์อสูรระดับสีส้มล้อมรอบ เป็นเพราะการไล่สังหารสัตว์อสูรก่อนจบงานนั้นเอง
ส่วนผู้ที่โชคดีที่สุดในงานครั้งนี้คงหนีไม่พ้นเนี่ยฟงและหยางเวย ไม่ว่าจะเป็นสมบัติที่ค้นพบ สิ่งของไม่น้อยที่ยึดได้จากการสังหารศิษย์สำนักกิเลนไฟ และปล้นชิงของมาจากองค์ชายสี่และฉีเจิงกวน หยางเวยนั่งโคจรลมปราณดูดซับพิษจากสมุนไพรพิษจะระดับพลังปราณเพิ่มพูน อีกทั้งยังฝึกการควบคุมพิษในปราณโดยสัตว์อสูรระดับสีส้ม หลันเช่อพยัคฆ์ตัวเล็กที่ตอนนี้หาได้ตัวเล็กเช่นเมื่อสิบวันก่อน ตอนนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายขึ้นอย่างมาก และระดับของสัตว์อสูรอยู่ที่สีน้ำเงินขั้นสูง รอบกายเริ่มที่จะมีสายฟ้าปรากฏออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ
เนี่ยฟงยังคงนั่งโคจรลมปราณ แก่นพลังปราณและเม็ดยาที่นำออกมาถูกดูดซับเข้าร่างจนหมดสิ้น อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นจะตัดผ่านพลังอยู่ในระดับสีส้ม เวลาล่วงเลยมาจนถึงห้าวันสุดท้ายก่อนจบงานล่าอสูร ตูม ตูม ตูม ตูม จุดพลังในร่างขยายใหญ่ขึ้นจนเกิดเสียงดังลั่น แก่นพลังปราณที่อยู่ในแหวนถูกดูดพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง นั้นสร้างความแปลกใจแก่ลุ่ยกงและหลินฉีไม่น้อย ตูม เกิดการระเบิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ช้าเนี่ยฟงก็ลืมตาขึ้นมา แน่นอนว่ายังคงอยู่ในห้องมืดเช่นเดิม ชั่วน้ำเดือดชายผู้นั้นก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
“ ตอนนี้เจ้าคงอยู่ในระดับสีส้มแล้ว เอาเถอะเจ้าต้องการรับรู้สิ่งใดข้าจะตอบเจ้า เพียงแต่ว่าข้าจะตอบเจ้าเพียงข้อเดียวเท่านั้น ”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็นั่งครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดก็เอ่ยวาจาออกมา
“ ข้าอยากรู้ถึงตัวตนของข้า ”
ชายผู้นั้นหัวเราะชอบใจในสิ่งที่เนี่ยฟงกล่าวถาม
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะกล่าวถามเช่นนี้ เอาเถอะข้าจะบอกในสิ่งที่เจ้าเอ่ยถามก็แล้วกัน ตัวตนของเจ้านั้นหาใช่เป็นคนที่นี่ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเนี่ยฟงถึงกับขมวดคิ้วทั้งสองขึ้น
“ หมายความว่าอย่างไรขอรับ ว่าข้าไม่ใช่คนที่นี่แล้วข้าเป็นคนที่ไหน ”
“ ข้าตอบคำถามของเจ้าไปแล้ว เช่นนั้นจะไม่ขอกล่าวสิ่งใดอีก หากว่าเจ้าต้องการความจริงทั้งหมด เมื่อระดับขั้นสีแดงเจ้าก็จะรับรู้เอง ว่าเจ้าเป็นใครและข้าเป็นใคร ”
“ ระดับสีแดง เช่นนั้นอีกไม่นานข้าคงได้รับรู้ความจริง ”
ชายผู้นั้นหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอีกครั้ง
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า หากว่าเจ้าทำได้ละนะ เจ้าไม่ได้ตรวจสอบร่างกายเจ้าเลยรึ ”
เนี่ยฟงถึงกับขมวดคิ้วทั้งสองขึ้น ทดลองโคจรลมปราณอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต้องมีบางอย่างเปลี่ยนไป ภายในจุดตันเถียนมีดาบเล่มหนึ่งมีประกายสายฟ้าล้อมรอบ ดาบเล่มนั้นค่อยๆดูดซับพลังจากจุดตันเถียนเข้าไปอย่างช้าๆ ระดับพลังจากสีส้มขั้นหนึ่งค่อยๆลดหายไป เนี่ยฟงรีบลืมตาขึ้นจ้องมองชายหนุ่มด้านหน้าดวามความสงสัย
“ มันเกิดสิ่งใดขึ้นกับตัวข้ากัน ”
“ ข้าจะกล่าวบางอย่างต่อเจ้า นั้นคือของขวัญที่ข้ามอบให้เจ้าเมื่อครั้งตัดผ่านระดับสีส้ม ดาบเล่มนั้นจะคอยดูซับพลังจากจุดตันเถียนของเจ้าเพื่อนำมาหล่อเลี้ยงตัวเอง เมื่อครั้งใดที่มันเติมเต็มพลังจนถึงระดับหนึ่ง เจ้าจะได้รับพลังอันมหาศาลจากมัน แต่ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าเมื่อไหร่มันจะเติมเต็ม มันอาจจะดูดซับพลังจากจุดตันเถียนของเจ้าจนหมดก็เป็นได้ เอาละทุกอย่างก็เสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับไป ”
สิ้นเสียงกล่าวชายผู้นั้นก็โบกสะบัดมือขวาเนี่ยฟงก็ลืมตาขึ้นมาออกครั้งพบว่าตนเองกลับมาอยู่ด้านนอกเสียแล้ว เนี่ยฟงรีบโคจรลมปราณตรวจสอบระดับของตนพบว่าตอนนี้พลังลดหายหลงเหลือเพียงแค่ระดับสีน้ำตาลขั้นกลางเท่านั้น
“ บัดซบมันเกิดสิ่งใดขึ้นกับข้ากันแน่ ท่านลุ่ยกง ”
“ อย่าสนใจเจ้าหนูรีบดูซับพลังปราณจากแก่นพลังปราณในแหวนของเจ้าเถอะ ตอนนี้ยังคงพอมีเวลาอยู่ เจ้าไม่ต้องนำพวกมันออกมาเจ้าเพียงแค่โคจรพลังปราณไปที่แหวนแล้วทำการดูดซับพลังก็พอ ”
สิ้นเสียงเนี่ยฟงรีบโคจรลมปราณอย่างรวดเร็ว ปราณจากแก่นพลังปราณในแหวนถูกดูดซับอย่างต่อเนื่อง เวลาด้านนอกค่อยๆไหลผ่าน ช่วงเวลาสองวันก่อนจบงานล่าอสูร ตูม ในขณะที่เนี่ยฟงจดจ่อกับการดูดซับพลัง ประกายสายฟ้าค่อยๆปรากฏรอบตัว ชั่วน้ำเดือดเนี่ยฟงก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งแรกที่กระทำคือการตรวจสอบระดับพลังปราณตอนนี้อยู่ในระดับสีส้มขั้นหนึ่ง สิ่งที่สองที่กระทำคือตรวจสอบแก่นพลังในแหวนพบว่ามันหายไปเกือบครึ่ง เนี่ยฟงถึงกับลอบตื่นตกใจ
“ บัดซบ เหตุใดมันถึงสิ้นเปลืองเช่นนี้ ”
“ เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าพลังใหม่ของเจ้าเป็นอย่างไร ”
สิ้นเสียงกล่าวของลุ่ยกง เนี่ยฟงก็ลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกของถ้ำ หยางเวยเมื่อเห็นเนี่ยฟงเดินออกมาก็ยกยิ้ม
“ เจ้าคงจัดผ่านระดับแล้ว ”
เนี่ยฟงไม่กล่าวสิ่งใดตอบพยักหน้าให้แก่หยางเวยเท่านั้น เนี่ยฟงเดินไปหยุดที่ด้านหน้าต้นไม้ใหญ่ขนาดห้าคนโอบ เรียกดาบออกมาเล่มหนึ่ง โคจรลมปราณไปที่ดาบและฟาดฟันดาบออกไป ปราณดาบสีฟ้ามีประกายสายฟ้าล้อมรอบพุ่งเข้าไปปะทะกับต้นไม้ใหญ่ เปรี้ยง ตูม ต้นไม้ใหญ่แตกระเบิดจนกลายเป็นเศษไม้ ดาบในมือแตกร้าว หยางเวยถึงกับยืนนิ่งค้าง
“ ไอ้บ้าเนี่ยฟง เจ้าเพียงแค่ทดสอบไม่เห็นจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมด ”
“ข้าหาได้ใช้พลังทั้งหมด ข้าใช้เพียงแค่สามส่วนเท่านั้น ”