ผ่านไปแล้วหลายสิบคู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อหยางเวยดังแว่วมาจากบนลานประลองเมื่อทั้งสองมองขึ้นไปก็พบกับหยางเฟยยืนกอดอกจ้องมองหยางเวยด้วยความเคียดแค้น มันขึ้นมาบนลานประลองเพื่อจัดการสั่งสอนหยางเวย อีกทั้งยังคิดแก้แค้นเมื่อครั้งพบกันในป่าในงานล่าอสูร ครั้งนั้นหยางเฟยเจ็บปวดเพราะได้รับพิษที่แฝงมากับลมปราณ
ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดหยางเวยพุ่งทะยานขึ้นลานประลองอย่างรวดเร็วโบกสะบัดมือขวามีดอันแปลกประหลาดก็มาอยู่ในมือทันทีที่เท้าเหยียบลงพื้นลานประลองปราณดาบสีแดงก็พุ่งทะยานเข้าหาหยางเวยอย่างรวดเร็ว ปราณมีดสีม่วงพุ่งออกมาสกัดกั้นเปรี้ยง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบและมีดปะทะกันเสียงดังสนั่น หยางเวยแสยะยิ้มใช้มีดในมือปัดป้องคมดาบที่ฟาดฟันเข้าหา หยางเฟยเห็นท่าไม่ดีเพิ่มพลังไปอีกหลายส่วนหวังกดดันศัตรูด้านหน้า แต่ทว่าก็ไม่สามารถทําได้ จึงตัดสินใจเรียกสัตว์อสูรของตนออกมา เป็นพยัคฆ์สีขาวมีลวดลายสีแดงคาดระหว่างลําตัวด้านหลังมีผนึกสีแดงขึ้นเต็ม ดวงตาสีดํา มันจ้องมองศัตรูของผู้เป็นนายของมันอย่างไม่วางตามันคือพยัคฆ์ภูเขาระดับสีน้ําตาลขั้นกลาง
หยางเวยหาได้สนใจฟาดฟันมีดในมือออกไป ปราณมีดสีม่วงปลิวว่อนไปทั่วลานประลอง พยัคฆ์ภูเขาหาได้หวาดกลัวปราณมีดสีม่วงเช่นกัน มันพุ่งทะยานออกมาหลบปราณมีดเมื่อ ได้จังหวะมันก็พ่นลูกไฟ ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาหยางเวยอ ย่างรวดเร็ว เปรี้ยง ลูกไฟปะทะกับหยางเวยเสียงดังลั่น ฝุ่นควันลองฟังเปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ตูม ตูม ตูม หยางเฟยฟันดาบออกไปในกลุ่มควันปราณดาบสีแดงสามเล่ม พร้อมกับลูกไฟขนาดใหญ่จากพยัคฆ์ภูเขาอีกสามลูกพุ่งไปยังกลุ่มควัน ด้วยเช่นกัน เสียงเฮเสียงโห่ร้องยังคงดังสนั่นออกมาจากผู้คนด้านล่างศิษย์สํานักหลายพันคนจ้องมองการต่อสู้อันดุเดือดด้านหน้าอย่างไม่วางตา
ฝุ่นควันค่อยๆถูกสายลมหนาวพัดพาออกไปเสียงตะโกนโห่ ร้องค่อยๆเงียบหายไปความเงียบจากการตื่นตกใจเข้ามาแทนที่ หยางเวยหาได้เป็นสิ่งใดมีเพียงแขนเสื้อด้านขวาเท่านั้นที่ฉีกขาดด้านหน้ามีเกล็ดสีดําคล้ายม่านพลังป้องกันไว้มีดอันแปลกประหลาดถูกเก็บไว้ สนับมือเหล็กก็ปรากฏที่มือทั้งสองข้าง ทันทีที่หยางเวยสวมใส่สนับมือเสร็จสิ้น แรงกดดันอันน่าสะอิดสะเอียนค่อยๆแผ่ออกมาจากหยางเวย พยัคฆ์ภูเขาถึงกับข์ร้องคํารามออกมา มันยังคงพุ่งไปมาซ้ายและขวาพ่นลูกไฟออกมาเป็นระยะ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง แต่ทว่าถูกหยางเวยต่อยทําลายไปจนหมด
หยางเฟยขมวดคิ้วทั้งสองข้างในใจมีแต่ความอิจฉาริษยาพุ่งเข้าหาหยางเวยพร้อมกับกวัดแกว่งดาบในมือ สายตาจ้องมองด้วยความอํามหิต เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง หยางเฟยหวังจบการต่อสู้ให้รวดเร็วที่สุดเพราะเริ่มรับรู้แล้วว่าศัตรูด้านหน้า มีความแข็งแกร่งกว่าตน การต่อสู้ประสานระหว่างด้านนอกและระยะประชิดจากหยางเฟยยังไม่สามารถกดดันหยางเวยได้แต่อย่างใดหมัดขวาและซ้ายที่สวมใส่สนับเหล็กของหยางเวยต่อยเข้าสกัดกั้นดาบที่ฟันเข้ามา เคร้ง เคร้ง เคร้ง ไม่นานหยางเฟยก็เสียท่าให้แก่หยางเวย เปรี้ยง หมัดขวาต่อยเข้าที่หน้าท้องอย่างถนัดถนี่ เสียงเฮดังขึ้นมาอีกครั้งหยางเฟยก ระเด็นออกไปด้านหลัง ใช้ดาบประคองตัวไม่ให้ล้ม
” บัดซบเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ “
” ตัวข้าหาได้เป็นเช่นในอดีต ที่จะให้เจ้ามาข่มขู่ได้ดังเดิมข้าเสียเวลากับเจ้ามามากพอแล้ว เรามาจบการต่อสู้ที่น่าเบื่อนี้เสียเถอะ ”
สิ้นเสียงกล่าวหยางเวยก็พุ่งเข้าประชิดหยางเฟย เก็บสนับมืออย่างรวดเร็วแล้วเรียกมีดอันแปลกประหลาดมาถือไว้ในมือพยัคฆ์ภูเขารีบพุ่งทะยานเข้ามาสกัดแต่ทว่าถูกปราณมีดสีม่วงพุ่งเข้าหาเช่นกัน เปรี้ยง พยัคฆ์ภูเขากระเด็นออกไปด้านหลัง มันรีบลุกขึ้นมา แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว หยางเวยเข้าประชิดตัวหยางเฟยกระหน่ําฟาดฟันมีดในมือ เคร้ง เคร้ง เครั้ง เคร้ง เคร้ง หยางเฟยทําได้แต่เพียงต้านรับและถอยไปด้านหลัง ไม่ถึงหนึ่งเค่อดาบในมือหยางเฟยก็หลุดกระเด็น หยางเวยเก็บ มีดในมือขวาจ้างหมัดต่อยไปที่ใบหน้าของหยางเฟย เปรี้ยง หยางเฟยกระเด็นไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นลานประลอง ผู้คนด้านล่างส่งเสียงร้องอีกครั้ง หยางเวยกลายเป็นศิษย์ในทําเนียบการต่อสู้แทนที่หยางเวยในอันดับที่สิบสองทันที หยางเว ยค่อยๆเดินทางลงมาจากลานประลองศิษย์สํานักต่างหลีก ทางให้
” ไอ้บ้าเนี่ยฟง เจ้าได้พนันช่วงที่ข้าขึ้นประลองหรือไม่ “
หยางเวยเอ่ยวาจากับเนี่ยฟงที่เดินเข้ามากับหลันเซ่อเนี่ยฟงหาได้กล่าวสิ่งใดโยนแหวนวงหนึ่งให้แก่หยางเวย ทันทีที่ได้รับแหวนมาอยู่ในมือหยางเวยรีบโคจรลมปราณตรวจสอบอย่างรวดเร็วไม่ถึงสามลมหายใจก็ยกยิ้มอย่างดีใจเพราะในแหวนมีเม็ดยาหลายพันเม็ด
” ครั้งนี้เจ้าจะขึ้นประลองหรือไม่”
” ข้าคิดว่าหากไม่มีผู้ใดท้าทายข้า ข้าก็คงไม่คิดที่จะลงประลองเพราะถึงอย่างไรเสียผู้ที่จะเข้าร่วมประลองเขตทั้งแปดได้มีเพียงสิบอันดับแรกเท่านั้นว่าแต่เจ้าเถอะสนใจที่จะเข้าร่วมประลองเขตทั้งแปดหรือไม่”
หยางเวยกําลังจะเอ่ยวาจากล่าวตอบ แต่ก็ถูกเสียงตะโกนจากด้านบนลานประลองเอ่ยวาจาเสียงดังเข้ามา
“ ข้าหวังหลินขอท้าประลองกับศิษย์น้องเนี่ยฟง”
เนี่ยฟงรีบหันไปมองบนลานประลอง พบเห็นศิษย์พี่หวังหลินยกยิ้มพร้อมกับชี้มาที่ตัวเอง เนี่ยฟงหันไปมองหยางเวย
” คุณชายหยางเวย ถึงเวลาที่ท่านจะได้ร่ํารวยอีกแล้วเช่นนี้นข้าขอตัวก่อน “
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้น เนี่ยฟงก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนลานประลอง
“ ข้าแปลกใจเสียงจริง เหตุใดท่านถึงได้ท้าประลองกับข้าเช่นนี้ อีกอย่างเราทั้งสองก็หาได้มีเรื่องใดที่บาดหมางกัน”
“ ข้าเพียงอยากรู้ว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งจริงหรือว่าเป็นเพราะคู่ต่อสู้ของเจ้าที่ผ่านมาอ่อนแอกันแน่ ”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมา พร้อมกับยกมือขวานมากวักเรียกหวังหลินที่ยืนอยู่ด้านหน้า
” เช่นนั้นก็เข้ามาเถอะ ข้าจะทําให้ท่านรับรู้เองว่า ตัวข้าแข็งแกร่งหรือตัวท่านที่อ่อนแอ่ “
เนี่ยฟงหลังจากกล่าวสิ้นเสียงก็พุ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง หมัดขวาของเนี่ยฟงปะทะกับฝ่ามือซ้ายของหวังหลิน แรงลมจากการปะทะทําให้เสื้อผ้าชุดสํานักของทั้งสองโบกสะบัดไปมา เนี่ยฟงแสยะยิ้ม
” ระดับสีน้ําตาลขั้นกลาง ได้ข้าจะเล่นสนุกกับท่านเอง “
หมัดและฝ่ามือเข้าปะทะกันอยู่กลางลานประลองทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับ ต่างฝ่ายต่างไม่มีผู้ใดยอมใคร ผัวะ ผัวะ ผัวะ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ไม่ถึงสองเค่อทั้งสองก็แยกออกจากกัน หวังหลินนํากระบี่ออกมาถือไว้ในมือเช่นเดียวกับเนี่ยฟงที่ถือมีดสั้นไว้ในมือขวาเช่นกัน