บทที่ 79
ทันทีที่ถึงเวลาการประลองในรอบบ่าย ผ่านไปแล้วห้าคู่ สัตว์อสูรสองตัวพุ่งทะยานเข้าหากันเสียงดังสนั่น เสียงเฮยังคงดังต่อเนื่อง เงาปราณกระบี่และดาบปลิวว่อน เคร้ง เคร้ง เคร้ง เครั้ง เกือบหนึ่งเค่อ ก็ได้ผู้ชนะเป็นหญิงสาวรูปงามได้อันดับสิบห้าในทําเนียบการต่อสู้ การต่อสู้บนลานประลองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์สํานักขึ้นมาประลองกันอีกสองคู่ หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มผู้หนึ่งก็พุ่งทะยานขึ้นมาบนลานประลอง เสียงจากด้านล่างค่อยๆเงียบลง ชายหนุ่มยืนหันซ้ายและขวาไปมาอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยวาจาออกมา
“ ข้าน้อยหยางเวยขอท้าประลอง กับศิษย์พี่หานทั้งเด็กขอรับ”
เสียงเฮดังลั่น ผู้คนต่างตะโกนโห่ร้องนามของหานนั้งเล็ก ซึ่งเจ้าตัวเองก็แสยะยิ้มจ้องมองศิษย์ใหม่บนลานประลองพร้อมกับหักนิ้วมือทั้งสองข้าง ไม่นานเขาเองก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนลานประลองอย่างรวดเร็ว
“ ไอ้ลูกหมาเจ้าคิดว่าเจ้าจะทําอย่างเพื่อนของเจ้าได้ ”
“ ได้หรือไม่ท่านต้องมารับรู้ด้วยตัวเองขอรับ”
สนับมือถูกสวมใส่ไปที่มือทั้งสองข้าง สายตาจดจ้องไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ด้านหน้า ทั้งสองจดจ้องกันอยู่นาน เคร๊ง เสียงสนับมือกระทบกัน ไม่ถึงสองลมหายใจเสียงปะทะกันของหมัดก็ดังสนั่น เปรี้ยง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ยืนปักหลักต่อยกันบนลานประลอง เสียงเฮดังออกมาทุกครั้งที่หมัดของทั้งสองปะทะกัน เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง หยางเวยเสียเปรียบตรงที่ตัวเล็กกว่า แต่ได้เปรียบเพราะในลมปราณมีพิษ ทุกครั้งที่หมัดเข้าปะทะกัน ปราณพิษจะค่อยๆแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ทั้งสองยังคงแลกหมัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ทุกครั้งที่คิดว่าตนจะเสียท่าหยางเวยก็ถีบเท้ากระโดดออกมา หานนั้งเง็กเริ่มที่จะมีอารมณ์โมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เริ่มที่จะพุ่งทะยานเข้าหาเอง เสียงหมัดพุ่งเข้าหาหยางเวยโยกตัวหลบหลีก คอยหาจังหวะเข้าประชิด หลังจากวิ่งวนไปมาก็เห็นช่องว่างเล็กน้อย ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาพุ่งออกไปทางซ้ายอย่างรวดเร็วเป็นจังหวะ เดียวกับที่หานทั้งเด็กถีบเท้าซ้ายออกมาเช่นกัน ไม่ถึงสองลมหายใจ ทั้งสองก็ปะทะกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นหยางเวยชิงลงมือก่อน หมัดขวาต่อยที่หน้าท้องอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง ปราณพิษแทรกซึม เข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว ช่วงจังหวะนั้นก็มีของแถมโดยการต่อยหมัดซ้ายออกไปอีกครั้ง เปรี้ยง หลังจากนั้นก็รีบถีบเท้าถอยออกมา
“ ไอ้ลูกหมา ”
สิ้นเสียงร้องคํารามที่เต็มไปด้วยความโกรธ ปราณหมัดสีขาวก็พุ่งออกมาหลายสิบหมัด หยางเวยตั้งท่าใช้มือซ้ายกําหมัดไว้ข้างลําตัว ขาทั้งสองกางออก มือขวาแบมือแล้วรวมรวมลมปราณไปที่มือขวา แล้วดันออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ปราณฝ่ามือสีม่วงขนาดใหญ่พุ่งออกไป เปรี้ยง ฝุ่นควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย ไม่ถึงสามลมหายใจ ฝุ่นควันพิษสีม่วงก็ถูกพัดหายไปด้วยปราณหมัดสีขาวขนาดใหญ่ ทั้งสองตอบโต้กันไปมา ระหว่างปราณหมัดและปราณฝ่ามือ ชั่วน้ําเดือด ทั้งสองก็เข้าปะทะกันอีกครั้ง
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ครั้งนี้หมัดของทั้งสองหาได้ปะทะกัน แต่ปะทะกับร่างกายของชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าแทน หมัดขวาของหานนั้งเง็กต่อยเข้าที่หน้าท้องของเด็กหนุ่มด้านหน้า เปรี้ยง หยางเวยทันทีที่โดนต่อยก็กัดฟันเหยียบเท้าซ้ายไปด้านหน้าต่อยหมัดขวาออกไป เปรี้ยง หมัดขวาต่อยเข้าที่ชายโครงด้านซ้าย ร่างกายของหานนั้งเง็กถึงกับกระตุกไปหนึ่งที อาการเจ็บปวดจากการต่อสู้ครั้งก่อนเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ทําสิ่งใด ร่างกายก็มีอาการเจ็บปวดขึ้นอีกครั้ง เสียงหมัดเข้าปะทะกับร่างกายของตน เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปาก
ทั้งสองแยกออกจากกัน สายตาของทั้งสองจ้องมองกันอย่างไม่วางตา สองลมหายใจต่อมาเสียงร้องคํารามจากชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ก็ดังขึ้น ร่างกายเริ่มขยายใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย แรงกดดันระดับสีส้มขั้นสูงถูกแผ่ออกมากดดัน ทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เด็กหนุ่มยังคงใช้ลูกเล่นเดิมจนทําให้หานนั้งเง็กตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธอย่างเห็นได้ชัด จากปราณหมัดสีขาวที่พุ่งออกมาปลิวว่อนไปทั่วลานประลอง ตูม ตูม ตูม ตม การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดผลัดกันรุกผลัดกันรับ เสียงหมัดปะทะกันยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนการของเด็กหนุ่ม ชั่วน้ําเดือด ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ก็มีอาการแปลกประหลาดให้เห็น โจมตีออกไปด้านข้างตัวเอง มีอาการหวาดกลัว เด็กหนุ่มแสยะยิ้ม ถอยหลังออกมารอคอยจังหวะบางอย่าง ไม่ถึงสามลมหายใจก็พุ่งเข้าไปเสียงเฮยังคงดังต่อเนื่อง บนลานประลองเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายมีแต่รอยช้ําสีม่วง พิษร้ายเริ่มที่จะทํางานของมันแล้ว ชุดสํานักที่เด็กหนุ่มสวมใส่มีแต่รอยเลือดสีแดงสด จากชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ด้านหน้าที่สาดกระเซ็นออกมา ศิษย์สํานักสองคนรีบขึ้นมาแบกร่างของหานนั่งเด็กลงไป ระหว่างนั้นหยางเวยก็โยนขวดยาสีขาวนวลให้แก่ศิษย์สํานักทั้งสอง
“ ด้านในคือเม็ดยาถอนพิษ พวกท่านนํามันไปช่วยเหลือศิษย์พี่ หานนั้งเง็กเถอะ ”
หลังจากนั้นหยางเวยก็ยืนรอบนลานประลอง เมื่อไม่มีผู้ใดคิดท้าทายก็พุ่งทะยานลงมาจากลานประลอง เสียงตะโกนโห่ร้องยังคงดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ฉากการต่อสู้อันดุเดือดยังคงมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลาช่วงบ่าย สิบอันดับแรกในทําเนียบการต่อสู้ถูกเปลี่ยนตําแหน่งเป็นว่าเล่น หวังหลินเอาชนะม่อกู่เฉินได้อย่างรวดเร็วเพราะวิชากระบี่ที่ต้นฝึกฝนมาถูกมองออกอีกครั้ง ในที่สุดไม่ถึงสองเค่อ ม่อกู่เฉินก็พ่ายแพ้หวังหลิน
จงเหวินป้าเองก็หาได้น้อยหน้าเฝ้ารอหานทั้งเด็กกลับมาแล้วท้าประลองอีกครั้ง แน่นอนว่าหานทั้งเด็กยังคงรับคําท้าเช่นเดิม เพราะหวังสั่งสอนจงเหวินป่าระบายความแค้น แต่ทว่าไม่เป็นเช่นนั้น กลับถูกทุบตีเสียเอง เสียงเฮ เสียงโห่ร้องดังสนั่นเป็นระยะๆ ศิษย์สํานักจํานวนไม่น้อยที่จดจ่อที่ด้านบนลานประลองมีเพียงสองคนที่หาได้สนใจบนลานประลองคือเนี่ยฟงและหยางเวย
“ ข้าต้องขอบคุณคุณชายเนี่ยฟงเป็นอย่างมากที่ทําการทุบตี ศิษย์พี่หานทั้งเด็กเสียก่อนหาไม่แล้วข้าคงหาได้มีทางเอาชนะศิษย์พี่ผู้นั้นได้แน่”
“ เหอะ กล่าววาจาไร้สาระอันใดหยางเวย ครั้งนี้เจ้าคงร่ํารวยเม็ดยาไม่น้อย เช่นนั้นช่วงบ่ายนี้เจ้าต้องจ่ายทั้งหมด”
กล่าวสิ้นเสียงเนี่ยฟงก็เดินไปคว้าพุทราเชื่อมมาสองไม้แล้วหัน ไปมองหยางเวย
“ รบกวนคุณชายหยางเวยจ่ายเงินด้วยขอรับ ”