มังกรซ่อนเล็บ เนี่ยฟง
บทที่ 83
เสียงเฮ เสียงโห่ร้องยังคงดังกระหึมอย่างต่อเนื่องรอบที่ห้า บนลานประลองผู้ศิษย์สํานักต่างๆยี่สิบสี่คนยืนเตรียมพร้อมรอเสียงระฆังเริ่ม รอบนี้มีการระมัดระวังตัวมากขึ้นโดยเฉพาะศิษย์สํานักอักขระเต่าดํา เดินแยกออกมาด้านข้าง แต่ทว่าก็ยังมีศิษย์สํานักอื่นแอบจ้องมองอย่างไม่วางตา ในรอบนี้หวังหลินขึ้นประลอง ไม่นานสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง สัตว์อสูรปรากฏกาย ปราณดาบและปราณกระบี่พุ่งปลิวว่อนไปทั่ว เสียงสบถกันด่าดังออกมา จากศิษย์สํานักอักขระเต่าดํา ที่ตอนนี้ต้องพุ่งทะยานหลบหนีปราณดาบสีขาวสามเล่ม เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ส่วนคนอื่นๆนั้นเริ่มที่จะเข้าปะทะกันบ้างแล้ว หวังหลินเรียกสัตว์อสูรคู่กายออกมาพยัคฆ์ตัวใหญ่สีเหลืองพร้อมกับกระบี่ในมือ
เงาปราณกระบี่สีขาวพุ่งออกจากชายหนุ่มประดุจห่าฝนมีหลายคนที่หลบไม่ทันถูกปราณกระบี่ทิ่มแทง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉุดตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบเข้าปะทะกันเสียงดังลั่น ผู้คนด้านล่างยังคงโห่ร้องอยู่ตลอดเวลา เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง หวังหลินฟาดฟันกระบี่หวังจัดการชายหนุ่มด้านหน้าที่สวมชุดสํานักกิเลนไฟ เคร้ง กระบี่ในมือหลุดไม่รอช้าหวังหลินจ้องแทงกระบี่ออกไป กระบี่วงแทงเข้าไปที่หัวไหล่ซ้าย เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากรอยแผล ไม่ถึงสองลมหายใจก็กระโดดถีบเท้าซ้ายออกไปปะทะกับหน้าอกเต็มๆ เปรี้ยง ในจังหวะที่ชายหนุ่มกระเด็นออกไป หวังหลินก็ดึงกระบี่ออกมาด้วย
พยัคฆ์ตัวใหญ่พุ่งรับมือกับสัตว์อสูรหมีตัวใหญ่ หวังหลินฟาดฟันกระบีในมือออกไป เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง ชาย หนุ่มด้านหน้าทําได้เพียงหมุนควงทวนในมือต้านรับ ไม่ นานทั้งสองก็แยกจากกันเพราะมีลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งเข้ามา เปรี้ยง ตูม หวังหลินหาได้เป็นอันใดแต่ชายหนุ่มผู้นั้นบาดเจ็บหนักไม่น้อยเพราะหลบไม่ทัน สัตว์อสูรหมี ตัวใหญ่กลายเป็นแสงพุ่งกลับเข้าร่างของผู้เป็นนาย หวังหลินเดินแยกตัวออกมาโดยมีพยัคฆ์นั่งอยู่ข้างๆ จ้องมองการต่อสู้ อยู่ด้านบนลานประลอง แต่ทว่ายืนอยู่ได้ไม่นานก็ต้องฟันกระ บออกไป ปราณกระบี่สีขาวพุ่งเข้าสกัดกั้นปราณดาบสีขาวที่พุ่งเข้ามา เปรี้ยง ไม่รอช้าหวังหลินพุ่งทะยานออกไปเข้าปะทะเจ้าของปราณดาบสีขาวอย่างรวดเร็ว
เคร้ง เคร้ง เคร้ง ผู้คนเริ่มหลงเหลือไม่มากแล้ว เกือบค ซึ่งในลานประลองบาดเจ็บหนักไม่มากก็น้อย หวังหลินกวัดแกว่งกระบี่ในมือใช้ท่วงท่าอีกครั้งหลังจากจัดการชายที่ฟาดฟันปราณดาบเข้ามา เงาปราณกระบี่หลายสิบเล่มพุ่งออกไปด้านหน้า เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง การต่อสู้เพื่อคัดเพียงแค่สามคนเข้ารอบ ผู้ใดไม่ระวังตัวมักจะถูกลอบจัดการเสมอ ปราณกระบี่ของหวังหลินพุ่งเข้าหาชายผู้หนึ่งที่กําลังกระโดดต่อยชายผู้หนึ่งอยู่ เปรี้ยง ทั้งสองกระเด็นออกจากลานประลองอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้บนลานประลองเหลือเพียงหกคน ทั้งหกเดินวนไปมาบนลานประลองต่างฝ่ายต่างไม่มีใครคิดออกท่วงท่าก่อน เพราะแต่ละคนก็กลัวเสียท่าให้แก่คนที่เหลือเช่นกัน ความเงียบเข้าปกคลุมคนทั้งหกอย่างช้าๆ ทั้งหกจ้องมองคู่ต่อสู้ที่อยู่ด้านหน้า ไม่ถึงสามลมหายใจทั้งหกก็ฟาดฟันอาวุธในมือออกไป เปรี้ยง ตูม ปราณดาบสี่เล่มและปราณกระบี่สองเล่มเข้าปะทะกันตรงกลาง ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ทั้งหกต่างพุ่งทะยานออกไปเคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบและกระบี่ปะทะกันเสียงดังอีกครั้ง หวังหลินทันทีที่เข้าประชิดตัวชายหนุ่มที่ถือดาบด้านหน้าก็ฟาดฟันกระบี่ออกไป
กระบี่วาดผ่านลําตัวชายผู้นั้นไป เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากบาดแผล หวังหลินเตะเท้าขวาออกไป ปะทะกับชายโครงด้านซ้ายถึงกับกระเด็นออกไป หลังจากจัดการเสร็จ หวังหลินก็ตั้งท่าเตรียมรับมือ ไม่นานการต่อสู้ก็จบลง มีผู้ยืนอยู่บนลานประลองสามคน หวังหลินสํานักพยัคฆ์สายลม ชิวซุนชางสํานักคชสารธรณีชายหนุ่มผู้ถือดาบ ชิวซุนสํานักผาสวรรค์ชายหนุ่มผู้ถือกระบี่ เสียงตะโกนโหร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง ศิษย์สํานักต่างๆรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนในสํานัก มีการหยุดพักครึ่งชั่วยาม ศิษย์สํานักคชสารธรณีหลายสิบคนรีบขึ้นมา จัดการทําความสะอาดลานประลอง
แต่ละสํานักเริ่มที่จะประชุมกันอย่างเคร่งเครียด เพราะตอนนี้เหลือเพียงห้ารอบเท่านั้น มีสํานักที่คนผ่านเข้ารอบ ไม่ถึงครึ่งของสํานักที่เข้าร่วมการประลอง หลายสํานักเริ่มที่จะแอบติดต่อกันอย่างลับๆ ไม่นานก็ใกล้ถึงเวลาที่จะเริ่มการประลอง จางหมิงก็พุ่งทะยานขึ้นไปด้านบนลานประลอง จากที่ลองสังเกตมีหลายคนเริ่มที่จะขยับเดินเข้าหากันเป็นกลุ่ม จางเฉินก็แอบโคจรลมปราณไปที่หมัด ทันทีที่ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น คนที่ยืนอยู่คนเดียวจะถูกจัดการก่อน แน่นอนว่าจางหมิงรับรู้อยู่ก่อนแล้ว มีชายหนุ่มผู้หนึ่งพุ่งทะยานเข้ามา ปราณหมัดสีขาวก็พุ่งออกไปปะทะกับชายหนุ่มผู้นั้น เปรี้ยง กระเด็นออกไปด้านหลัง เมื่อหันมองไปทางขวา ก็มีชายหนุ่มสามคนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นท่าไม่ดีจางหมิงจึงถีบเท้าพุ่งทะยานหลบหนี
หลายคนถูกจัดการอย่างรวดเร็ว เสียงตะโกนดังออกมาจากสํานักหลายแห่งที่ศิษย์ของตนถูกจัดการก่อน หนึ่งในนั้นก็คือสํานักอักขระเต่าดํา ที่แสดงความสามารถจนหน้ากลัว ทําให้รอบหลังๆถูกจะจัดการลงก่อน ไม่นานเมื่อคนเริ่มที่จะเหลือน้อยลง ตอนนี้ที่มีสภาพต่อสู้ได้เหลือเพียงสิบสองคนเท่านั้น การรวมกลุ่มเริ่มที่จะแตกกันเองเมื่อมีคนเหลือน้อย จางเฉินยังคงรวบรวมลมปราณไปที่หมัดรอจัดการกับคนที่คิดจะจัดการตน ชั่วน้ําเดือดการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวผู้หนึ่งปลดปล่อยแรงดันระดับสีส้มขั้นต้นออกมา ฟาดฟันกระบี่ในมือออกไป ปราณกระบี่พุ่งออกไปเป็นแนวขวางทะยานออกไป เปรี้ยง หลายคนพุ่งทะยานหลบหนี หลังจากนั้น ใครอยู่ใกล้ใครก็หมายจัดการคนที่อยู่ใกล้ทันที
* บัดซบ ไอ้ลูกหมา ลอบกัดข้า ”
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยอมแพ้เสียเถอะ ”
“ ไอ้สารเลวเอ๊ย ”
เสียงกั้นด่า ดังออกมาเป็นระยะ เพราะตอนนี้แต่ละคนโจมตีมั่วไปหมด ชายหนุ่มสามคนเข้าจัดการกับหญิงสาวผู้ที่ปลดปล่อยพลังสีส้มขั้นต้นออกมา จางเฉินที่ตอนนี้กําลังรับมือกับชายหนุ่มผู้หนึ่งอยู่ ปราณหมัดปะทะกับฝ่ามือเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ชั่วน้ําเดือดก็ได้ยินเสียงร้องแว่วดังมาทางซ้าย จางเฉินเองรีบต่อยหมัดขวาออกไป ในจังหวะที่ชายหนุ่มด้านหน้าเสียสมาธิ หันไปมองทางขวามือของตน เปรี้ยง ชายหนุ่มผู้นั้นกระเด็นออกไป ไม่รอช้ารวบรวมลมปราณไปที่หมัดขวาอีกครั้งแล้วต่อยออกไป ปราณหมัดสีขาวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง ชายผู้นั้นกระเด็นออกไปร่วงลงพื้นเสียงดัง เสียงเฮยังคงดังอย่างเนื่อง เห็นชายหนุ่มสามคนกําลังรุมจัดการหญิงสาวผู้หนึ่งอยู่รีบพุ่งทะยานออกไปช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
ปราณหมัดสีขาวพุ่งออกไปหลายสิบหมัด เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ชายผู้หนึ่งไม่ทันระวังถูกปราณหมัดปะทะกระเด็นออกไป หญิงสาวผู้นั้นทําได้เพียงพยักหน้าให้กับจางเมิง พร้อมกับฟันกระบี่ออกไป เปรี้ยง ชายอีกสองคนถูกปราณกระบี่สีขาวพุ่งเข้าปะทะกระเด็นออกไปเช่นกัน ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ชายหนุ่มหมายจะเดินไปถึงหญิงสาวที่นั่งอยู่กับพื้นลุกขึ้น ต้องปะทะกับปราณดาบจากชายอีกคนที่ยังมีสติอยู่เต็มๆ เปรี้ยง