มังกรซ่อนเล็บ เนี่ยฟง
บทที่ 86
เสียงเฮดังสนั่นอีกครั้ง บนลานประลองหลงเหลือเพียงสองคน ชายหนุ่มเถาหม่าเวยสํานักมังกรผยองราชัน และหญิงสาวฟู่หลินสํานักวารีสวรรค์ ทั้งสองหันมาจ้องมองกันอย่างไม่วางตา เพราะเมื่อครู่ทั้งสองเคยปะทะกันมาแล้วครั้งหนึ่ง หยางเวยรีบพุ่งขึ้นไปลานประลองเพื่อป้อนยาให้แก่ฟางหลิน ไอเย็นถูกขับออกจากร่างของหญิงสาว ฝามือเมื่อครู่แฝงไปด้วยไอเย็นจากพลังปราณและพลังฝ่ามือที่ฟู่หลินฝึกฝนอยู่ หลายคนรีบพุ่งทะยานขึ้นมานําเพื่อนในสํานักกลับไปรักษา ลานประลองถูกจัดการอีกครั้ง โจวหมิงหันไปมองผู้ได้รับบาดเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่ พร้อมกับถอนหายใจออกมา ไม่กล่าวสิ่งใด พุ่งทะยานขึ้นไปบนลานประลอง
หลายคนแอบลอบโคจรลมปราณไว้ที่มือและเท้ารอเสียงระฆังเริ่มการประลอง ไม่ถึงสองลมหายใจสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ปราณฝ่ามือพุ่งเข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น ติดตามมาด้วยเสียงปะทะของอาวุธหลากหลายชนิด เคร้ง เคร้ง เครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือนศิษย์สํานักอักขระเต่าดําชายหนุ่มผู้ถือพัดเหล็กที่มือขวาจะร้ายกาจกว่าที่คิด ทุกครั้งที่สะบัดพัดเหล็ก ปราณสีขาว พุ่งออกไป บางครั้งเป็นดาบ บางครั้งเป็นกระบี่ และมีบางครั้งเป็นฝ่ามือ พุ่งเข้าปะทะกับศิษย์สํานักต่างๆบนลานประลอง เนี่ยฟงจ้องมองพร้อมกับครุ่นคิดบางอย่าง
“ มีสิ่งใดไอ้หนู ”
“ ข้าแอบสังเกตชายหนุ่มผู้นั้นใช้พัดเหล็กในมือฟาดออกมาเป็นปราณลักษณ์ต่างๆได้อย่างแปลกประหลาด พัดเหล็กในมือต้องสลักอักขระศักดิ์สิทธิ์หลายอย่างเป็นแน่”
“ เจ้าลองสังเกตดูให้ดีว่ามันมีอะไรแปลกไป ”
เนี่ยฟงจดจ้องไปที่พัดเหล็กในมือพร้อมกับจ้องมองปราณรูปร่างต่างๆที่พุ่งออกมา ไม่นานก็ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ เหอะ ที่แท้ก็ของหลอกเด็กเท่านั้นขอรับท่านลุ่ยกง”
“ ในเมื่อเจ้ามองออกก็ดีแล้ว ก่อนตัดสินอะไรบางอย่าง เราต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อน บางครั้งการเสียเวลาเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทําให้เรารับรู้ข้อมูลก่อนการตัดสินใจบางอย่างไม่มากก็น้อย ”
“ ขอรับท่านลุ่ยกง”
เสียงขลุ่ยแว่วเข้ามา ศิษย์สํานักต่างๆเกิดอาการบ้าคลั่งพุ่งเข้าปะทะ วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงปรากฏออกมาอีกครั้ง มันขยายจนเกือบเท่าลานประลอง แรงกดดันระดับสีส้มขั้นต้นแผ่กระจายออกมาจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลายคนล้วนแล้วแต่มองหาศิษย์สํานักอักขระเต่าดําด้วยความหวาดกลัว ชั่วน้ำเดือดทันทีที่ได้ยินเสียงขลุ่ย แรงกดดันจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆจางหายไป หลายคนพุ่งเป้ามาที่ศิษย์สํานักอักขระเต่าดํา แน่นอนว่าเจ้าตัวก็มองหาเจ้าของเสียงขลุ่ยด้วยความโกรธแค้น
การประลองเป็นไปอย่างดุเดือด ดาบในมือโจวหมิงถูกฟาดฟันออกมา ปราณดาบสีขาวพุ่งสกัดกั้นปราณกระบี่ที่พุ่งทะยานเข้ามาเสียงดังสนั่น เปรี้ยง ปราณดาบและปราณกระบี่ปลิวว่อน ภูตน้ำปรากฏออกมาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าเพราะความร้ายกาจในรอบที่แล้ว ในรอบนี้ภูตน้ำจึงเป็นเป้าหมายแรกที่ต้องจัดการ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ไม่ถึงห้าลมหายใจภูติน้ำก็กลายเป็นแสงพุ่งเข้าหาผู้เป็นนาย หลายคนคนพุ่งติดตามแสงอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงสองลมหายใจก็กระเด็นออกมาจากการปะทะกับปราณกระบี่ เสียงกล่าวตะโกนยอมแพ้ดังขึ้นมาเป็นระยะ
โฮกกก พยัคฆ์ตัวใหญ่พุ่งเข้าปะทะกับหมีตัวใหญ่ เสียงดังสนั่น เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉุดออกมาจากปราณดาบที่วาดผ่านลําตัว เสียงร้องโหยหวนไปด้วยความเจ็บปวด โจวหมิงหาได้สนใจ พุ่งทะยานไปด้านหน้าจัดการคู่ต่อสู้ให้ได้มากที่สุด พลังปราณระดับสีน้ำตาลขั้นสูงถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด ดาบในมือฟาดฟันออกไปด้านหน้า เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ไม่นานก็พุ่งเข้าปะทะกับศิษย์สํานักอักขระเต่าดํา จากที่สังเกตรอบนอกอยู่นานจนแน่ใจแล้วว่า จะสามารถเอาชนะชายผู้นั้นได้ ดาบในมือขวาถูกกวัดแกว่ง ปราณดาบสีขาวพุ่งเข้าหาถึงสามเล่ม เปรียง เปรี้ยง เปรี้ยง เกราะโปร่งแสงสีแดงถูกสร้างขึ้นมาต้านรับปราณดาบเนี่ยฟงแสยะยิ้มอีกครั้งหลังจากที่เห็นเกราะสีแดงบนลานประลอง
“ ข้าอยากรู้นักว่าเกราะของเจ้านั่นกับของเจ้าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
“ เรื่องนี้ต้องรอดูกันก่อนขอรับ ว่าจะมีโอกาสได้ปะทะกันหรือเปล่า หากถามถึงตัวข้า ข้ามั่นใจว่าสามารถทําลายเกราะสีแดงนั้นได้แน่นอนขอรับท่านลุ่ยกง”
ปราณดาบสีขาวยังคงพุ่งออกมาปะทะเกราะสีแดงอย่างต่อเนื่อง ตัวของโจวหมิงเริ่มมีอาหารเหนื่อยหอบแสดงออกมาอย่างชัดเจน แน่นอนว่าชายหนุ่มสํานักอักขระเต่าดําก็รับรู้เช่นกัน เพราะตัวชายหนุ่มด้านหน้าพุ่งเข้าในเกือบจะประชิดตัวเองแล้ว พัดเหล็กถูกโบกสะบัดอีกครั้ง ปราณฝ่ามือและปราณดาบพุ่งออกไป ชายหนุ่มด้านหน้าทําได้เพียงพุ่งถอยหลังหลบหนี ผู้คนบนลานประลองเริ่มที่จะหายไปกว่าครึ่งแล้ว การต่อสู้จึงดุเดือดมากขึ้นกว่าเดิมโจงหมิงหลังจากที่พุ่งหลบหนีออกมาก็ได้ปะทะกับชายผู้หนึ่งสวมชุดสํานักคชสารธรณี เสียงดาบเข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง
ปราณดาบสีขาวพุ่งผ่านตัวไปเล่มแล้วเล่มเล่า ชายหนุ่มใช้ความเร็วหลบผ่านปราณดาบสีขาวที่พุ่งเข้ามา ไม่นานก็เข้าประชิดได้อีกครั้ง ดาบในมือขวาถูกฟาดฟันออกมาอย่างรวดเร็ว ศิษย์สํานักคชสารธรณีรีบยกดาบเข้าสกัดกั้น เคร้ง คมดาบวาดผ่านดาบของชายหนุ่มด้านหน้าถึงกับหักกระเด็น คมดาบฟันเข้าที่หัวไหล่ซ้ายอย่างถนักถนี เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉุดออกมาชุดสํานักชุ่มไปด้วยเลือด ชายหนุ่มซัดฝ่ามือซ้ายออกไปอีกครั้งเปรี้ยง ศิษย์สํานักคชสารธรณีกระเด็นออกไปด้านหลัง เหตุที่ต้องซัดฝ่ามือซ้ายออกไปเพราะดึงดาบออกมาไม่ได้
หลังจากจัดการชายหนุ่มผู้นั้นเสร็จสิ้นโจวหมิงก็หันไปมองที่พักของสํานักพยัคฆ์สายลม ไม่ถึงสองลมหายใจก็ล้มลงไปนอนกับพื้นด้วยสภาพอ่อนแรง พลังปราณในร่างถูกใช้จนเกือบหมด ตอนนี้บนลานประลองเกิดเสียงดังสนั่น เกราะสีแดงต้านรับปราณดาบขนาดใหญ่ถึงสองเล่ม เปรี้ยง ชายหนุ่มสองคนยืนจ้องมองด้วยความตื่นตกใจ แต่นั่นก็เปิดโอกาสเพียงเล็กน้อยให้แก่ศิษย์สํานักอักขระเต่าดํา พัดเหล็กถูกโบกสะบัดอีกครั้ง ปราณดาบสองเล่มก็พุ่งเข้าหาชายหนุ่มทั้งสอง เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงเฮดังกระหึมอีกครั้ง
ตอนนี้สี่คนจ้องมองกันอย่างไม่วางตากลางลานประลอง ชายหนุ่มผู้หนึ่งตัดสินใจถีบเท้าพุ่งทะยานถอยหลังพร้อมกับโบกสะบัดมือนําขลุ่ยออกมาถือไว้ในมือ เสียงสบถดังออกมาจากชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง
“ เหอะ เป็นเจ้าเองรึไอ้ลูกหมาที่เปาขลุ่ยบัดซบนั้น”
ไร้ซึ่งเสียงกล่าวตอบรับใดๆเสียงขลุ่ยถูกเปาขับขานอีกครั้ง ชายหนุ่มอีกสองคนด้านหน้า ฟาดฟันดาบในมือออกมาอย่างรวดเร็ว ศิษย์สํานักอักขระเต่าดําถึงกับสบถออกมาอีกครั้ง
“ บัดซบ ”
เสียงสะบัดมือดังขึ้นมาหลายครั้ง เกราะสีแดงปรากฏออกมาต้านรับปราณดาบทั้งสองที่พุ่งเข้ามาเปรี้ยง เปรี้ยง เสียงขลุ่ยยังคงดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเสียงปะทะกันของดาบสองเล่มและพัดเหล็ก เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงเฮดังสนั้นแต่ก็ไม่อาจกลบเสียงขลุ่ยลงได้แม้แต่น้อย เลือดสีแดงสดไหลออกมาตามบาดแผลของชายหนุ่มทั้งสอง อีกอย่างทั้งสองก็หาได้สนใจ สิ่งที่คิดตอนนี้คือสังหารชายหนุ่มด้านหน้าเท่านั้น ชั่วน้ำเดือดก็ปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงที่พื้นลานประลอง มันค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น ศิษย์สํานักอักขระเต่าดําค่อยๆถอยมาอยู่ตรงกลาง
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนทั้งสี่คนอยู่ในวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดง ไม่ถึงสองลมหายใจชายหนุ่มก็ฟาดพัดเหล็กลงบนพื้น เปรี้ยง วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงพุ่งสวนขึ้นมา ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ใกล้ถึงกับยืนนิ่งเพราะแรงกดดันระดับสีส้มขั้นต้น ส่วนเจ้าของเสียงขลุ่ยนั้นพุ่งทะยานหลบออกมาตั้งแต่ได้ยินเสียงฟาดพัดเหล็กลงพื้นแล้ว