มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์ – ตอนที่ 7 บอสมอนสเตอร์ในอาคารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์(1)

ซองอูพูดอย่างนั้นและเดินออกไป กอบลินแปดตัวยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับเจอสัตว์ป่าดุร้าย พวกมันถึงกับกรีดร้องและก้าวถอยหลัง

 

เคี๊ยก…เคี๊ยก…

 

นั่นเพราะว่า ‘กลิ่นมรณะ’ อันพิลึกพิลั่นของเนโครแมนเซอร์ แต่ฝูงกอบลินดูเหมือนจะหวาดกลัวภาพซองอูในสายตาของจินซอกและคนอื่นเสียมากกว่า

 

ไม่นาน การล่าของพวกเขาได้เริ่มขึ้น

 

***

 

กลุก กลุก

 

เสียงกระดูกกระทบกันดังอย่างน่าหวาดผวา คนที่ซ่อนตัวอยู่พูดไม่ออก ใบหน้านั้นแสดงความหวาดกลัวออกมาผ่านหน้าต่างกระจก โครงกระดูกสี่ตัวเริ่มสังหารกอบลินทั้งแปดอย่างป่าเถื่อน

 

“นั่นมันอะไรกัน?”

 

แม้แต่จินซอกที่ถือโล่ห์ในมือยังตัวสั่นเมื่อเห็นการต่อสู้ เขาคิดว่าเขาจะถูกฆ่าแล้วตั้งแต่ตอนที่เห็นฝูงกอบลิน เขาถึงกับคิดหนีเมื่อมีโอกาส

 

แต่ซองอูนั้นก้าวไปข้างหน้าโดยถือหอกทื่อของเขาด้วยมือเดียวและเริ่มทำการฆ่าเหล่ากอบลินด้วยโครงกระดูกเหล่านั้น

 

“ขวางบันได อย่าให้พวกมันหนี!”

 

เมื่อซองอูตะโกน โครงกระดูกแขนเดียวไปที่ขั้นแรกของบันได

 

“ดีมาก! ขวางทางมันแบบนั้นแหละ!”

 

ที่จริงซองอูไม่จำเป็นต้องตะโกนใส่โครงกระดูก แต่เขาทำเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าโครงกระดูกเหล่านี้ไม่มีอันตราย พวกมันอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาและเขาเป็นเพียงคนเดียวที่จะช่วยทุกคนให้รอดจากสถานการณ์นี้ไปได้

 

‘มีแต่เราคนเดียวที่จะสู้กับบอสมอนสเตอร์ได้’

 

ซองอูตั้งใจจะฆ่าบอสภายในเวลาที่เหลืออยู่และหนีออกจากอาคาร เขาคิดว่ามันคือกฎของเกมและวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

 

ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ!

 

กอบลินหนึ่งตัวล้มลงเมื่อถูกการโจมตีคริติคอล แม้ว่าจะมีโอกาสโจมตีคริติคอลเพียง 10% แต่เหล่าโครงกระดูกนั้นมีโบนัสความเร็วการโจมตี โอกาสโจมตีคริติคอลจึงเกิดผลบ่อยครั้ง

 

<กำลังใช้งานเอฟเฟคพิเศษ>

 

ผสาน : กลุ่มโจรมีด

 

โอกาสโจมตีคริติคอล (+10%), สะสมทอง (+10%)

 

สกิล : ความบ้าคลั่งแห่งความป่าเถื่อน

 

ความเร็วการโจมตีเพิ่มขึ้นเมื่อต่อสู้กับกอบลิน (+20%)

 

‘ถ้าเราใช้บัฟจากกำไลพวกกอบลินก็ไม่เป็นอันตรายแล้ว ไม่ว่าจะมากี่ตัวก็เถอะ’

 

ซองอูคุ้นชินกับสถานการณ์แล้ว

 

‘แต่พวกกอบลินไม่ใช่แค่ศัตรูเดียวของเรา ในอนาคตจะมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ออกมาอีก’

 

มันไม่สำคัญสำหรับเขาว่าทำไมถึงมีมอนสเตอร์ปรากฏตัวออกมาอีกแล้ว เพราะเขาคิดไปก็มิอาจหาเหตุผลได้ สิ่งสำคัญสำหรับเขาตอนนี้คือการต่อสู้กับกอบลินเพื่อเอาชีวิตรอด

 

ในขณะเดียวกัน คนที่ซ่อนตัวอยู่กำลังมองซองอูต่อสู้กับกอบลินด้วยความลำบากใจ

 

“เจ้าหมอนั่นกำลังสั่งโครงกระดูกใช่ไหม?”

 

“ชั้นคิดว่างั้นนะ”

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจสถานการณ์ฬนตอนนี้เลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็เป็นเรื่องจริง พวกเขาเริ่มรู้สึกโล่งใจขึ้นมากเมื่อเห็นซองอูรับมือได้

 

“เราโชคดีจริง ๆ…”

 

“เขาเป็นใครกัน? เขาเรียนคณะไหน?”

 

“หา? เขาดูเหมือนรุ่นพี่ในคณะ…”

 

ไม่เพียงแต่จะโล่งใจที่มีชีวิตรอด แต่พวกเขายังตระหนักอีกด้วยว่าซองอูเป็นคนช่วยชีวิตพวกเขา มันคือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ต้องการหาใครสักคนเพื่อพึ่งพิง

 

การได้เห็นซองอูต่อสู้นั้นบอกพวกเขาว่าซองอูคือชายที่จะพาพวกเขาฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไป

 

เคี๊ยก…

 

ซองอูจับหอกง้างมือขว้างใส่กอบลินตัวสุดท้ายสุดแรง

 

ฉั่วะ!

 

หอกปักที่กลางลำตัวกอบลินพอดี

 

“…ฟู่ว ดีล่ะ”

 

แม้จะมีเหล่าโครงกระดูกเป็นลูกน้องที่แข็งแกร่งคอยคุ้มกัน ซองอูก็รู้สึกว่าเขาต้องลับฝีมือเพื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การลงมือสังหารกอบลินจริง ๆ จากเขาทำให้คนอื่น ๆ ประทับใจขึ้นเป็นอย่างมาก

 

“…ว้าว!”

 

“เจ้านั่นยอดไปเลย เขาใช่คนเดียวกับที่เขียนอะไรซักอย่างให้คณะอักษรฯไหม?”

 

“พวกเราโชคดีมาก! โชคดีที่มีคนอย่างเขาที่นี่”

 

ซองอูมองศพกอบลินที่นอนเกลื่อนกลาดหลังต่อสู้จบ แต่เขาไม่เห็นอะไรที่ส่องแสงสีทองที่บ่งบอกว่าเป็นไอเทมเลย

 

‘ฆ่ากอบลินธรรมดาแล้วไม่ได้ไอเทมสินะ?’

 

มีมีดทื่อ ๆ ที่กอบลินธรรมดาถือ แต่สิ่งที่เป็นไอเทมนั้นจะได้รับในตอนที่ฆ่ากอบลินตัวใหญ่เหมือนหัวหน้ากอบลินที่เขาเคยฆ่ามาก่อน

 

แต่มีข้อความหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นโผล่ขึ้นมา

 

<คุณฆ่ามอนสเตอร์ 20 ตัว คุณจะได้รับ ‘ตั๋วเสี่ยงโชค’ คุณคือคนที่ทำได้เป็นคนที่ 34 ในบันทึก คุณถูกอัพเกรดให้เป็น ‘ไม่จำกัด’ โอกาส(จำกัด 100 คน)>

 

“…ตั๋วเสี่ยงโชค?”

 

ซองอูไม่ได้รู้ในทันทีว่ามันคืออะไร เพราะไม่มีสิ่งที่เหมือนกับ ‘ช่องเก็บของ’ ในเกมนี้ เขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครให้มันกับเขา เขาจึงเก็บเรื่อง ‘ตั๋วเสี่ยงโชค’ ไว้ในใจและสนใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

 

“ทำได้ดี!”

 

ซองอูพูดกับเหล่าโครงกระดูกที่เปื้อนเลือด

 

แน่นอนว่าเขาพูดไปพอเป็นพิธีเพราะพวกมันไม่ใช่มนุษย์

 

กึด กึด

 

โครงกระดูกแขนเดียวกัดฟันดีใจอีกครั้ง

 

“นี่ บอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนั้น”

 

โครงกระดูกตัวอื่นที่กำลังจะกัดฟันตามต้องหยุดตามคำสั่ง

 

จินซอกตะโกนขึ้นมาในตอนนั้นเอง

 

“…ไอ้เวร!”

 

ซองอูหันไปมองจินซอกที่กำลังโกรธ เมื่อเขาเดินเข้าหาจินซอก โครงกระดูกสี่ตัวที่เต็มไปด้วยเลือดเดินตามเขาเข้าไป

 

“อึก…”

 

จินซอกเดินถอยหลังด้วยความตกใจขณะที่มินซูหนีไปสุดทางแล้ว

 

“ไม่คิดว่าชั้นช่วยแกหรอกเรอะ?”

 

ซองอูถาม

 

จินซอกเคยดูถูกเขาเมื่อไม่นานมานี้เมื่อเห็นเขาถือหอกทื่อ ครั้งนี้จินซอกได้แค่พยักหน้าเงียบ ๆ

 

ซองอูเดินไปยังที่ซ่อนและมองรอบ ๆ มีคนถืออาวุธอยู่ทั้งหมดเจ็ดคน รวมฮันโฮ จินซอก และมินซู

 

ทุกคนกำลังมองซองอู ซองอูเงียบไปครู่หนึ่ง

 

“…”

 

จริง ๆ แล้วมันคือวิธีการที่เขาใช้ตอนอยู่ในกรม เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์มักจะใช้ความเงียบเช่นนี้ หากเกิดอะไรขึ้น เขาจะเรียกรวมพลทหารและเงียบไปชั่วขณะ ซึ่งทำให้เพิ่มความตึงเครียดในความเงียบนั้น และเมื่อพูดสิ่งใดหลังจากนั้น สิ่งนั้นจะมีน้ำหนักขึ้นมา

 

ซองอูเองก็ใช้วิธีการนี้หลังจากได้เป็นผู้หมวดอยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าการจะทำแบบนี้ต้องใช้สิ่งที่เหมือนกับ ‘อำนาจ’ ซึ่งซองอูมีสิ่งนี้อยู่แล้วจากการที่เขาต่อสู้ให้เห็น

 

“…”

 

ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอย่างที่คิด ความเงียบยังดำเนินต่อไป ทุกคนจับจ้องมองซองอูราวกับว่ารอให้เขาพูดบางอย่างออกมา

 

ซองอูเปิดปากขึ้นมาในตอนสุดท้าย

 

“ทุกคนคงจะเห็นข้อความแล้วว่าประตูจะไม่เปิดเพราะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น”

 

“เราจะทำยังไงกันดี?”

 

“มีทางเปิดมันไหม?”

 

ท่าทางของพวกเขาค่อนข้างแตกต่างจากตอนที่มีจินซอกเป็นผู้นำ แทนที่จะบ่นหรือสั่นกลัว พวกเขากำลังหาหนทางแก้ปัญหาราวกับได้เจอกับผู้เชี่ยวชาญ หรือก็คือพวกเขาเริ่มยอมรับแล้วว่าซองอูคือคนที่พวกเขาเชื่อใจและพึ่งพาได้

 

ซองอูชี้ประตูหลัก

 

“ทางแก้ไขเขียนอยู่ตรงนั้นแล้ว เราต้องจัดการบอสมอนสเตอร์ที่อยู่ในตึกนี้ให้ได้”

 

พวกเขาตึงเครียดขึ้น ซองอูชี้นิ้วไปบนเพดาน

 

“เราเหลือเวลาแค่สองชั่วโมง มันซ่อนอยู่บนตึกนี้แหละ”

 

พวกเขาเงียบอีกครั้ง

 

“ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราจัดการมันไม่ได้…แต่จะต้องอันตรายมากแน่ ถ้าหากมอนสเตอร์แข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่น่ากลัวอาจรอพวกเราอยู่”

 

ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นมา

 

“ชั้นเห็นมอนสเตอร์นั่น”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ชั้นเห็นบอสมอนสเตอร์ในตอนที่สูบบุหรี่บนดาดฟ้า…เห็นมอนสเตอร์ที่ตัวใหญ่มาก ๆ โผล่ขึ้นมา ศาสตราศาสตร์ถูกมันฆ่าตาย…”

 

ชัดเจนแล้วว่าจุดหมายของเขาอยู่ที่บนดาดฟ้า

 

มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์

มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์

Status: Ongoing
มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์ เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งในมหาลัยในขณะที่จู่ ๆ ก็มีข้อความและการ์ดภารกิจโผล่ขึ้นมาในกลางอากาศ ขณะที่ทุกคนกำลังลุกลี้ลุกลนกับเหตุการณ์ประหลาด แสงสว่างทั้งหมดกลับมืดมิดลง ห้องเรียนถูกปกคลุมไปด้วยความมืดสนิท ทุกคนตื่นตระหนกและหวาดกลัวที่จะหยิบการ์ดภารกิจ แต่ไม่ใช่กับซองอู เขารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเราต้องหยิบการ์ดเพื่อเอาชีวิตรอด เขาจึงเลือกเป็นเนโครแมนเซอร์ ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีภารกิจแนะนำปรากฏขึ้นมา ทั้งมหาลัยได้จมสู่ความยุ่งเหยิง จู่ ๆ ก็มีกอบลินโผล่ขึ้นมาเต็มไปหมดเพื่อฆ่าคน ผู้รอดชีวิตต่างปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วได้ยาก แต่ซองอูได้ฆ่ากอบลินฝูงหนึ่งไปด้วยพลังของสกิลเนโครแมนเซอร์และเริ่มทำภารกิจที่เขาได้มา ซองอูเพิ่มพลังของตัวเองเช่นเดียวกับจำนวนพวกพ้อง เขาถูกรายล้อมไปด้วยพลังแห่งความตายที่ภักดีต่อเขาเช่นเดียวกับพรรคพวกที่เชื่อใจได้ แต่เขาก็ถูกท้าทายโดยคนเลวร้ายมากมายและระบบที่ขู่ว่าจะทำให้มนุษยชาติเสื่อมทรามลง บนโลกที่กำลังพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน เนโครแมนเซอร์คนหนึ่งได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างด้วยพลังของเขา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset