มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์ – ตอนที่ 9 บอสมอนสเตอร์ในอาคารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์(3)

มันทำให้ตอนนี้ซองอูอยากฆ่าบอสมอนสเตอร์ยิ่งกว่าเดิม

 

‘ทำไมเราต้องมาเจอกับเรื่องบัดซบแบบนี้ด้วย?’

 

ซองอูกำลังทำให้ตัวเองคุ้นชินกับความอันตรายและการหาทางรอด แต่ซองอูเองก็เริ่มตั้งคำถามถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

 

“ซองอู ดีแล้วใช่ไหมที่เราจะไปดาดฟ้า?”

 

เหล่าโครงกระดูกเดินขึ้นบันไดก่อนที่ซองอูจะตอบ ประตูชั้นบนเปิดออกในไม่นาน ซองอูเห็นข้อความ

 

<คุณได้เข้าสู่ห้องบอสมอนสเตอร์>

 

***

 

ซองอูไม่ได้ขึ้นดาดฟ้าอาคารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์มานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เคยมาคือตอนที่เขาขึ้นมาซ้อมเต้นเพราะหาสถานที่ดี ๆ ไม่ได้ก่อนงานแสดงความสามารถของเด็กปีหนึ่ง

 

“บัดซบ…”

 

ในตอนนี้ ที่นี่กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับ ‘ดันเจี้ยน’ ของพวกกอบลิน ฝูงกอบลินหนาแน่นตั้งค่ายพักด้วยเสื้อผ้าที่ถอดมาจากศพนักศึกษา จากตู้เก็บของ และทุกอย่างที่มันเก็บได้ในโถงทางเดิน

 

เคี๊ยก!

 

มันฉีกหนังสือเล่มหนาจุดไฟในถังขยะพลาสติก

 

“นั่นมัน…คนในห้องเรา…”

 

ลึกสุดของดาดฟ้ามีกอบลินกำลังถอดเสื้อผ้าออกมาจากศพคน กอบลินตัวหนึ่งวาดลายแปลก ๆ บนเสื้อสีขาวของผู้หญิงที่ตายแล้วด้วยสีแดง

 

“นั่นมันบ้าอะไรกัน…”

 

จีซูสบถเสียงเบา

 

ทั้งสามรวมถึงซองอูยืนนิ่งที่ทางเข้าดาดฟ้า

 

ไม่ว่าพวกเขาจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อันบ้าคลั่งเพียงใด พวกเขาก็มิอาจทำตามืดบอดกับสิ่งที่ได้เห็น ณ ตอนนี้

 

“…”

 

ซองอูรู้สึกกลัวขึ้นมา ทำไมเขาถึงกล้าขึ้นมาที่นี่ล่ะ? กลับกัน เขารู้สึกอีกอย่างในใจ อย่างแรกเขาต้องใจเย็นเพราะกำลังเจอกับสิ่งที่มิอาจควบคุมได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบนดาดฟ้าทำให้เขาหัวเสีย ทำไมเขากับเพื่อน ๆ จะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้? แต่ยิ่งเขาคิดเท่าใดหัวก็ยิ่งเย็นลงเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าเขาอ่อนแอเมื่อเทียบกับพวกมัน

 

“…ฟู่วว!”

 

คนที่ตายตายไปเพราะอ่อนแอ ดังนั้น ซองอู ฮันโฮ และจีซูจำเป็นต้องแข็งแกร่ง

 

“ลุยเลย!”

 

ตอนนั้นเอง กอบลินที่เฉือนกางเกงยีนส์ด้วยมีดหันหน้ามาเห็นพวกเขา

 

เคี๊ยก เคี๊ยก!

 

เมื่อมันส่งเสียง กอบลินตัวอื่นบนดาดฟ้าหันไปมองมัน

 

เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก!

 

พวกมันมีอยู่ราว 20 ตัว

 

พวกมันทำหน้าดีใจและยิ้มแย้มเมื่อเห็นทั้งสามคน บางทีพวกมันอาจจะคิดว่าพวกมันมีจำนวนเหนือกว่าซองอูและอีกสองคน

 

“ซองอู ตอนนี้เราหนีกันได้ร…”

 

แต่ก่อนที่ฮันโฮจะพูดจบ เหล่าโครงกระดูกก็พุ่งไปข้างหน้า

 

‘ต้านมันเอาไว้’

 

โครงกระดูกทั้งสี่ตอบสนองต่อความคิดของซองอู พวกมันยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ขวางทางลงดาดฟ้า

 

ซองอูยกมือซ้ายขึ้นในขณะเดียวกัน เขาใช้ ‘ความบ้าคลั่งแห่งความป่าเถื่อน’ ในกำไลข้อมือสีแดงทันที

 

<ความบ้าคลั่งแห่งความป่าเถื่อนถูกใช้งาน! คุณจะได้รับพลังโจมตีเพิ่มขึ้น (+10%) และความเร็วการโจมตีเพิ่มขึ้น (+20%) เป็นเวลา 10 นาที>

 

ดวงตากลวงโบ๋ของโครงกระดูกเปล่งแสง มือของมันมีพละกำลังเพิ่มขึ้น กอบลินพุ่งเข้าใส่โครงกระดูกราวกับหมาป่าหิวโหย

 

แต่โครงกระดูกยืนอย่างมั่นคงที่ทางลงดาดฟ้า พวกมันรับการโจมตีด้วยแขนหนึ่งข้างและใช้มีดแทงออกไปด้วยมืออีกข้าง

 

‘พวกมันโจมตีเร็วมาก’

 

ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ!

 

เมื่อกอบลินบุกเข้ามา โครงกระดูกต่อสู้กลับด้วยกำลังที่มากกว่าเป็นสองเท่า ซองอูเห็นพลังที่ปลายมีดอย่างชัดเจน มันช่วยให้โครงกระดูกฟันผ่านมีดของกอบลินไปยังกระดูกมือที่จับมีด กอบลีนที่โดนฟันนั้นตายในพริบตา

 

กอบลินสี่ตัวแรกที่เป็นแนวหน้าตายในสามวินาที

 

“คิดว่าโครงกระดูกพวกนี้เป็นคนคุ้มกันเรา!”

 

ซองอูตะโกนและแกว่งหอกเหนือหัวของโครงกระดูก

 

เหล่าโครงกระดูกที่สูงราว 120 เซนติเมตรนั้นทำหน้าที่คุ้มกันพวกเขาจากด้านล่างได้เป็นอย่างดี ซองอูใช้หอกโจมตีกอบลินได้อย่างปลอดภัยเพราะหอกอยู่นอกระยะการโจมตีของมีด

 

จีซูที่ตัวสูงยื่นดาบเหนือโครงกระดูกแทงออกไป แต่ฮันโฮที่ถือมีดนั้นได้แต่ยืนนิ่ง

 

“ให้ตายเถอะ! คิดว่าเลือกอาชีพดี ๆ มาแล้วเชียว แต่มันก็แค่อาชีพไร้ประโยชน์!”

 

ฮันโฮถือมีดสองเล่ม แต่มันไร้ประโยชน์

 

“เอาไปกิน!”

 

ฮันโฮที่ไม่รู้จะทำอะไรปามีดหนึ่งเล่มใส่กอบลิน

 

ฉั่วะ!

 

“หา?”

 

มีดปักกลางหน้าผากกอบลินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ มันล้มลงในทันที

 

“โดนแล้ว! ชั้นทำดีใช่ไหมล่ะ?”

 

ในสมัยประถม ‘เกมขว้างตะเกียบ’ นั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน เป้าหมายคือกำแพงนอกโรงเรียน แต่พวกเขาก็ถูกผู้อำนวยการจับได้และถูกอบรมวินัยอย่างเจ็บแสบ ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็ไม่ได้เล่นเกมขว้างตะเกียบอีกเลย ในอดีตครั้งนั้น ฮันโฮคือคนที่เล่นเกมนี้ได้เก่งที่สุด

 

เมื่อมั่นใจแล้ว ฮันโฮใช้มีดอีกเล่มขว้างไปยังกอบลินอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้มันปักเข้าที่หน้าผากกอบลินตัวที่อยู่ไกลอย่างแม่นยำ สำหรับเขามันง่ายมากในการฆ่ากอบลินสองตัว

 

“ชั้นเจอพรสวรรค์ของตัวเองแล้ว!”

 

เมื่อทั้งสามเริ่มต่อสู้กับกอบลินแนวหน้าได้ดี กอบลินตัวข้างหลังเริ่มลังเล กำลังใจของพวกมันกำลังหดหาย

 

เคี๊ยก…เคี๊ยก…

 

<กอบลินอ่อนแอลงหลังจากได้กลิ่น ‘กลิ่นมรณะ’(ขั้นแรก)! สเตตัสลดลง 30%>

 

สุดท้าย ‘กลิ่นมรณะ’ ก็ทำงาน ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลเมื่ออีกฝ่ายคิดจะต่อสู้ แต่เมื่อซองอูเริ่มได้เปรียบเมื่อใด กลิ่นมรณะจะแสดงเอฟเฟคออกมา

 

พรึ่บ พรึ่บ!

 

ตอนนี้ซองอูกับพรรคพวกหลบไปหากอบลินตรง ๆ โดยไม่มีโครงกระดูกนำหน้า จากนั้นโครงกระดูกที่ต่อสู้อยู่ตำแหน่งเดียวก็เริ่มขยับขา พวกมันเดินไปข้างหน้าและโจมตีต่อไป

 

เคี๊ยก! เคี๊ยก!

 

ฝูงกอบลินเริ่มล่าถอยเมื่อเห็นหน้ากระดานที่โถมเข้าใกล้ พวกมันกระจัดกระจายไปทั่วดาดฟ้า หรือก็คือพวกมันพ่ายแพ้แล้ว

 

แต่เงาหลังฉากกั้นได้เคลื่อนไหว มีบางอย่างกำลังเดินก้าวยาว ๆ ออกมา

 

เคี๊ยก! เคี๊ยก!

 

การต่อสู้พลิกกลับอีกครั้ง ฝูงกอบลินที่ถอยหนีด้วยความกลัวตะโกนร้องดีใจและโค้งคำนับให้สิ่งที่เดินออกมา

 

มันเองก็เป็นกอบลินแต่ได้รับความนับถือจากกอบลินตัวอื่น มันคือกอบลินตัวใหญ่ที่แตกต่างจากตัวอื่น

 

กอบลินตัวนี้สูงราว 170 เซนติเมตร มันสวมเสื้อเบสบอลที่มีสัญลักษณ์ของคณะการโรงแรมที่อกขวา ร่างกำยำของมันเผยให้เห็นผ่านซิบที่รูดออก

 

“นั่นสินะบอส…ฟู่ว”

 

ฮันโฮกล่าว

 

ฮันโฮพักหายใจและยกมีดขึ้น

 

บอสกอบลินถือท่อนไม้ใหญ่ร้องคำรามเสียงดัง กอบลินตัวอื่นที่หวาดกลัวเมื่อครู่ก่อนกลับมาในตำแหน่งต่อสู้ตามเดิม ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

เคี๊ยก!

 

เมื่อไม่มี ‘กลิ่นมรณะ’ เหล่ากอบลินกลับมามีพลังอีกครั้ง

 

“ฆ่ามันให้หมด!”

 

โครงกระดูกทุกตัวจู่โจมเมื่อซองอูสั่ง พวกกอบลินนั้นสู้โครงกระดูกไม่ได้

 

ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ!

 

กอบลินหลายตัวที่เหลือล้มลงในทันทีที่ปะทะกับโครงกระดูก ซองอูรู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกมันไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง

 

คว้าง!

 

กะโหลกถูกขว้างออกมา

 

“ถอยมา!”

 

ซองอูตะโกน

 

แต่มันสายไปแล้ว

 

แม้ว่าจะเป็นการขว้างกะโหลกธรรมดา โครงกระดูกที่งุนงงก็แหลกเป็นชิ้น ๆ ร่างโครงกระดูกไม่มีทางรับการขว้างกะโหลกไหว

 

<มอนสเตอร์ที่ตายได้กลายเป็นสมุนของคุณ>

 

<มอนสเตอร์ที่ตายได้กลายเป็นสมุนของคุณ>

 

มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์

มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์

Status: Ongoing
มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์ เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งในมหาลัยในขณะที่จู่ ๆ ก็มีข้อความและการ์ดภารกิจโผล่ขึ้นมาในกลางอากาศ ขณะที่ทุกคนกำลังลุกลี้ลุกลนกับเหตุการณ์ประหลาด แสงสว่างทั้งหมดกลับมืดมิดลง ห้องเรียนถูกปกคลุมไปด้วยความมืดสนิท ทุกคนตื่นตระหนกและหวาดกลัวที่จะหยิบการ์ดภารกิจ แต่ไม่ใช่กับซองอู เขารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเราต้องหยิบการ์ดเพื่อเอาชีวิตรอด เขาจึงเลือกเป็นเนโครแมนเซอร์ ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีภารกิจแนะนำปรากฏขึ้นมา ทั้งมหาลัยได้จมสู่ความยุ่งเหยิง จู่ ๆ ก็มีกอบลินโผล่ขึ้นมาเต็มไปหมดเพื่อฆ่าคน ผู้รอดชีวิตต่างปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วได้ยาก แต่ซองอูได้ฆ่ากอบลินฝูงหนึ่งไปด้วยพลังของสกิลเนโครแมนเซอร์และเริ่มทำภารกิจที่เขาได้มา ซองอูเพิ่มพลังของตัวเองเช่นเดียวกับจำนวนพวกพ้อง เขาถูกรายล้อมไปด้วยพลังแห่งความตายที่ภักดีต่อเขาเช่นเดียวกับพรรคพวกที่เชื่อใจได้ แต่เขาก็ถูกท้าทายโดยคนเลวร้ายมากมายและระบบที่ขู่ว่าจะทำให้มนุษยชาติเสื่อมทรามลง บนโลกที่กำลังพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน เนโครแมนเซอร์คนหนึ่งได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างด้วยพลังของเขา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset