ผู้รอดชีวิตที่มากับซองอูเข้าไปพูดคุยกับคนของสภานักศึกษา แดซองหันไปชำเลืองมองซองอู ซึ่งจริง ๆ แล้วเขากำลังมองเหล่าโครงกระดูกรอบตัวซองอูด้วยสายตาเป็นกังวล
“มอนสเตอร์พวกนั้นมันอะไร?”
“ก็อย่างที่รู้ มันมาจากการ์ดอาชีพที่ชั้นเลือก”
“เลือกมอนสเตอร์ที่ฆ่ามนุษย์งั้นรึ?”
ซองอูตึงเครียดขึ้นมาในทันทีเพราะคำพูดของเขานั้นจงใจคิดร้าย เขาเลือกใช้คำพูดในแง่ลบโดยจงใจ และเขายังพูดเสียงดังให้คนรอบ ๆ ได้ยินด้วย
‘คิดจะทำให้เราเป็นคนอันตรายสินะ’
ชายคนนี้หยาบคายเหมือนกับจินซอก แต่จริง ๆ แล้วเขาเลวร้ายกว่าจินซอกหลายเท่า เขานั้นเจ้าเล่ห์และคุ้นเคยกับการรังแกผู้คน
“ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะ แต่ถ้าคิดจะอยู่ด้วยกัน ขอให้จัดการมอนสเตอร์พวกนี้ไปก่อน”
“ชั้นทำไม่ได้”
ซองอูตอบโดยไม่ลังเล แดซองถอนหายใจแรง เขามองคนโดยรอบและยักไหล่
เขาพยายามจะเพิ่มน้ำหนักให้คำพูดตัวเองโดยใช้อุปทานหมู่กับคนของเขา
“คิดจะเก็บพวกมอนสเตอร์น่าขยะแขยงที่ฆ่าคนเอาไว้เหรอ?”
“อะไรกัน? น่าขยะแขยง? จริงๆ แล้วพวกมัน…”
“แต่มันน่ารักนะ”
“…หุบปาก ฮันโฮ!”
แปะ แปะ
“อะแฮ่ม ยังไงก็ขอโทษด้วย แต่คงทำให้ไม่ได้หรอก กำจัดพวกมันก็เหมือนทิ้งอาวุธไป จะบอกให้เดินไปเดินมาโดยไม่มีอาวุธในสถานการณ์แบบนี้เหรอ?”
“อืม ก็ไม่รู้สิ แต่พวกเราปกป้องนายได้ใช่ไหม? นายจะปลอดภัยกว่าถ้าอยู่กับเรา แทนที่จะอยู่กับมอนสเตอร์ท่าทางไม่เอาไหนแบบนั้น”
แดซองยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
‘เป็นบ้าอะไรของมัน? มันอยากจะให้เรามองเกราะข้างในเสื้อมันรึไง?’
ซองอูหัวเราะในใจ กล้าดีเหลือเกินที่มาบอกว่าโครงกระดูกของเขาเป็นมอนสเตอร์ไม่เอาไหน เขาไม่รู้อะไรเลย
“จะให้เชื่อใจได้ยังไง? ความเชื่อใจเกือบจะหายไปหมดแล้วเพราะคำพูดนาย ชั้นเคยอยู่กับชายที่พูดแบบเดียวกับนายนั่นแหละ”
เขาพูดและมองจินซอก แม้จินซอกจะเงียบแต่เขาก็โมโหขึ้นมา เขาเหมือนกับลูกหมาที่คอยแยกเขี้ยวอยู่ใกล้ ๆ เจ้านาย
“ถ้ายืนยันแบบนั้นก็ขอโทษด้วย แต่นายอยู่กับพวกเราไม่ได้ คิดให้ดี นี่ไม่ใช่เวลามาเอาชนะกัน ชั้นให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย คิดให้ดีก่อนจะตอบล่ะ”
ในตอนนั้นเอง จีซูเดินเข้ามาตะโกน
“นายมันทึกทักไปเองไม่ใช่เหรอ! เราพูดตอนไหนว่าอยากจะรวมกลุ่มกับพวกนาย? คิดเหรอว่าสภานักศึกษามันยิ่งใหญ่นัก? ถ้าคิดแบบนั้นก็น่าขยะแขยงแล้ว!”
แดซองคิ้วกระตุกเมื่อจีซูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เธอเป็นประธานคณะพลศึกษาใช่ไหม?”
“จะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับแก เจ้าพัคแดซองอายุยี่สิบห้า! จะเล่นกับตำแหน่งของแกไปถึงเมื่อไหร่?”
“…”
ดูเหมือนว่าจีซูจะเกลียดเขามานาน ไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่พูดแบบนั้น
“จีซูใจเย็นก่อนแล้วมาอยู่ฝ่ายพวกเราจะดีไหม? ถ้าไม่…เธอจะเสียใจ”
จีซูแลบลิ้นเป่าปากใส่เขา
“หยุดได้แล้ว! แกก็แค่แกล้งทำเป็นทำเพื่อมหาลัย แต่ชั้นรู้ว่าแกได้ไปหลายล้านวอนจากบริษัทที่มาจัดงานเทศกาล!”
แดซองพยายามใจเย็น แต่เขาเสียหน้าเพราะจีซูพูดเรื่องส่วนตัว คนอื่นที่ได้ยินพากันนินทา
แดซองก้มหน้าถอนหายใจยาว
“อา…ช่วยไม่ได้แล้ว ไปซะ มอนสเตอร์จะคลั่งเอาถ้ามีเธออยู่ด้วย”
“แน่อยู่แล้ว ไอ้เวร”
จีซูหันหลังกลับเป็นคนแรก ซองอูเดินตามจีซูไปโดยไม่เสียใจอะไรเลย ฮันโฮเองก็เดินตามซองอูแม้จะทำหน้าหงุดหงิดอยู่บ้าง
แดซองตะโกนใส่พวกเขาด้วยความโมโห
“แล้วพวกแกจะต้องเสียใจ ตอนนี้อยู่รวมตัวกันจะดีที่สุด เคยได้ยินเรื่องเอฟเฟคผสานไหม? ไปเป็นกลุ่มเล็กแบบนั้นก็มีแต่จะโดนฆ่าตาย พวกโง่เอ้ย…”
นักศึกษาคนอื่น ๆ เลือกที่จะอยู่กับสภานักศึกษา ไม่ว่าซองอูจะดูพึ่งพาได้แค่ไหน พวกเขาก้ไม่อยากจะทิ้งกลุ่มคนที่ใหญ่กว่าไปอยู่กับซองอู
“จีซู ขอโทษนะที่ถาม แต่เธอมีอะไรกับแดซองเหรอ?”
เขาถามอย่างระมัดระวัง
“อา มันน่ะสารเลวของจริง มันรวยก็เลยอยู่ในมหาลัยคอยหาผู้หญิง มีผู้หญิงหลายคนที่เป็นรุ่นน้องชั้นถูกมันหักหลัง…แต่เพราะตำแหน่งประธาน ไอ้เวรนั่นเลยทำตัวแบบนั้นได้ แต่นิสัยมันไม่เคยเปลี่ยน”
“อย่างนี้นี่เอง”
“เลวจริง ๆ!”
ฮันโฮตะโกน
ซองอูกับพรรตพวกตัดสินใจ ‘ออกจากมหาลัย’ เป็นเป้าหมายแรก
ทั้งสามกำลังคิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการออกไปจากมหาลัย
“คิดว่ามอนสเตอร์จะเยอะตามจำนวนคน พวกมันแค่ออกมาเพื่อฆ่าคนตั้งแต่เริ่ม”
จีซูพูด
เธอพูดถูก
“เลี่ยงตึกให้ได้มากที่สุด ไปทางเนินเขาหลังมหาลัยไปหาประตูหลัก มีคนแถวนั้นอยู่ตอนเช้า”
พวกเขามุ่งหน้าไปที่เนินเขาหลังมหาลัย มีทางสะพานไม้เก่าตลอดทาง
“ที่นี่เงียบจัง”
ถึงเนินเขาจะอยู่หลังมหาลัย แต่นักศึกษาทั้ง 10,000 คนไม่ได้เข้ามหาลัยทุกวัน มันเงียบเหงายิ่งกว่าคำว่าสงบเงียบเสียอีก
“เดี๋ยวก่อน…”
ซองอูที่เดินอยู่บนทางหยุดเดิน โครงกระดูกข้างหน้าเขาเองก็หยุดด้วย
สายลมเบา ๆ พัดผ่านหัวพวกเขาไป
“ซองอู มีอะไร?”
“ชู่ว…”
ซองอูก้มตัวลงต่ำและชี้นิ้วไปทางเงาไม้
ฟึ่บ–
มีบางอย่างยืนตรงตัวสูงอยู่ตรงนั้น เหมือนกับมีการต่อสู้เกิดขึ้นไปแล้วเพราะมีกอบลินหลายตัวตายเต็มไปหมด มีกองเลือดเต็มไปหมด ขวานเล่มใหญ่ผ่าคาหัวของกอบลิน
คนคนหนึ่งที่ต่อสู้ชนะดึงขวานกลับ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคน เขาหันมามองทางซองอู
“…อา!”
ฮันโฮดึงมีดขึ้นมาด้วยความตกใจ
“นั่นมันบ้าอะไรกัน…ตัวใหญ่กว่าบอสกอบลินอีก!”
มันเป็นออคผิวสีเขียวที่มีเขี้ยวโผล่ออกมาจากปาก มันสูงถึงสองเมตร
มันยกขวานขึ้นสูงและร้องคำรามส่งสัญญาณต่อสู้ มันพุ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยขวานโดยไม่สนใจอะไร ซองอูชักดาบออกมา โครงกระดูกกระจายไปทุกทิศทาง
***
“…ดีล่ะ วัตถุดิบโครงกระดูกตัวใหม่โผล่มาแล้ว”
ซองอูคิดว่าจะมีมอนสเตอร์ชนิดอื่นปรากฏตัวขึ้นมาด้วย ตามปกติแล้วออคจะปรากฏตัวถัดจากกอบลิน
ซองอูตัวแข็งทื่อเมื่อเจอกับออค เขารู้สึกว่าทำอะไรร่างอันใหญ่โตนั้นไม่ได้เลย มันแตกต่างกับกอบลินที่ขนาดตัวเท่ากับเด็ก เหมือนกับเขากำลังสู้กับนักมวยปล้ำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและสูงกว่าสองเมตร
“หนีเร็ว!”
ซองอูกับฮันโฮหนีเข้าป่าเมื่อจีซูตะโกน เช่นเดียวกับพวกโครงกระดูก ออคที่พุ่งเข้าใส่พวกเขามองรอบ ๆ จุดที่พวกเขาเคยยืนเมื่อครู่ มันวิ่งเข้าใส่พวกเขาอีกเหมือนกับนักรบเถื่อนหรือหมูป่า
“มันบ้าไปแล้วรึไง!”
ฮันโฮยืนขึ้น เขาแหวกต้นไม้หนีและสบถใส่มัน มันพุ่งใส่พวกเขาด้วยความเร็วสูงสุดแค่เพราะมองเห็นเหรอ?
ออควิ่งลงมาถึงบันไดไม้ มันพาดขวานไว้บนไหล่และมองพวกซองอู มันหายใจเข้าลึกด้วยความตื่นเต้น
“มันจะวิ่งมาอีกแล้ว!”