โครงกระดูกแต่ละตัวได้ค้อนไปใช้งาน
จากนั้นซองอูใช้เข็มขัดหนังของออครัดดาบกับตัวโครงกระดูกแขนเดียว เพื่อที่เขาจะใช้ผสาน <นักรบ (ขั้นแรก)> และ <นักรบแขนเดียว (สำเร็จ)> ได้ทุกเมื่อ
“ดาบหนักขึ้นมาแล้วแฮะ”
เมื่อเอฟเฟคผสาน <นักรบ (ขั้นแรก)> ที่ลดน้ำหนักดาบหายไป จีซูพึมพำเมื่อถือดาบของตัวเอง ซองอูเองก็รู้สึกว่าดาบหนักขึ้นมาก
แต่เอฟเฟคผสานใหม่ได้ถูกใช้งาน
< ‘เอฟเฟคผสาน’ ถูกใช้งานเพราะการต่อสู้แบบทีม>
<รายการผสาน :
ความบ้าคลั่งแห่งความป่าเถื่อน (ขั้นแรก)
ประเภท : ผสานอาวุธ
เงื่อนไข : พกอาวุธกระดูกห้าชิ้น
เอฟเฟค : เพิ่มความเสียหายเมื่อโจมตีศัตรูที่พลังชีวิตสูงสุดน้อยกว่า (+30%)
กิ่งไม้เป็นยา (ขั้นแรก)
ประเภท : ผสานอาวุธ
เงื่อนไข : พกอาวุธทื่อมากกว่าห้าชิ้น
เอฟเฟค : โอกาสติดสถานะหน้ามืด (5%) เพิ่มความเสียหายมอนสเตอร์ขนาดกลาง (+10%)>
“หา? เดี๋ยวก่อน”
เขานึกอะไรบางอย่างได้ ซองอูแก้มัดดาบจากโครงกระดูกแขนเดียวและยื่นดาบให้ฮันโฮ
“ฮันโฮ ถือดาบหน่อย”
“หืม? ขอบคุณมาก! ใช่แล้ว ชั้นใช้ได…”
“ให้ยืมต่างหาก ต้องคืนให้เจ้าโครงกระดูกนั่นตอนชั้นสั่ง”
ฮันโฮทำสายตาผิดหวัง
“ล้อเล่นรึเปล่า? ทำไมไม่ให้มาเลยล่ะ?”
“…เห็นเอฟเฟคผสานสุดยอดของ <นักรบแขนเดียว> แล้วใช่ไหม? คงตัดแขนนายไม่ได้หรอกนะฮันโฮ”
ฮันโฮพยักหน้าเงียบ ๆ เอฟเฟคผสานนักรบส่งผลอีกครั้ง
พวกเขาเดินปีนเขาในเส้นทางต่อไป แสงอาทิตย์ลอดผ่านใบไม้ เสียงนกร้องบ่งบอกอีกวันอันสงบสุข แต่เสียงกรีดร้องจากมหาลัยที่ดังเป็นระยะ ๆ นั้นทำลายความรู้สึกนั้นไป
มันยังคงเป็นนรก
“จะมีอีกคนกันที่ต้องมาตาย?”
จีซูขมวดคิ้ว
ซองอูตอบด้วยความใจเย็น
“ก็อยู่ที่ว่าพวกนั้นจะปรับตัวได้ไหมล่ะนะ”
สถานการณ์ในตอนนี้วุ่นวายอย่างที่เขาพูด คนที่เอาตัวรอดไม่ได้จะตาย เช่นเดียวกับครอบครัวของเขา
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ”
“ก็จริง แต่ขั้นแรกในการปรับตัวน่ะง่ายมาก”
“อะไรล่ะ”
“ขึ้นอยู่กับว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธมันยังไงล่ะ”
“ยอมรับหรือปฏิเสธเหรอ?”
ซองอูพยักหน้า
“ตั้งแต่ที่เราเลือกการ์ด สู้กับกอบลินและต้องฆ่ากอบลิน มีไม่กี่คนที่ยอมรับมันได้ หลายคนคิดเอาแต่หนี ใช่ไหม?”
“นายหมายความว่าคนจะต่อสู้ได้ก็ต่อเมื่อยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง แล้วจะเอาชีวิตรอดได้ ใช่ไหม?”
“หมายความแบบนั้นแหละ อา พวกเราถึงแล้ว”
ไม่นานพวกเขาก็มาสุดทาง หลังจากเดินลงบันไดไม้ พวกเขาเห็นประตูหลัก
“ลงบันไดแล้วมองรอบ ๆ ด้วย”
“ซองอู นายไม่รู้สึกแปลก ๆ เหรอ? ทำไมรถพวกนั้นถึงหยุดอยู่หน้าประตูล่ะ?”
มีรถเต็มไปหมดที่ขวางประตูมหาลัยอยู่โดยไม่ทราบสาเหตุ ราวกับว่ารถพวกนั้นพยายามจะออกไปจากมหาลัยแต่ก็ติดอยู่ตรงนั้นเพราะออกไปไม่ได้
ซองอูเจอเหตุผลในไม่นาน
<รถติดผนึกจากพลังวิเศษ ประตูจะเปิดเมื่อสังหาร ‘บอสมอนสเตอร์’ ในพื้นที่ *บอสมอนสเตอร์จะแข็งแกร่งขึ้นหากฆ่าไม่ทันเวลา (08:31)>
“อีกแล้วเหรอ?”
ทันทีที่เวลาเปลี่ยนไปเป็น 08:00 ข้อความต่อมาได้โผล่ขึ้นมาให้ผู้เหลือรอดทุกคนในมหาลัย
<หน่วยออคเริ่มออก ‘ล่า’ เลือกสถานที่ที่ดีและเผชิญหน้ากับพวกมัน
*พวกออคจะเริ่มล่าหลังจากได้กลิ่นเหยื่อ พวกมันจะส่งนักรบเพิ่มเมื่อพบเหยื่อกลุ่มใหญ่>
“อะไรกัน? พวกมันจะล่าเราเหรอ?”
“คิดว่างั้นนะ…นอกจากหาที่ปลอดภัย พวกมันจะมาเพิ่มขึ้นต่อกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นสินะ? จะมีอีกหลายตัวมาหาเราใช่ไหม?”
จีซูพยักหน้าเมื่อซองอูถาม
พวกเขาเห็นฝูงออคกำลังลงจากเขาหลังมหาลัย นับคร่าว ๆ ได้ 18 ตัว พวกมันกู่ร้องเหมือนเสียงฟ้าผ่าและวิ่งลงมาสู่มหาลัย
เสียงกรีดร้องมากมายเริ่มดังจากตรงนั้น
“หา? ที่นั่นคือที่ที่พวกนั้นอยู่กับสภานักศึกษานี่?”
“ถ้าเราอยู่ตรงนั้นคงแย่แน่”
“…”
ตอนนี้ซองอูดีใจที่เขาอยู่ห่างจากพวกสภานักศึกษา ไม่บอกก็รู้ว่ามันดีสำหรับพวกเขา
ดูจากตอนนี้ การอยู่เป็นกลุ่มใหญ่โดยตั้งใจหาเอฟเฟคผสานนั้นไม่ได้ดีเสมอไป แทนที่จะเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่ม มันจะดีกว่าที่จะหาเอฟเฟคผสานที่ทำให้ต่อสู้ได้ดีที่สุดมาแทน
และอาชีพเนโครแมนเซอร์คืออาชีพที่ดีที่สุด
<การโจมตีแรกของหน่วยออคเริ่มขึ้นแล้ว (ออค 5 ตัว)>
“ห้าตัว? ซองอู มันน้อยกว่าที่วิ่งลงเขามานี่ แต่ห้าตัวก็…”
ฮันโฮคิดว่าออคที่พวกเขาเจอในเส้นทางนั้นแข็งแกร่งกว่าเพราะมันติดชื่อหัวหน้าลาดตระเวน แต่ถึงอย่างนั้น ออค 5 ตัวก็รับมือได้ยากไม่ว่าเขาจะคิดเช่นใด
“ชั้นมีความคิดล่ะ”
“…จริงเหรอ?”
“วางกับดักกัน เพราะพวกมันดมได้แต่กลิ่นมนุษย์เหมือนเรา มันต้องไม่รู้ตัวแน่”
ซองอูเริ่มวางแผนล่าออคแทนที่จะถูกล่า
ออคห้าตัวกำลังเข้ามาทางประตูหลักของมหาลัย พวกมันดมกลิ่นเหยื่อได้จากที่นี่
ฟุด ฟิด!
พวกมันดมเหยื่อได้เพียงสี่คน และเมื่อพวกมันมีจำนวนเหนือกว่า มีหรือที่พวกมันจะไม่ประมาท พวกมันชอบการต่อสู้อย่างดุเดือดตามนิสัยของมัน พวกมันจึงไม่สนใจการต่อสู้เล็ กๆ
มันขยับจมูกไปมาและเคลื่อนกำลังไปตามแนวรถที่จอดติดกันแน่น เมื่อทางแคบจนมองเห็นได้ยาก พวกมันจึงยกขวานขึ้น
แกร๊บ–
ออคตัวหน้าสุดรู้สึกถึงบางอย่างที่เท้า
มันคือกระดูก มันดูเหมือนกับกระดูกกอบลิน แต่มันไม่ขยับไปไหน ออคไม่รู้ว่าทำไมมันถึงอยู่ตรงนี้ แต่มันก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก
ออคเดินหน้าต่อไป กระดูกกอบลินวางอยู่บนหลังคารถด้วย แต่มันไม่สนใจเช่นกันเพราะมันสนใจเหยื่อตรงหน้ามากกว่า
“เฮ้ย พวกเราอยู่นี่! ไอ้พวกหมูหัวร้อน!”
ซองอูตะโกน
“ซองอู? นี่นายเพิ่งจะบอกตำแหน่งพวกเราใช่ไหม?”
ฮันโฮร้อนรน
“เดี๋ยวก่อน!”
ซองอูกับจีซูนั่งอยู่ในหลังรถของรถที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยมีฮันโฮนั่งอยู่ข้างหขน้า
ออคกู่ร้อง พวกมันสาวเท้ายาวเข้าหาฮันโฮ
หนึ่งในพวกมันหัวเราะราวกับมองพวกเขาขัดขืนในตรอกตันไร้ทางหนี
“เดี๋ยวก่อน…”
ซองอูกระพริบ เขาหลับตามองตำแหน่งของโครงกระดูก โครงกระดูกห้าตัวของเขาประจำตำแหน่งในช่องแคบระหว่างรถแต่ละคัน
เมื่อออคเดินผ่าน โครงกระดูกเหล่านั้นยืนขึ้น มันดูแปลกเหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกเชือกมัด
“ฮันโฮ ยั่วมันต่อไป!”
การรับรู้กลิ่นของออคนั้นยอดเยี่ยมจนพวกมันดมกลิ่นมนุษย์จากระยะไกลและไล่ตามมาได้
มันบ่งบอกว่าประสาทสัมผัสของพวกมันยอดเยี่ยม และเป็นไปได้สูงที่มันจะรับรู้การเคลื่อนไหวของโครงกระดูกที่อยู่ด้านหลังของมัน
นั่นคือสาเหตุที่ฮันโฮต้องล่อความสนใจของออคให้อยู่กับเขาทั้งหมด
ก๊อง! ก๊อง! ก๊อง!
“เฮ้ย เข้ามา! ไอพวกออคเวร…”
เขาใช้ดาบเคาะรถทั้งที่สั่นกลัว หูของออคขยับอย่างอ่อนไหวต่อเสียงเคาะรถ พวกมันเริ่มวิ่งเร็วขึ้น
พวกมันวิ่งมาที่ระหว่างรถและยกขวานขึ้นเล็งไปที่หัวของฮันโฮ พวกมันเข้าใกล้ระยะอย่างรวดเร็ว เส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้นมาเมื่อมันออกแรง
“ซองอู!”
ในตอนนั้นเอง ซองอูกับจีซูที่อยู่ข้างในรถเปิดประตูรถออกมาพร้อมกัน
มันคือเวลาสมบูรณ์แบบเพราะเหล็กได้มาขวางออคที่พุ่งเข้ามาพอดี
โครม!