ฉิงเค่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ดูท่านพูดเข้าสิ จะให้ท่านรออยู่ที่นี่ได้อย่างไร! ท่านหญิงทั้งสองยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไรเลย หากท่านไม่รังเกียจที่ตำหนักของพวกเรารกจนดูไม่เป็นตำหนัก ก็ไปนั่งที่ตำหนักของพวกเราดีกว่า!”
“จะได้อย่างไรกัน! หากไทเฮาทรงอยากพบข้า จากวังฉือหนิงไปวังคุนหนิงต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยามเชียวนะ!” คนสกุลฟางเอ่ย
ฉิงเค่อก็ไม่ฝืนใจเช่นกัน ทั้งสองคนคุยกันนานมาก ก็ยังไม่ได้เจอเจียงเซี่ยน คนสกุลฟางเริ่มรู้สึกเหนื่อย นางกลัวคนอื่นจะมองออกว่านางตั้งครรภ์ แล้วเด็กในท้องจะมีอันตรายอย่างคาดไม่ถึง จึงทักทายฉิงเค่อต่อเพียงไม่กี่คำ ก็อ้างว่าไปรอที่วังคุนหนิงจะสบายใจกว่า และพานางในสองคนไปยังวังคุนหนิง
เจียงเซี่ยนถึงเดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่
ใบหน้าของฉิงเค่อเปลี่ยนไปแล้ว นางกระซิบบอกเจียงเซี่ยนข้างหูว่า “ข้าเห็นอย่างชัดเจน ท้องจริงๆ เจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนพยักหน้าอย่างเงียบๆ และไปวังฉือหนิง
ฉิงเค่ออยากพูดแต่ก็หยุดไว้
เจียงเซี่ยนยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากถามอะไร?”
ฉิงเค่อรู้สึกว่าท่านหญิงเจียหนานเป็นคนที่เหมือนทำให้นางคาดเดาได้ยาก ก่อนที่นางจะเลื่อนขั้นมาเป็นนางในระดับสูง ถึงแม้ท่านหญิงเจียหนานที่อ่อนโยนกับคนข้างกายมากมาตลอดก็ดีกับนางเช่นกัน แต่กลับไม่เหมือนตอนนี้ที่ทำให้นางรู้สึกถึงความโปรดปรานและความไว้วางใจที่ท่านหญิงเจียหนานมีต่อนางได้อย่างชัดเจน ทว่าในความเป็นจริง นางก็ไม่ได้ทำอะไรเลย…ความโปรดปรานและความไว้วางใจนี้เหมือนต่างเกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาดจนไม่อาจอธิบายได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ท่านหญิงเจียหนานให้ความสำคัญกับนางเช่นนี้ นางก็ดีใจยิ่งนัก
ระหว่างที่พูดคุยและรับใช้นางก็ผูกพันกันจนเกินความเป็นนายบ่าวไปเล็กน้อย
“เมื่อครู่ข้ากลัวมาก” ฉิงเค่อเอ่ยตามตรง “หากแม่นมฟางตกลงไปพักผ่อนที่ตำหนักตงซานจริงจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
แม่นมฟางเป็นสตรีในวัง จู่ๆ ก็ตั้งครรภ์ ถึงแม้ท่านหญิงเจียหนานจะไม่ได้บอกนางว่าแม่นมฟางตั้งท้องลูกของใคร ทว่านางเป็นแม่นมของฮ่องเต้ ทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้ ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้จะเสียหน้า คนที่เกี่ยวข้องกับนางอย่างพวกนางก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วยเช่นกัน
“ไม่มีทางหรอก” เจียงเซี่ยนค่อยๆ เดิน พลางเอ่ยเสียงเบา “นางกลัวไทฮองไทเฮามองออก จึงไม่กล้าไปคารวะไทฮองไทเฮาอย่างแน่นอน”
ฉิงเค่อเอ่ยเสียงเบาว่า “เช่นนั้นนางไปวังคุนหนิง? หากนางรู้ว่าพวกเราหลอกนางจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
เจียงเซี่ยนยังคงเอ่ยด้วยเสียงเฉื่อยชาเช่นเดิมว่า “เจ้าคิดว่านางกล้าไปถามไทเฮาหรือ?”
ฉิงเค่อส่ายหน้า
เจียงเซี่ยนก็เอ่ยอีกว่า “เมื่อครู่เจ้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าวันนี้ไทเฮาอาจจะไม่ว่างเจอนาง”
ฉิงเค่อหัวเราะขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “ท่านหญิงยังคงเก่ง…”
“ก็ไม่ใช่ว่าข้าเก่งหรอก!” เจียงเซี่ยนสอนนาง “เวลาที่เจอเรื่องก็ต้องใช้ความคิดมากหน่อย”
ฉิงเค่อพยักหน้าอย่างรู้ความ
ทั้งสองคนกลับตำหนักตงซาน
—
ยามโหย่วสามเค่อ ไป๋ซู่กลับมาแล้ว
ไป๋ซู่เปลี่ยนเสื้อผ้าไปพลาง บ่นกับนางไปพลาง “ยังดีที่เจ้าไม่ไป พวกเขาสร้างหอบรรพบุรุษบนภูเขาวั่นโซ่วแล้ว ในหอประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิม และสีหน้าของพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นั้นก็เหมือนไทเฮาไม่มีผิด ตอนนั้นสีพระพักตร์ของฝ่าบาทก็เปลี่ยนเลย…หากไทฮองไทเฮาทรงทราบ จะเสียพระทัยแค่ไหนกัน”
มีคนชราอยู่ จัดงานวันเกิดไม่ได้
แต่เฉาไทเฮาไม่เพียงจัดงานวันเกิด ทว่ายังอนุญาตให้ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาแอบเล่นลูกไม้สร้างหอบรรพบุรุษให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างนางไปโดยปริยายด้วย
ชาติก่อนนางก็ได้ยินแล้ว
ตอนนั้นนางโกรธเป็นอย่างมาก จนต้องไปดูพระพุทธรูปองค์นั้นให้ได้
หลังจากเฉาไทเฮาตาย นางก็ให้คนละลายพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นด้วยการหลอมทองคำบริสุทธิ์ ฝังมุกและหยก แถมหนักถึงสามร้อยกว่าชั่งองค์นั้น
เวลานี้นางได้ยินเรื่องนี้ จึงไม่แปลกใจอะไรมากแล้ว
นางถามไป๋ซู่ “เฉาเซวียนไปหรือยัง? ข้าได้ยินคนพูดว่า หลายวันนี้เฉาเซวียนเตรียมงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮาอยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่วตลอด”
“เขาไปแล้ว!” ตอนที่ไป๋ซู่เอ่ยถึงเฉาเซวียนนั้น เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงมีความสุขเป็นอย่างมาก “แต่ฝ่าบาทรั้งข้าไว้ถามถึงเจ้านานมาก ข้าบอกว่าไทฮองไทเฮาให้เจ้าอยู่เล่นไพ่ในตำหนัก ฝ่าบาทก็ทรงต่อว่าเจ้า ว่าตอนนี้เจ้าไม่ยอมเล่นกับพวกเราแล้ว…ฝ่าบาทพระทัยแคบมาก หากครั้งหน้าฝ่าบาทถามขึ้นมา เจ้าก็อย่าหลุดปากไปแล้วกัน” พอเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของนางก็ชะงักไป และเอ่ยว่า “เจียหนาน ข้าได้ยินว่าครั้งนี้อ๋องเหลียวก็มาด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าวังเมื่อไรกันแน่”
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่อ๋องเหลียวมาแล้ว จ้าวเซี่ยวซื่อจื่อจิ้งไห่โหวก็มาแทนบิดาแล้วเช่นกัน เวลานี้สองคนนั้นคนหนึ่งน่าจะพักอยู่ในจวนที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ที่ตรอกสี่ใหม่ของจิ้งไห่โหว ส่วนอีกคนน่าจะตั้งค่ายพักแรมอยู่ที่ที่ห่างจากค่ายทหารภูเขาตะวันตกสิบห้าลี้ รอเฉาไทเฮาเรียกเข้าเฝ้า
วันที่สิบสามเดือนสิบ ซึ่งเป็นวันก่อนวันเกิดของเฉาไทเฮาเช่นกัน พวกเขาต่างก็จะพักที่ตำหนักหยวนหล่างใกล้ภูเขาวั่นโซ่ว
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “เฉาเซวียนยังอยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่วหรือ? วันนี้พวกเจ้าได้คุยกันหรือไม่?”
ไป๋ซู่หน้าแดงและเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “โธ่เอ๋ย ข้าพูดเรื่องจริงจังกับเจ้า ทำไมเจ้าล้อข้าเล่นประจำเลย?”
เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “นอกจากเรื่องของเจ้ากับเฉาเซวียนที่เป็นเรื่องจริงจังในใจข้าแล้ว เรื่องอื่นต่างก็ไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไรนัก”
ไป๋ซู่ยิ่งหน้าแดง
ทั้งสองคนหยอกเล่นกันครู่หนึ่ง เจียงเซี่ยนก็บอกคำพูดของเมิ่งฟางหลิงกับนาง ทั้งสองคนปรับเปลี่ยนคำเรียบร้อย หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ไปคารวะไทฮองไทเฮา
ไทฮองไทเฮารีบให้คนยกของว่างที่ทำใหม่มาให้พวกนางกิน และยิ้มพลางถามพวกนาง “ทำไมวันนี้ทำตัวเรียบร้อยขนาดนี้? นึกไม่ถึงว่าจะฝึกเขียนตัวอักษรใหญ่อยู่ในตำหนักอย่างว่าง่าย!”
ไป๋ซู่ไม่กล้าตอบ
เจียงเซี่ยนตีหน้าตาย และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่อยากไปไหนทั้งนั้นเพคะ” พอเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยว่า “เสด็จยาย หม่อมฉันอยากไปจวนเจิ้นกั๋วกงในสองวันนี้ เสด็จยายทอดพระเนตรอากาศสิเพคะ หม่อมฉันกลัวว่าถึงเวลานั้นหิมะจะตก”
ในเมื่อเรื่องในชาติก่อนตนเองไม่ได้เพ้อฝันแล้วก็ไม่ใช่ความฝันเช่นกัน เช่นนั้นเรื่องบางเรื่องก็ต้องคิดบัญชีสักหน่อยแล้ว
ไทฮองไทเฮารู้ว่าตระกูลเจียงไม่มีทางคิดที่จะรับเจียงเซี่ยนกลับจวนอย่างไร้สาเหตุ จะเห็นได้ว่าครั้งนี้ชอบสะใภ้ของบ้านไหนแล้วจริงๆ จึงอยากให้เจียงเซี่ยนไปดู แล้วก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าฝ่ายชายให้ความสำคัญกับฝ่ายหญิงด้วย
“ตอนเจ้ากลับมาก็บอกข้าหน่อยว่าคนที่หลานลวี่ถูกใจเป็นสะใภ้บ้านไหน” ไทฮองไทเฮาก็อยากรู้เช่นกัน “หน้าตาสวยมากหรือเปล่า? และเป็นคนอย่างไร?”
ชาติก่อนเจียงเซี่ยนยังมีประสบการณ์ในการเป็นแม่สื่อด้วย
นางพยักหน้าติดกันหลายครั้ง แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “เสด็จยายวางพระทัยเถอะเพคะ หม่อมฉันดูคนเก่งมาก” แล้วก็เปลี่ยนไปเอ่ยเรื่องอื่นว่า “เสด็จยาย หม่อมฉันก็ร่วมงานแบบนี้เป็นครั้งแรกเสียด้วย เสด็จยายว่าหม่อมฉันเจอแม่นางคนนั้นแล้ว ต้องให้ของขวัญอะไรสักชิ้นสำหรับการพบกันครั้งแรกหรือไม่? และหากต้องให้ของขวัญสำหรับการพบกันเป็นครั้งแรก จะมอบอะไรให้ดีเพคะ?”
ไทฮองไทเฮาเริ่มปรึกษากับเจียงเซี่ยนอย่างคึกคัก และลืมเรื่องที่เจียงเซี่ยนเขียนตัวอักษรใหญ่ไปหมดตั้งนานแล้ว แล้วก็ไม่ถามถึงอีกเลย
วันรุ่งขึ้น ไทฮองไทเฮาก็ส่งหลิวเสี่ยวหม่านไปบอกจวนเจิ้นกั๋วกงว่าอีกสามวันเจียงเซี่ยนจะกลับจวน
แต่เจียงเซี่ยนกลับแอบสั่งหลิวเสี่ยวหม่านไว้แล้วว่าลุงของนางเป็นคนถ่อมตน นางไม่นั่งรถของท่านหญิง ท่านลุงก็ไม่ต้องเปิดประตูข้างต้อนรับเช่นกัน นางไปโดยมีสัมภาระและผู้ติดตามไม่มากนัก ตระกูลเจียงก็ต้อนรับแบบเรียบง่ายก็พอแล้ว
หลิวเสี่ยวหม่านได้ยินแล้วก็ยิ้มตลอด
ถึงวันนัดหมาย ฮูหยินเจิ้นกั๋วกงมารับเจียงเซี่ยนถึงในวังกลับจวนด้วยตนเอง
ไทฮองไทเฮายังไม่อยากให้นางไป จึงรั้งเจียงเซี่ยนไว้และกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าสิบกว่ารอบก็ยังไม่วางใจ อยากจะตามไปจวนเจิ้นกั๋วกงเองด้วย
เจียงเซี่ยนออกจากวังมาอย่างยากลำบาก ตอนที่ถึงจวนเจิ้นกั๋วกงก็เป็นยามซื่อสามเค่อแล้ว
———————————–