ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง!
คิดไม่ถึงว่าหานถงซินก็ชอบเฉาเซวียนเหมือนกัน
เจียงเซี่ยนล่วงรู้ความลับของเด็กสาวทั้งสองในชั่วพริบตา
นางเม้มปากยิ้ม
ชาติก่อน ก่อนที่นางจะแต่งงาน นางไม่เคยมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้เพียงคนเดียวเลย จึงยิ่งไม่มีทางที่จะสนใจคนอื่นนอกจากไป๋ซู่และจ้าวอี้ เพราะนางคิดว่าราชสำนักนี้นอกจากไป๋ซู่และจ้าวอี้แล้ว ทุกคนล้วนเคยได้รับความกรุณาจากเฉาไทเฮา จิตใจของพวกเขาทุกคนต่างเอนเอียงไปทางเฉาไทเฮา เจียงเซี่ยนจึงไม่คิดจะสนิทกับพวกนาง พอนางเป็นฮองเฮา ปีแรกก็กังวลกับอาการป่วยของไทฮองไทเฮา ปีให้หลังก็โกรธคนสกุลฟาง แล้วก็เป็นไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทนอีก โอกาสที่จะติดต่อกับสตรีบรรดาศักดิ์ข้างในและข้างนอกเหล่านี้จึงยิ่งน้อย
ความรักของเด็กสาวแบบนี้ทำให้เจียงเซี่ยนรู้สึกสนใจมาก
นางยิ้มพลางมองเฉาเซวียนที่เดินเข้ามาอย่างหล่อเหลา และทักทายสตรีแต่ละคนอย่างนุ่มนวลและอ้อมค้อม ทันใดนั้นความคิดมากมายก็ผุดขึ้นมา
เฉาเซวียนรู้ว่าจะจ้าวอี้ยึดอำนาจไทเฮาหรือยัง?
หากเขารู้ว่าเฉาไทเฮาถูกพวกลุงของนางใช้กำลังบังคับให้ยอมทำตามแล้ว เขายังจะรักษาความสุขอันผิวเผินนี้ไว้ได้หรือไม่?
ชาติก่อนพอเฉาไทเฮาตายไป เขาก็จำเป็นต้องพึ่งพาตนเอง ดังนั้นจึงเติบโตขึ้นมาก
ชาตินี้ลุงของนางจะคิดหาทางรักษาชีวิตของเฉาไทเฮาไว้บีบบังคับให้จ้าวอี้ยอมทำตาม เขาจะทำอย่างไร? จะกลายเป็นคนแบบไหนกัน?
เจียงเซี่ยนเหลือบตาลง ขนตายาวทิ้งเงามืดไว้บนเปลือกตา
เฉาเซวียนมาคารวะนาง
นางคารวะตอบอย่างเฉยชา วางตัวเงียบขรึมเหมือนท่านหญิงเจียหนานเมื่อก่อน
เฉาเซวียนไม่ได้ใส่ใจ
แต่คุณหนูใหญ่ไช่กับหานถงซินกลับมองนางอย่างอิจฉาริษยา
เจียงเซี่ยนลอบถอนหายใจ
พวกหานถงซินนี่ ต่อไปก็ติดต่อกันน้อยๆ เหมือนเมื่อก่อนดีกว่ากระมัง?
นางไม่ถนัดรับมือกับการโต้ตอบกันไปมาระหว่างผู้หญิงแบบนี้
เฉาเซวียนคุยกับท่านหญิงตงหยาง คุณหนูใหญ่ไช่กับหานถงซินล้อมอยู่ข้างกายท่านหญิงตงหยาง หานถงซินยังกอดแขนของมารดา และคุยกับเฉาเซวียนด้วยเสียงที่ทำให้คนรู้สึกทั้งหวานและเลี่ยน
เจียงเซี่ยนเบ้ปาก
มีฮูหยินอาวุโสมาคุยกับนาง
นางตอบอย่างเกรงใจและห่างเหิน
ไม่นาน ไปๆ มาๆ ที่นางกลายเป็นคึกคักกว่าท่านหญิงตงหยางเสียอีก
บางคนเจียงเซี่ยนยังจำชื่อกับฉายาได้ แต่จำหน้าไม่ได้ บางคนยังจำหน้าได้ ทว่ากลับจำชื่อไม่ได้ แต่สำหรับนางคนส่วนใหญ่ล้วนแปลกหน้ามาก นางจำชื่อได้ไม่หมด แล้วก็จำหน้าได้ไม่หมดเช่นกัน ดังนั้นนางถึงพบว่าไม่เพียงแต่มารดาของหวังจ้านและป้าสะใภ้ใหญ่ของนางที่ไม่มา เจี่ยนหวางเฟย[1]กับบรรดาลูกสะใภ้ของนางก็ไม่มาเช่นกัน
เจียงเซี่ยนจึงยิ่งรู้สึกเบื่อแล้ว
ยังดีที่ทักทายกันไม่นาน เสียงฟาดแส้ก็ดังขึ้นข้างนอก
ฮ่องเต้คงจะออกมาแล้ว
พวกผู้หญิงต่างพากันไปที่ตำหนักไผอวิ๋นที่อยู่ข้างหลัง
มีแต่เฉาเซวียนกับเจียงเซี่ยนที่อยู่ที่อุโบสถ
เฉาเซวียนมองเจียงเซี่ยน สีหน้าฉายแววแปลกใจ
เจียงเซี่ยนถึงรู้ตัวว่าตนเองยืนผิดที่…เวลานี้นางยังเป็นสตรีธรรมดา ควรจะตามพวกท่านหญิงตงหยางไปรอที่ตำหนักไผอวิ๋น และยกอุโบสถให้กับเชื้อพระวงศ์และขุนนางทั้งราชสำนัก
ทว่าแบบนี้ นางก็จะไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่อุโบสถน่ะสิ
นางคิดแล้วก็ถอยออกไป แต่นางไม่ได้เดินไปไกล ทว่ายืนอยู่บนขั้นบันไดตรงประตูหลังตำหนัก
ไม่นาน เสียงฟาดแส้ก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง
มีขันทีเข้ามาจัดการสถานที่ แล้วก็มีชนชั้นสูงที่มีบรรดาศักดิ์กับขุนนางระดับสูงบางส่วนเริ่มเข้ามาเตรียมอวยพรวันเกิดเฉาไทเฮาเช่นกัน
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็ไปตำหนักไผอวิ๋นดีกว่า
นางอยู่ที่นี่ หากเจอขุนนางคนไหนเข้าก็คงไม่ใช่เรื่องดีนัก
—
เข้าไปในตำหนักไผอวิ๋น เจี่ยนหวางเฟยไม่อยู่ ตามลำดับศักดิ์ ท่านหญิงตงหยางกับท่านหญิงอู่หยางก็นั่งตำแหน่งประมุข
ท่านหญิงตงหยางกำลังจะหาเจียงเซี่ยน
พอเจอเจียงเซี่ยนก็รีบยิ้มพลางเรียกนางมา “เจ้าก็นั่งกับพวกเราเถอะ?”
เจียงเซี่ยนเป็นท่านหญิงเหมือนกับพวกนาง ทว่าอย่างแรกนางยังไม่แต่งงาน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานก็ฐานะสูงกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมาตลอด อย่างที่สองความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิดกับจ้าวอี้มากกว่า แม้จะสกุลเจียง แต่หากไม่มีลำดับศักดิ์กดทับอยู่ คนที่ควรจะนั่งตำแหน่งประมุขในวันนี้ก็คือนาง เจียงเซี่ยนเติบโตในวังตั้งแต่เด็ก ใครควรนั่งตรงไหน ใครควรยืนตรงไหน สลักอยู่ในกระดูกแล้ว ดังนั้นกวาดตาผ่านครั้งเดียวก็รู้แล้ว
ของที่นางสมควรได้ทำไมจะต้องผลักออกไปด้วย
ต่อให้นางผลักออกไปแล้ว คนอื่นก็อาจจะไม่รับน้ำใจของนางเช่นกัน และจะคิดแค่ว่านางโง่
เจียงเซี่ยนเข้าใจหลักการนี้มานานมากแล้ว
นางจึงนั่งลงอย่างดีใจ
เสียงฟาดแส้ดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม
มีนางในเข้ามากระซิบกับท่านหญิงตงหยาง กำชับนางว่าอีกเดี๋ยวจะพาพวกผู้หญิงทุกคนไปอวยพรวันเกิดเฉาไทเฮา
ท่านหญิงตงหยางคุ้นแคยกับพิธี ทว่าสนมในวังก็ไม่ได้จัดงานวันเกิดแบบนี้มาหลายสิบปีแล้วเช่นกัน แถมยังเป็นครั้งแรกที่ไทเฮาสำเร็จราชการแทน กรมพิธีการตั้งใจวางลำดับเพื่องานวันเกิดนี้โดยเฉพาะ ท่านหญิงตงหยางก็กลัวจะเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน จึงตั้งฟังใจ
ไม่นาน เสียงฟาดแส้ก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สี่
เจียงเซี่ยนมองของตกแต่งในตำหนักไผอวิ๋นอย่างสบายๆ
หานถงซินตามมากระซิบกับนาง “เป่าหนิง เดี๋ยวอวยพรไทเฮาแล้ว ข้ากับพี่ไช่คุยกันว่าจะไปดูกายกรรมที่ตำหนักเที่ยวหย่วน เจ้าไปหรือไม่?”
เจียงเซี่ยนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ อวยพรวันเกิดเสร็จ เรื่องของเฉาไทเฮาก็ชัดเจนแล้ว นางก็ควรกลับวังแล้วเช่นกัน
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ!” เจียงเซี่ยนตอบนางอย่างขอไปที “หากอวยพรวันเกิดเสร็จแล้ว ไทเฮาไม่รั้งข้าไว้ ข้าก็ไปกับพวกเจ้า”
“ไปเถอะ ไปเถอะ” ความจริงแล้วหานถงซินไม่ได้สนิทกับเจียงเซี่ยนมากนัก เจียงเซี่ยนเล่นแต่กับไป๋ซู่ ทว่าวันนี้ไป๋ซู่ไม่อยู่ เทียบกันแล้วเวลานี้หานถงซินก็กลายเป็นคนที่สนิทกับเจียงเซี่ยนที่สุดแล้ว นางคอยยุเจียงเซี่ยน “พวกเราก็ไป…”
เจียงเซี่ยนพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าคำพูดที่เอ่ยออกมานั้นกลับไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว “ไว้อวยพรวันเกิดแล้วค่อยว่ากัน”
หานถงซินได้ยินก็ไม่ค่อยพอใจขึ้นมา
นางอยู่บ้านก็เป็นแก้วตาดวงใจเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีตาแบบอ๋องเจี่ยน แม้แต่เฉาไทเฮาก็ทำลายกฎและแต่งตั้งให้นางเป็นท่านหญิง
“เดี๋ยวพวกท่านแม่จะไปดูงิ้วที่ตำหนักอี๋เล่อ ถ้าเจ้าไม่ไปกับพวกเรา ข้าจะต้องถูกท่านแม่จับไปตำหนักอี๋เล่อเป็นเพื่อนพวกนางอย่างแน่นอน” หานถงซินเอ่ย “พี่ไช่บอกว่า พวกพี่ชายของนางก็จะไปดูกายกรรมที่ตำหนักเที่ยวหย่วน พวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ!”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็ยิ้มเยาะในใจ และเอ่ยว่า “เฉิงเอินกงไปหรือไม่? เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเกลียดเขาที่สุด? หากเขาไป ข้าก็ไม่ไป!”
ใบหน้าของหานถงซินเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดทันที
เจียงเซี่ยนก้มหน้าดื่มชา พลางนึกถึงเฉาเซวียน
อวยพรวันเกิดเสร็จ ก็เกรงว่าเขาคงจะไม่ว่างไปดูกายกรรมแล้วเช่นกัน
เฉาไทเฮาจะต้องสั่งหลานชายเพียงคนเดียวของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างแน่นอน
หานถงซินจากไปอย่างโมโห นางลากคุณหนูใหญ่ไช่ไปพลางชี้มาที่เจียงเซี่ยนและแอบซุบซิบข้างเสาของตำหนักข้าง
คุณหนูใหญ่ไช่มองเจียงเซี่ยนอย่างตกใจ แล้วนัยน์ตาก็ฉายแววเคารพนับถือ พลางเอ่ยกับหานถงซินเสียงเบาว่า “ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าแบบนี้ไม่ดี เจ้าก็จะล่อลวงให้นางทำผิดไปด้วยให้ได้ ก็ไม่แปลกที่นางจะโกรธเช่นกัน ข้าว่าพวกเราคิดหาทางอื่นดีกว่า!”
“แต่ว่าถ้านางไม่ไป ท่านแม่ต้องให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนนางและไม่ให้ข้าไปแน่” หานถงซินเอ่ยพลางทำปากจู๋ “ข้าไม่ชอบเข้าวังที่สุดเลย ทุกครั้งที่เข้าวังก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนนาง หากนางนิสัยดีก็แล้วไป แต่เจ้าดูนางสิ ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ใครทำให้นางไม่พอใจ นางก็พูดจาให้คนอื่นเจ็บใจได้ ถึงจะอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ ก็ไม่นุ่มนวลแม้แต่นิดเดียว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฝ่าบาทถึงชอบเล่นกับนางขนาดนั้น? ทำทุกอย่างตามที่นางบอกทุกครั้ง พวกเราก็ต้องคอยเกาะติดนางตลอด แต่นางก็ดันเข้ากับเฉิงเอินกงไม่ได้ ทุกครั้งที่เฉิงเอินกงเห็นนางอยู่ก็ทำได้เพียงทักทายและจากไป เพราะแบบนี้ เฉิงเอินกงถึงไม่มีโอกาสปรากฏตัวต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทเลย…”
———————————–
[1] หวางเฟย ตำแหน่งพระชายาเอกในอ๋อง ซึ่งตำแหน่งนี้อ๋องสามารถแต่งตั้งได้คนเดียว
Related