ตอนที่ 1 5 ทุกอาชญากรรมเริ่มต้นจากความโลภ
ฉีเล่ยลากกวนไห่ผิงวิ่งกลับไปยังหมู่บ้านเฟิงจื่อการ์เดน และตรงไปยังห้องควบคุมกล้องวงจรปิดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านทันที
ระหว่างทาง ฉีเล่ยก็ครุ่นคิด และวิเคราะห์เรื่องนี้ไปด้วย ..
ครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร ฉะนั้นแล้ว คนลักพาตัวต้องไม่ได้ประสงค์เงินทองแน่ๆ แต่น่าจะต้องการสิ่งอื่น
และในเมื่อไม่ต้องการเงิน เหตุผลที่ฉีเล่ยคิดได้ในเวลานี้ก็คือ น่าจะทำไปเพราะมีความแค้นเป็นแรงขับเคลื่อน แต่ว่า .. เฉินอวี้หลัวไปมีเรื่องกับใครกัน ?
‘เอ๊ะ ?! หรือจะเป็นไอ้ลุงชั่วช้าของเธอ ? ’
‘หรือป้าสะใภ้ที่ไม่ค่อยฉลาดกันแน่ ? ’
‘ยังมีไอ้ลูกพี่ลูกน้องตัวแสบนั่นอีกคน ? ’
‘ไม่สิ ! ไม่น่าจะเป็นไปได้ .. ’
ต่อให้พวกเขาจะโกรธเคืองกัน หรือมีเรื่องกระทบกระทั่งกันแค่ไหน สายสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังคงเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าครอบครัวผู้เป็นลุงจะอิจฉา และอยากจะได้บ้านหลังนี้ไปครอบครอง จนต้องใช้วิธีก่อกวนถึงขั้นพังบ้านแบบนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ยังนับเป็นญาติที่ใกล้ชิดกัน
แม้ว่าลุงของเฉินอวี้หลัวจะทำงานให้กับเฉินเทียนกรุ๊ปก็ตาม แต่เมื่อครั้งที่พวกเขามาสร้างปัญหานั้น อาวุโสหวู่ก็ได้เตือนพวกเขาทุกคนไม่ให้มายุ่งเกี่ยวอีก ต่อให้คนพวกนั้นไม่นับเฉินอวี้หลัวเป็นญาติ ก็ไม่น่าจะกล้าขัดคำสั่ง หรือทำอะไรที่เป็นการไม่ไว้หน้าอาวุโสหวู่แน่
‘แล้วเป็นฝีมือใครกันนะ ? ’
‘น อกเหนือจากครอบครัวของลุงเฉินอวี้หลัวแล้ว อวี้หลัวไปมีเรื่องกับใครอีกนะ ?’
ในระหว่างที่ฉีเล่ยกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น แต่แล้วจู่ๆเขาก็ถึงกับหยุดชะงักไป นั่นเพราะภาพของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขาอย่างกะทันหัน
‘หลิวไห่หยาง !’
‘หมอที่โรงพยาบาล !’
‘ใช่แล้ว ! ต้องเป็นเขาแน่ๆ เขาน่าสงสัยที่สุด !’
ความจริงแล้ว อาชีพการงานและอนาคตของหลิวไห่หยางนั้นค่อนข้างสดใส แต่เป็นเพราะเฉินอวี้หลัวกับเขา ทำให้อนาคตอันสดใสของหลิวไห่หยางต้องพังทลายลง
‘ใช่แล้ว ! นี่น่าจะเป็นการลักพาตัวเพราะความแค้นที่มีเหตุมีผลที่สุดแล้ว !’
หลังจากที่คิดได้เช่นนี้ ฉีเล่ยก็ถึงกับใจสั่นขึ้นมาทันที ..
หากหลิวไห่หยางลักพาตัวเฉินอวี้หลัวเพื่อต้องการเรียกค่าไถ่ เขาก็ยินดีที่จะจ่าย แต่ถ้าหลิวไห่หยางเรียกร้องเงินจำนวนมากเกินกว่าที่เขาจะสามารถจ่ายได้ล่ะ ? แล้วถ้าหลิวไห่หยางเป็นฝ่ายติดต่อไปหาซูชางฉินโดยตรงล่ะ ?
แต่หากหลิวไห่หยางลักพาตัวเฉินอวี้หลัวไปเพราะความแค้นแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายก็อาจจะคลุ้มคลั่งถึงขั้นทำเรื่องที่เขานึกไม่ถึงก็เป็นได้ ..
และเมื่อไปถึงห้องทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้าน ฉีเล่ยก็ตรงเข้าไปร้องตะโกนเสียงดังอยู่ที่หน้าประตู
“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ..”
เวลานั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง กำลังนั่งดื่มชาอยู่ภายในห้อง หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนเรียก ก็ได้หันไปมองฉีเล่ยหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะถามออกไปว่า
“คุณเป็นใคร ? แล้วนี่มาหาใครไม่ทราบ ?”
ฉีเล่ยไม่รีรอ เขาตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นทันที พร้อมกับจ้องหน้า และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“ฟังนะ ! ภรรยาของฉันถูกคนลักพาตัวไป ทุกวินาทีหมายถึงความเป็นความตายของเธอ แล้วถ้าภรรยาของฉันเป็นอะไรไป ฉันจะฝังร่างแกลงไปในหลุมพร้อมกับเธอด้วย !”
น้ำเสียงของฉีเล่ยนั้นทั้งดุดัน แล้วก็เย็นชาจนน่าขนลุก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นถึงกับเหงื่อแต่พลั่กเปียกชุ่มไปทั้งตัว
จากนั้นฉีเล่ยจึงร้องตะโกนสั่งว่า “พาฉันไปดูกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าหมู่บ้านเดี๋ยวนี้ !”
ด้วยสีหน้าท่าทางดุดัน และเอาจริงของฉีเล่ย ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว และรีบพาฉีเล่ยไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดทันที จากนั้นจึงได้เปิดภาพที่บันทึกไว้ตั้งแต่เวลา 8.30 ถึง 9.00 นาฬิกาให้ฉีเล่ยดู
จากภาพของกล้องวงจรปิดนั้น เฉินอวี้หลัวได้เดินออกจากประตูหมู่บ้านไปเวลาในเวลา 8.40 นาฬิกา และได้ไปยืนรอรถประจำทางอยู่ที่ป้ายตรง หน้า หมู่บ้าน แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งพุ่งมาจอดตรงหน้าเฉินอวี้หลัว จากนั้นชายสองคนก็วิ่งลงมาจากรถ แล้วฉุดกระชากลากหญิงสาวเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขับหนีออกไปในที่สุด
แต่น่าเสียดายที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับเลขทะเบียนของรถมินิแวนคันนั้นไว้ได้ แล้วก็ไม่เห็นหน้าของผู้ชายสองคนที่ลงมาลากเฉินอวี้หลัวเข้าไปในรถอีกด้วย
แต่ก่อนที่จะถูกลากเข้าไปในรถมินิแวน สีหน้าของเฉินอวี้หลัวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และเมื่อฉีเล่ยได้เห็นใบหน้าของภรรยา เขาก็ยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้น
‘คุณคงจะตกใจ แล้วก็หวาดกลัวมากสินะอวี้หลัว ? ’
‘ตอนนั้น คุณคงอยากให้ผมอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ช่วยคุณไว้สินะ ? ’
“ไอ้ชาติชั่ว ! ”
ฉีเล่ยสบถออกมาเสียงดัง พร้อมกับยกเท้าขึ้นถีบประตูด้วยความโมโห ก่อนจะหันไปชี้หน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดิม พร้อมกับตวาดถามด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“แล้วตอนนั้นพวกแกทำอะไรอยู่ ? คนทั้งคนถูกลักพาตัวไป ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านแบบนั้น พวก แกตาบอดหรือยังไงถึงได้มองไม่เห็น ? ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงกับคอตก และได้อธิบายให้ฉีเล่ยฟังว่า ช่วงนั้นเพื่อนร่วมงานของเขาที่อยู่เวรยาม ได้ออกไปซื้ออาหารเช้าพอดี จึงไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์ลักพาตัวนี้เข้า ..
‘ใครจะไปคิดว่าช่วงเวลาแค่ประเดี๋ยวเดียว จะเกิดเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ ?’ เจ้าหน้าที่รักษาความปล่อยภัยได้แต่แอบบ่นอยู่ในใจ
หลังจากที่ได้ระบายอารมณ์โกรธออกไปพอควรแล้ว ฉีเล่ยจึงได้สติและรู้ว่า ถึงจะกร่นด่าออกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขาจึงได้แต่ต้องระงับความโกรธภายในใจลง และเริ่มคิดหาทางแก้ไขต่อไป
กวนไห่ผิงที่ยืนนิ่งเงียบมานาน ในที่สุดก็รีบแนะนำฉีเล่ยว่า “ท่านหมอ รีบโทรแจ้งตำรวจจะดีกว่าครับ !”
“ไม่ได้ !”
ฉีเล่ยคัดค้านขึ้นทันที พร้อมกับอธิบายไปว่า “ตอนนี้เบาะแสเพียงชิ้นเดียวที่มีอยู่คือกล้องวงจรปิด ซึ่งก็ไม่ได้บอกร่องรอยของผู้ร้ายมากนัก ขั้นตอนการทำงานของตำรวจค่อนข้างวุ่นวาย แล้วก็ล่าช้ามาก ผมเกรงว่าจะไม่ทันการ นาทีนี้ผมจำเป็นต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลา .. ”
กวนไห่ผิงเองก็เห็นด้วยว่า ขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นล่าช้าจริงๆ หลังจากรับเรื่องแล้ว ก็ต้องสอบสวนหาข้อมูล สืบหาพยานที่รู้เห็น กว่าจะถึงขั้นตอนการส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบหา ก็คงต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน
ในขณะที่เหยื่อซึ่งถูกลักพาตัวไปนั้น อยู่ในช่วงเวลาที่อันตรายอย่างมาก เพราะสามารถถูกฆ่าตายได้ทุกวินาที ..
กวนไห่ผิงจ้องมองฉีเล่ยด้วยสีหน้าท่าทางมั่นอกมั่นใจ เขาเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวชายหนุ่มผู้นี้มาก และเขาเชื่อว่า ตราบใดที่ชายหนุ่มคนนี้เอาจริง เขาจะทำงานได้ว่องไวยิ่งกว่าตำรวจเสียอีก
ไม่มีเหตุผลสำหรับความรู้สึกเชื่อมั่นศรัทธาในตัวฉีเล่ย เพราะมันได้ฝังแน่นอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจกวนไห่ผิงไปแล้ว !
ฉีเล่ยเดินวนกลับไปกลับมาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด เขาก็คิดออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ..
ในเมื่อหลิวไห่หยางเคยทำงานที่โรงพยาบาลประจำเมืองมาก่อน ทางโรงพยาบาลย่อมต้องมีประวัติของเขาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือว่าข้อมูลอื่นๆ แต่ดูเหมือนข้อมูลเหล่านี้ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรในเวลานี้ เพราะในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจที่จะลักพาตัวเฉินอวี้หลัว เขาย่อมไม่พาไปที่บ้านของตนเองแน่
จากพฤติกรรมของคนที่เคยก่ออาชญากรรมต่างๆนั้น พวกเขาจะไม่อยู่ในจุดที่ตัวเองเคยอยู่ อีกทั้งยังจะใช้ป้ายทะเบียนรถปลอมด้วย หลังจากหนีออกจากเมืองได้ ก็ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร
แต่ก็ใช่ว่า ข้อมูลต่างๆจะไม่เป็นประโยชน์เลยเสียทีเดียว อย่างน้อย ตำรวจก็จะสามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้น ในการตามสืบหาร่องรอยคนร้ายต่อไป ..
แต่ปัญหาคือ .. ฉีเล่ยไม่มีเวลามากขนาดนั้น !
เขาต้องการวิธีที่ได้ผลเร็วที่สุด ไม่ใช่การงมเข็มในมหาสมุทรแบบนี้ !
แล้วเขาควรทำอย่างไรดี ?
ในระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้น เท้าที่ก้าวเดินของฉีเล่ยก็ค่อยๆ ช้าลงไปเรื่อย ก่อนจะหยุดนิ่ง และหันไปจับไหล่กวนไห่ผิง พร้อมกับร้องตะโกนออกมาว่า
“ใช่แล้ว ! ความโลภ ! ทุกอาชญากรรมล้วนเริ่มต้นขึ้นเพราะความโลภของมนุษย์ แม้จะทำไปเพราะแค้นก็เช่นกัน !”
ฉีเล่ยปล่อยมือออกจากไหล่ของกวนไห่ผิง ซึ่งมีสีหน้างุนงงไม่เข้าใจ พร้อมกับพึมพำเบาๆ
“ใช่แล้ว ! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอวี้หลัวเลยสักนิด ! คนที่หลิวไห่หยางแค้นคือฉันต่างหากล่ะ ! มันถึงได้มาลักพาตัวอวี้หลัวไป เพราะนอกจากจะได้แก้แค้นฉันแล้ว มันยังจะได้เงินไปใช้อีกด้วย .. นี่เป็นการยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกถึงสองตัว !”
จากนั้น ฉีเล่ยก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาถือไว้ เขาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์แน่นิ่ง พร้อมกับพึมพำเสียงเบา
“ฉันจะรอให้แกโทรมา ..”
ฉีเล่ยยังคงนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือ อยู่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด จนกระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
ฉีเล่ยเหลือบมองกวนไห่ผิง ก่อนจะเอื้อมมือไปกดรับสาย ..
ดูเหมือนคนที่โทรมานั้นจะระมัดระวังตัวอย่างมาก มีการซ่อนหมายเลขของตนเองด้วยวิธีการบางอย่าง และน้ำเสียงที่พูดนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะผ่านเครื่องปรับเสียงอีกที
“นั่นฉีเล่ยใช่มั๊ย ? ”
“ใช่ ! ”
“ภรรยาของแกอยู่ในเงื้อมือของฉันแล้ว !”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ให้เธอมาพูดสายกับฉัน !”
“…”
โจรลักพาตัวถึงกับนิ่งอึ้งไป ที่เห็นฉีเล่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สงบเยือกเย็น ไม่มีอาการตกอกตกใจแสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย จนคนที่โทรมาอดที่จะคิดไม่ได้ว่า
‘ครอบครัวนี้มันยังไงกันแน่นะ ?’
‘ภรรยาถูกลักพาตัวไปทั้งคน ทำไมถึงดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด !’
แต่ไม่นานนัก เสียงของเฉินอวี้หลัวก็ดังขึ้นจากปลายสาย “ฉีเล่ย ! อย่ามานะ ! พวกมันต้องการฆ่านาย ! อย่าเข้าใกล้ตัวฉันเด็ดขาดจำไว้ ..”
เสียงร้องตะโกนของเฉินอวี้หลัวค่อยๆเบาลง และดูเหมือนจะห่างจากโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่า เธอได้ถูกพาตัวออกไปแล้ว
“แกคงได้ยินเสียงภรรยาของแกแล้วสินะฉีเล่ย ? แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ภรรยาของแกยังคงปลอดภัยดี แต่ฉันก็ไม่รับปากหรอกนะว่า หลังจากนี้เธอจะมีสภาพยังไง ถ้าแกไม่ทำตามที่ฉันสั่ง ! ไม่แน่ว่า .. ฉันอาจจะจับเธอถลกหนัง แล้วก็ควักลูกตาทั้งสองข้างออกมาก็ได้ เพราะฉะนั้น จงทำตามคำสั่งของฉันอย่างไม่มีเงื่อนไข ถ้าแกไม่อยากเห็นภรรยามีสภาพที่น่าเวทนาแบบนั้น ..”
เวลานี้ ฉีเล่ยถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากต้องพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ให้อยู่ในสภาพที่สงบนิ่ง และมีสติมากที่สุด !
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาว่า แกต้องการเงินเท่าไหร่ ? และต้องการให้ฉันนำเงินไปให้ที่ไหน ?”
โจรลักพาตัวถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าๆๆ นับว่าแกเป็นคนเฉลียวฉลาด แล้วก็มีเหตุมีผลมากทีเดียว !”
“แต่ฉันจะยังไม่บอกรายละเอียดกับแกตอนนี้ แล้วฉันก็ขอเตือนแกไว้ก่อนว่า อย่าบอกเรื่องนี้กับตำรวจเด็ดขาด เพราะถ้าตำรวจรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ รับรองได้ว่า ภรรยาของแกจะเหลือแค่ร่างไร้วิญญาณแน่ !”
ตู๊ดๆๆ
หลังจากพูดจบ โจรเรียกค่าไถ่ก็กดตัดสายทิ้งไปทันที !