ตอนที่ 1680 เสี่ยวไป๋ตื่นแล้ว (6)
ผู้อาวุโสชุดน้ำเงินทำสีหน้าดูไม่ได้มากๆ และส่งเสียงขึ้นจมูก “บุรุษข้างนอกนั่นมีอะไรดี ข้าไม่มีทางยอมให้บุรุษหน้าเหม็นที่ไหนมาทำให้ความบริสุทธิ์ของศิษย์ของข้าแปดเปื้อน! ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคนที่เจ้าพูดถึงมีความสามารถแบบนั้นจริง ก็เชิญเขาเข้ามาทำลายเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้เลย! แต่ว่าข้าเกรงว่าเขาจะไม่มีความสามารถมากพอ…”
เสี่ยวโม่ยิ้มเยาะและไม่สนใจจะทะเลาะกับคนพวกนี้ต่อและสายตาของเขาก็หันไปหาคนสองคนที่อยู่ตรงข้ามกับการต่อสู้
กองทัพโครงกระดูกเป็นอมตะและไม่มีทางแพ้ในขณะที่สัตว์วิญญาณอสูรก็ดุร้ายมากๆ ไม่นานศิษย์ของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
“ไม่ได้การแล้ว!” ดวงตาผู้อาวุโสชุดน้ำเงินมืดครึ้มประกายคมพาดผ่านดวงตา ร่างของนางเปลี่ยนเป็นลำแสงคมแล้วพุ่งเข้าไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงเหมือนกระบี่คม
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสชุดน้ำเงินกำลังจะมาถึงตัวนาง อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยื่นมือออกไปเพื่อรอรับการโจมตี
แต่ว่า…จู่ๆ กลิ่นอายทรงพลังก็พุ่งออกจากร่างของอวิ๋นลั่วเฟิง อาจจะเป็นเพราะอิทธิพลจากกลิ่นอายนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสชุดน้ำเงินที่พุ่งเข้ามาแม้แต่อวิ๋นลั่วเฟิงก็ตัวแข็งจนขยับไปไหนไม่ได้
จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงเล็กๆ ของเด็กค่อยๆ ดังขึ้น “ใครกันที่กล้าแตะต้องท่านแม่ของข้า”
บนท้องฟ้าก็ค่อยๆ ปรากฏร่างเยาว์วัยร่างหนึ่ง เด็กหนุ่มสวมชุดคลุมผ้าไหมปักดิ้นทองที่ไม่เหมาะกับตัวเขาเพราะมีความยาวถึงแค่เข่าของเขาเท่านั้น แขนขาของเขาบอบบางและเรียบเนียนแต่ถึงเขาจะยังเด็กมากแต่เขาก็มีกลิ่นอายของราชันย์เหนือคนใต้หล้าจนทำให้เขาดูน่าเกรงขามอย่างมาก
สายตาของผู้อาวุโสชุดน้ำเงินเป็นประกายหวาดระแวง ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะยังดูอ่อนเยาว์มากแต่เขากลับมีกลิ่นอายกดดันที่ทรงพลังมากจนเหมือนว่า…เขาเป็นปีศาจที่น่ากลัวที่สุด
ที่สำคัญเขายังมีเถาวัลย์สีเขียวลอยอยู่รอบๆ ตัวและโอบล้อมเด็กหนุ่มเอาไว้ เถาวัลย์เหล่านี้ก็สะบัดไปตามสายลมทำให้ดูชัดเจนและสมจริงมาก
“เสี่ยวซู่?” อวิ๋นลั่วเฟิงรู้ว่าอีกไม่นานเสี่ยวซู่ก็จะตื่นแล้วแต่นางไม่คิดว่าเขาจะได้สติเร็วขนาดนี้
เมื่อสองสามเดือนก่อนเสี่ยวซู่ยังมีรูปลักษณ์เป็นเด็กอายุห้าหกปีอยู่เลยแต่ผ่านเพียงสองสามเดือนเขาก็โตขึ้นเป็นเด็กอายุแปดเก้าขวบแล้วทันทีที่ตื่นขึ้น ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาเสี่ยวซู่จะเก็บเกี่ยวไปได้มากพอสมควร
“เขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง” ฉินเสวี่ยหัวเราะเยาะ “พวกเจ้าทั้งหมด โจมตีแล้วสังหารเด็กน้อยคนนั้นก่อนเลย”
เมื่อได้ยินคำสั่งของฉินเสวี่ย หัวใจของซูจวิ้นก็เต้นเร็วขึ้น ตอนที่อยู่ที่สำนักเซวียนชิงเขาได้เห็นมาด้วยตาตัวเองว่าเสี่ยวซู่แข็งแกร่งขนาดไหน เป็นเด็กตัวเล็กๆ คนนี้นี่แหละที่สังหารน้องของฉินเสวี่ย ฉินเย่ว์ในพริบตาเดียว
แต่ว่าตอนนั้นเสี่ยวซู่อายุแค่ห้าหกปีแล้วเขาจะโตขึ้นมากขนาดนี้ในเวลาแค่สองสามเดือนได้อย่างไร
“เจ้าค่ะ ท่านฉินเสวี่ย”
เมื่อได้ยินคำสั่งของนาง ศิษย์สองสามคนของพุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็วจนแม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสามก็หยุดพวกนางไม่ทัน
“เดี๋ยวก่อน!” สีหน้าของผู้อาวุโสชุดน้ำเงินเปลี่ยนไปทันทีและต้องการที่จะหยุดพวกนางแต่ว่านางช้าเกินไป ศิษย์ของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่หุนหันพวกนั้นไปถึงตัวเสี่ยวซู่แล้ว
“เจ้าต้องการจะสังหารข้างั้นหรือ” เสี่ยวซู่มองศิษย์ทั้งหลายที่พุ่งเข้ามาอย่างเกียจคร้านและใบหน้าอ่อนเยาว์และน่าเอ็นดูของเขาก็ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
หวืด!
เถาวัลย์รอบๆ ก็ตอบสนองทันที พวกมันทำตัวคล้ายอาวุธสังหารที่แหลมคมที่สุดในโลกแล้วทันทีที่พวกนางเข้ามา เถาวัลย์ก็เปลี่ยนเป็นอาวุธคมแล้วแทงทะลุหน้าอกของพวกนางทันที
สีหน้าของฉินเสวี่ยซีดเผือดในขณะที่ริมมีปากของนางสั่นและฝีเท้าของนางก็ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ
…………………………………..
ตอนที่ 1681 เสี่ยวไป๋ตื่นแล้ว (7)
“ศิษย์ทั้งหมดของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกจัดเป็นยอดฝีมือ! เด็กตัวแค่นี้แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร”
สีหน้าของผู้อาวุโสชุดน้ำเงินดูไม่ได้มากๆ “เจ้ามองไม่ออกหรือว่าเขาไม่ใช่ลูกมนุษย์ ถ้าข้าเดาไม่ผิดเขาน่าจะเป็นพืชอสูร…”
พืชอสูร? ฉินเสวี่ยชะงัก
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะมองตัวตนของเสี่ยวซู่ไม่ออกแต่สิ่งที่เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ขาดแคลนมากที่สุดก็คือพืชอสูรที่มีสติปัญญาดังนั้นผู้อาวุโสชุดเขียวจึงสามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเสี่ยวซู่ทันที
“เป็นไปไม่ได้ ต้นไม้สามารถมีสติปัญญาได้ แต่พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เหมือนสัตว์วิญญาณอสูรได้ อย่างเช่นต้นไม้แห่งชีวิตที่เราเสียไป” ฉินเสวี่ยกัดปากแน่นไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง
ซูจวิ้นที่แอบอยู่หลังฝูงชนก็พูดขึ้นทันที “ท่านผู้อาวุโสและท่านฉินเสวี่ย มีแค่เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มีสิทธิ์ครอบครองพืชอสูรดังนั้นพวกท่านควรขโมยพืชอสูรตนนี้นะขอรับ อ้อ เดี๋ยวก่อน พวกท่านควรให้สตรีผู้นี้ยกพืชอสูรนี้ให้ท่านเป็นเจ้าของโดยชอบธรรมต่างหาก”
ดวงตาของฉินเสวี่ยเป็นประกาย ถ้าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มีพืชอสูรต้นนี้ ความแข็งแกร่งของพวกนางก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แตกต่างจากผู้อาวุโสทั้งสามทีหน้ามืดครึ้มแล้วส่งสายตาเย็นชาไปที่ซูจวิ้น
“คนโง่จะนำพาความพินาศมาสู่โลกใบนี้!” พืชอสูรนี้ทรงพลังมากแล้วการที่พวกนางอยากจะขโมยพืชอสูรด้วยความสามารถเท่านี้ไม่เท่ากับเป็นการให้พวกนางรนหาที่ตายหรอกหรือ ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะที่เป็นพืชอสูรที่มีสติปัญญาของตัวเอง การทำให้พวกเขาสาบานที่จะจงรักภักดีต่อพวกนางไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสจะโมโหในคำพูดของซูจวิ้น
“แม่นาง” ผู้อาวุโสในชุดน้ำเงินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิง “เจ้าเองก็สังหารสมาชิกในเผ่าของพวกเราไปมาก เหตุใดพวกเราไม่ทำลายความขัดแย้งนี้กันล่ะ”
คนฉลาดจะต้องยอมรับข้อเสนอนี้แน่นอน!
พืชอสูรตนนี้แข็งแกร่งเกินไปและพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากระมัดระวัง
อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ข้าจะไปก็ได้แต่ข้ามีข้อต่อรองสองอย่าง”
“หนึ่ง น้องสาวของข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าโดยไร้รอยขีดข่วน ถ้านางเสียผมหนึ่งเส้น ข้าจะสังหารพวกเจ้าหนึ่งคน ถ้าผมนางเสียหายสองเส้นข้าก็จะสังหารสองคนจนกว่าข้าจะสังหารหมู่เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จนสิ้น”
ดวงตาของซูจวิ้นกระตุกและเผลอก้าวถอยหลัง เมื่อเห็นว่าคำพูดของเขาไม่สามารถยั่วยุความโลภในใจพวกนางได้ เขาก็มีทางเลือกแค่ทางเดียวก็คือหนี
“สอง” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดไปชั่วครู่ก่อนพูดต่อ “ใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับตัวน้องสาวของข้าต้องถูกส่งออกมาให้ข้าลงโทษ!”
ผู้อาวุโสสบตากันแล้วแสดงท่าทีหนักใจ ผู้อาวุโสชุดเขียวที่ใจเย็นกว่าก้าวออกมาข้างหน้าแล้วพูดขึ้น “แม่นาง พวกเรายอมปล่อยน้องสาวของเจ้าได้แต่ต้องขอโทษด้วยที่เราไม่ยอมรับข้อต่อรองอื่นๆ”
อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องเจรจากัน”
“แม่นาง เจ้าคิดว่าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรารังแกได้ง่ายๆ หรือ จริงของเจ้าที่ว่าเจ้ามีพืชอสูรที่แข็งแกร่งแต่ว่าเผ่าของเราก็มีประวัติมายาวนานแล้วพวกเราจะไม่มีวิธีอื่นๆ ได้อย่างไร ถ้าเจ้ายังยืนยันที่จะต่อสู้ถ้าอย่างนั้นเผ่าของพวกเราก็จะทำให้เจ้าสมความปรารถนาเอง!”
ผู้อาวุโสชุดน้ำเงินดูหมดความอดทนแล้ว
ถึงแม้ว่าอวิ่นลั่วเฟิงจะมีพืชอสูรแต่เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ยืนหยัดมาอย่างยาวนานแล้วยังมีฐานะสูงส่ง พวกเรายังมีไพ่ตายเหลืออยู่! ไม่อย่างนั้นเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งสูงสุดได้หลังจากที่หัวหน้าเผ่าหายไปเมื่อตอนนั้น
“หนึ่ง…” ทันทีที่ผู้อาวุโสของเผ่ากำลังขู่อวิ๋นลั่วเฟิง นางก็เริ่มนับเลขอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ทุกคนงุนงงไม่เข้าใจว่านางตั้งใจจะทำอะไร
“สอง…” หญิงสาวยิ้มเยาะแล้วดวงตาสีดำสนิทของนางก็ดูลึกลับอย่างที่สุด