ตอนที่ 1728 ตบหน้า (5)
ดวงตาของจวินหลิงเทียนเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าเผ่ามังกรและเผ่าวิหคเพลิงจากนครสัตว์อสูรจะส่งคนมางานเปิดตัวบุตรสาวของตระกูลจวิน
เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ ก็หมายความว่านครสัตว์อสูรอยู่ภายใต้การควบคุมของหลานชายและหลานสะใภ้ของเขาน่ะสิ!
จวินหลิงเทียนสำลักด้วยความตื่นเต้นและไอออกมาสองสามครั้ง “พวกท่านมาอย่างกะทันหันเกินไปดังนั้นพวกเราก็เลยไม่ได้เตรียมที่ไว้ให้ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ให้ตระกูลเว่ยยกที่นั่งสองที่ให้พวกท่านเถอะ”
เว่ยหลิงชะงักและเบิกตากว้าง อีกหลายคนก็มีที่นั่งเหตุใดต้องเป็นตระกูลเว่ยที่ต้องยินยอมยกที่นั่งให้ แต่ว่านางก็ไม่กล้าต่อต้านและทำได้แค่ให้เว่ยเฟิงและเว่ยเย่ว์ยืนขึ้น
“ขอบคุณมาก อดีตผู้นำตระกูลจวิน”
หลงซีและเฟิ่งชีไม่ได้พูดอะไรมากความแล้วนั่งลง สำหรับพวกเขาแล้ว การที่ตระกูลเว่ยต้องยกที่นั่งให้พวกพวกเขาก็นับเป็นเรื่องโชคดีของพวกเขาแล้ว!
“สำนักศึกษาเมืองประจิมและเผ่าผู้ใช้เวทย์จากเมืองหลวงมาแสดงความยินดีกับอดีตผู้นำตระกูล”
ขณะที่ทุกคนกำลังที่ปกคลุมไปด้วยความตื่นเต้นเพราะการมาถึงของเผ่ามังกรและเผ่าวิหคเพลิง การประกาศนามก็ดังขึ้นจากข้างนอกอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเจ้าเมืองแต่ละเมืองหรือเผ่ามังกรและเผ่าวิหคเพลิงจะมาแสดงความยินดี สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้ จู่ๆ นางก็ยืนขึ้นเมื่อได้ยินว่าสำนักศึกษาเมืองประจิมมาและจ้องไปที่ทางเข้า
กลุ่มแรกที่เดินเข้ามาเป็นคนจากสำนักศึกษาเมืองประจิม มีคนมาจากสำนักศึกษาไม่มากเพราะยังต้องมีคนคอยคุ้มกันสำนักศึกษาแต่ผู้อาวุโสซวีคงก็สามารถแย่งชิงโอกาสมาที่จวนตระกูลจวินจากคนอื่นได้
“อาจารย์…” อวิ๋นลั่วเฟิงเรียกเบาๆ ขณะมองไปที่ผู้อาวุโสซวีคง
นางไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่สำนักศึกษาเมืองประจิมนานนักแต่นางก็ไม่มีทางลืมอาจารย์ที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยนาง
“เด็กน้อย ผ่านมาห้าปีแล้วและการเติบโตของเจ้าก็ทำให้พวกเรายิ่งนับถือเจ้าขึ้นไปอีก” ซวีคงยิ้ม “ตอนที่เมืองอุดรต้องการจะสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเจ้า ข้ากับคนอื่นก็ออกไปหยุดพวกเขาแล้วแต่โชคร้ายที่ระหว่างทางมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นที่สำนักศึกษาเมืองประจิม ข้าจึงถูกเรียกกลับไปอย่างเร่งด่วนแต่ยังดีที่ข้าได้กำจัดยอดฝีมือจากเมืองอุดรแล้วแต่ว่าข้าก็ไม่มีพลังเหลือพอจะจัดการกับเรื่องที่ตามมา”
“แค่นั้นก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม
ไม่นานมานี้ตอนที่นางอยู่ที่เมืองอสูร เมืองอุดรก็ฉวยโอกาสส่งยอดฝีมือไปทำร้ายครอบครัวของนางแต่ยอดฝีมือเหล่านั้นก็ถูกตระกูลจวินและสำนักศึกษาเมืองประจิมร่วมมือกันสังหาร เพราะว่าเรื่องนี้แดนลับแลถึงรอดจากหายนะมาได้ ไม่อย่างนั้นตระกูลเยี่ยคงต้องเจอกับหายนะที่ไม่คาดคิดก่อนที่อวิ๋นลั่วเฟิงจะออกนครสัตว์อสูร
เมื่อได้ยินคำพูดของซวีคง เจ้าเมืองอุดรก็ทำสีหน้าน่าเกลียด ตอนแรกเขาอยากให้บุตรชายของเขาออกไปพูดบางอย่างแต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะพบว่าบุตรชายของเขาเพ่งสายตาไปที่ด้านนอกของห้องโถงด้วยความประหลาดใจ เจ้าเมืองอุดรมองตามสายตาของเขาไปด้วยความไม่เข้าใจแต่แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“นักบุญหญิงจากเผ่าผู้ใช้เวทย์ หวงอิงอิง มาแสดงความยินดีกับตระกูลจวิน”
ภายใต้สายตาตกตะลึงของหลิงซวง หวงอิงอิงก็เดินนำกลุ่มคนมาหยุดตรงหน้าของจวินหลิงเทียนและประสานมือทำความเคารพเขา
“ฮะๆ!” จวินหลิงเทียนหัวเราะดังลั่น “เจ้าเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทย์นี่เอง ชื่อเสียงของเจ้าเทียบไม่ได้เลยเมื่อได้เจอเจ้าตัวจริง”
หวงอิงอิงยิ้ม “ข้าไม่ได้เป็นแค่นักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทย์แต่ข้ายังเป็นบ่าวรับใช้ของอวิ๋นลั่วเฟิงด้วย ด้วยทั้งหมดที่ข้ามีวันนี้ ข้าจะจงรักภักดีต่อนางคนเดียว”
ภายในห้องโถง นอกจากสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัวของเมืองอุดรแล้ว ทุกคนก็แสดงสีหน้าตะลึง
เผ่าผู้ใช้เวทย์เทียบได้กับจวนเจ้าเมืองของเมืองหลวงแต่ในฐานะที่เป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทย์ หวงอิงอิงกลับเป็นบ่าวรับใช้ของอวิ๋นลั่วเฟิงงั้นหรือ
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร…” หลิงซวงส่ายหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือดอย่างควบคุมไม่ได้ “หวงอิงอิงเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทย์ได้อย่างไร เหตุใดถึงเป็นแบบนี้”
…………………………
ตอนที่ 1729 ตบหน้า (6)
สีหน้าของเจ้าเมืองอุดรใกล้เคียงกับความน่าเกลียดน่ากลัว ถ้าเขารู้ตัวตนของหวงอิงอิงแล้วเขาจะห้ามไม่ให้บุตรชายของเขาคบกับนางไปทำไม เหตุการณ์ที่ตามมาก็คงไม่เกิดขึ้น…
ตอนนั้นเอง เจ้าเมืองอุดรที่กำลังเสียดายก็ไม่รู้ว่าบุตรชายของเขาเริ่มเกลียดเขาแล้ว
หลิงซวงชอบหวงอิงอิงมาตั้งแต่แรก ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาของเขาไม่ยอมรับ นางก็คงเป็นภรรยาของเขาไปแล้ว! ตอนแรกหวงอิงอิงมีฐานะต่ำต้อยดังนั้นการที่พอเขาจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ว่าหลังจากที่รู้ตัวตนของหวงอิงอิงว่าเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทย์ หลิงซวงก็รู้สึกเหมือนมีอุ้งมือที่มองไม่เห็นกำลังข่วนหัวใจของเขาอย่างไร้ปรานีและเขาก็ทนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!
ตั้งแต่ต้นต้นจนจบหวงอิงอิงไม่ได้เหลือบสายตามองเขาแม้แต่น้อยราวกับว่านางไม่รู้ถึงตัวตนของเขาด้วยซ้ำ
“ทุกคนควรมาถึงแล้วครบแล้ว” มุมปากของผู้เฒ่าจวินยกขึ้น “อย่างแรกข้ามีเรื่องที่จะประกาศ!”
ห้องโถงเงียบลงทันทีและสายตาทุกคู่ก็มองไปที่ใบหน้าของผู้เฒ่าจวิน
“ไม่นานมานี้ มีข่าวลือในนครจวินว่าเยี่ยฉีที่อยู่ในจวนของข้ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับคนอื่นมากมายรวมถึงยังแอบตั้งครรภ์และทำให้บิดามารดาโกรธจนตาย! มารดาบุญธรรมของนางยังขวนขวายอำนาจอย่างมากและวางแผนจะปีนขาใครบางคนที่แข็งแกร่ง!”
ดวงตาของเว่ยหลิงเป็นประกาย นางไม่คิดว่าผู้เฒ่าจวินจะพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้ายอดฝีมือมากมาย! ชื่อเสียงของเยี่ยฉีและมารดาของนาง จวินเฟิ่งหลิงต้องถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง!
“อีกอย่างข้ายังได้ยินเรื่องการโต้เถียงกันเมื่อครู่ที่ด้านหน้า สาวน้อยจากตระกูลจวิน ข้าอยากจะถามเจ้าสักข้อ เจ้าเชื่อว่าข่าวลือเป็นจริงงั้นหรือ” ผู้เฒ่าจวินถามอย่างเฉยชาขณะส่งสายตาไปที่เว่ยเย่ว์
เว่นเย่ว์ตัวสั่นและเผลอมองเว่ยหลิง หลังจากที่เห็นสายตาเตือนจากนาง นางก็สะดุ้งแล้วรวบรวมความกล้า
“เรียนผู้นำตระกูล นี่คือข่าวลือภายนอกเจ้าค่ะ ดังนั้นข้าน้อยจึงไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงเท็จแค่ไหน แต่ว่า…” เว่ยเย่ว์เงียบเป็นชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อด้วยความเขินอาย “ข้าเคยได้ยินบุรุษคนหนึ่งวิจารณ์ร่างกายของเยี่ยฉีและยัง…ยังอธิบายรายละเอียดเรื่องสกปรกที่ไม่ควรเอ่ยถึงด้วย…เขายังพูดอีกว่าบนเตียงเยี่ยฉีชื่นชอบท่วงท่แบบใดและน้ำเสียงที่มัวเมาในราคะอย่างไร…เขายังพูดอีกว่า…”
เว่ยเย่ว์มุ่งความสนใจไปที่สายตาชื่นชมของเว่ยหลิงและไม่ได้สังเกตเห็นสายตาคมดุจมีดของสมาชิกตระกูลจวิน
ผู้เฒ่าจวินยิ้มอย่างเย็นเยียบ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าได้ยินมาหรือไม่ว่าฉีฉีอยู่กับเขามานานแค่ไหน”
“เรื่องนี้…ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาแค่ว่าเยี่ยฉีพบกับเขาเมื่อปีที่แล้วและเล่นสนุกกันในคืนวันนั้น นางยังสลับสับเปลี่ยนบุรุษหลายคนในระหว่างนั้นด้วยเจ้าค่ะ!”
“โอหังนัก!”
ปัง! ผู้เฒ่าจวินใช้ฝ่ามือตบโต๊ะจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและใบหน้าสูงวัยของเขาโกรธจัด
“ฉีฉี มาที่นี่เมื่อสองเดือนที่แล้วแต่เจ้ากับพูดว่านางมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับใครบางคนตั้งแต่ปีที่แล้วงั้นหรือ”
เว่ยเย่ว์สะดุ้งและไม่เข้าใจความหมายของชายชราแต่นางก็พูดแย้งขึ้น “ท่านผู้อดีตผู้นำเจ้าคะ นางมาที่ตระกูลจวินเมื่อสองเดือนก่อนก็จริงแต่ข้าก็ไม่ได้โกหกที่นางมีสัมพันธ์ชู้สาวกับใครบางคนตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน”
ผู้เฒ่าจวินหัวเราะเบาๆ แน่นอนว่าเขาโกรธเว่ยเย่ว์จนหัวเราะออกมา
ถึงแม้ว่าเยี่ยฉีจะเป็นบุตรสาวบุญธรรมของจวินเฟิ่งหลิงแต่จวินเฟิ่งหลิงก็ดูแลนางเหมือนเป็นบุตรสาวแท้ๆ แต่คนพวกนี้กลับพูดให้ร้ายนางแบบนี้งั้นหรือ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าฉีฉีมาจากที่ไหน” ผู้เฒ่าจวินยิ้มเยาะ “เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่ที่แคว้นเจ็ดเมือง นางพึ่งมาที่แคว้นนี้เมื่อสองเดือนที่แล้ว แล้วบุรุษที่เจ้าพูดถึงจะรู้จักนางตั้งแต่หนึ่งปีที่แล้วได้อย่างไร”