ตอนที่ 1732 นางเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูง (2)
“ฮะ ฮ่า” มู่ต้งหัวเราะเบาๆ “ข้าไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมตระกูลจวินครั้งนี้จะได้มาดูการแสดงดีๆ ด้วยอ้อ จริงสิ ก่อนที่ข้าลืม ข้ายังต้องแสดงความยินดีกับจวินเซวี่ยนด้วย”
ทุกคนหันไปมองจวินเซวี่ยน แสดงความยินดีกับเขางั้นหรือ เขาไปทำอะไรยิ่งใหญ่สำเร็จมาหรือ
จวินเซวี่ยนอ้าปากค้างอย่างตะลึง
“หืม?” ใบหน้าของผู้เฒ่าจวินเต็มไปด้วยความแปลกใจ “เซวี่ยนเอ๋อร์ไปทำอะไรมางั้นหรือ เหตุใดข้าที่เป็นอาจารย์ของพวกเขาถึงไม่รู้ล่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่ต้งก็ค่อยๆ หายไป เขาส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด “ตาแก่จวิน เจ้าคิดจะปิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน เมื่อสองวันก่อนตระกูลจวินเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ไม่ใช่หรือ เจ้าจะปิดข้าไว้ได้อย่างไร เจ้าจะปกปิดไว้ทำไม ข้าแสดงความยินดีต่อจวินเซวี่ยนอย่างจริงใจที่สามารถผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูงแต่เจ้าก็ยังทำเป็นไม่รู้อีกหรือ”
ยิ่งเขาคิดเขาก็ยิ่งโกรธ อย่างน้อยเขาก็เป็นสหายกับผู้เฒ่าจวินมาหลายปีแต่เขาก็ต้องการจะปิดเรื่องนี้กับเขาอีกหรือ ตาแก่คนนี้ไม่สนใจความสัมพันธ์กับสหายเลยแม้แต่น้อย!
“ผู้อาวุโสมู่ เข้าใจผิดหรือเปล่าขอรับ ข้าไม่ได้ผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับเซียนนะขอรับ” จวินเซวี่ยนแสดงสีหน้าประหลาดใจและรีบอธิบายด้วยตัวเอง
“จวินเซวี่ยน!” ครั้งนี้มู่ต้งโกรธจริงๆ แล้ว เขาตะโกนชื่อจวินเซวียนอย่างโมโหและพูดอย่างโกรธๆ ว่า “ข้าเห็นด้วยตาตัวเอง เจ้ายังช่วยอาจารย์เจ้าโกหกข้าอีกหรือ”
“ไม่ใช่ขอรับ ผู้อาวุโสมู่ ข้าไม่ได้ผ่านด่านเลื่อนระดับจริงๆ ขอรับ” จวินเซวี่ยนปาดเหงื่อที่หน้าผากและพูดอย่างรีบร้อน “คนที่ผ่านด่านคือเสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ ไม่ใช่ข้าขอรับ
“เด็กก้าวร้าว เจ้าจะบอกว่าข้า…” มองผิดไปงั้นหรือ
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค มู่ต้งก็สติกลับมาได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างยิ่งกว่าระฆังทองแดง เขาตกใจมากจนพูดไม่ออก “จ-เจ้า…”
จวินเซวี่ยนพูดว่าอะไรนะ คนที่ผ่านด่านไม่ใช่เขาแต่เป็นอวิ๋นลั่วเฟิงงั้นหรือ
อวิ๋นลั่วเฟิงอายุเท่าไหร่นะ นางอายุแค่ยี่สิบสี่ปีเท่านั้น…แต่จวินเซวี่ยนกลับบอกว่านางเป็นคนที่ผ่านด่านเลื่อนระดับขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูงงั้นหรือ
“จวินเซวี่ยน เจ้าว่าอะไรนะ พูดอีกทีสิ” มู่ต้งถามขึ้นหลังจากที่ฝืนให้ตัวเองใจเย็น
จวินเซวี่ยนยิ้ม “ผู้อาวุโสมู่ ท่านเข้าใจท่านอาจารย์กับข้าผิดไปแล้วขอรับ! ถ้าข้าผ่านด่านจริง เรื่องสำคัญแบบนี้ท่านอาจารย์ไม่มีทางโกหกท่านอยู่แล้ว! ครั้งนี้ ข้าไม่ได้เป็นคนผ่านด่านจริงๆ แต่เป็นเฟิงเอ๋อร์ขอรับ”
มู่ต้งพยายามหันหน้าไปมองเด็กหญิงในชุดขาวด้วยสายตาเหม่อลอยและถามอย่างตะลึงว่า “เสี่ยวอวิ๋น เจ้าเป็นคนผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูงจริงหรือ”
อวิ๋นลั่วเฟิงรู้ว่าข่าวการผ่านเลื่อนขั้นสำคัญมากและสุดท้ายก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดีดังนั้นนางจึงไม่ปฏิเสธและพยักหน้าเบาๆ
หลังจากที่นางพยักหน้าฝูงชนก็ระเบิดแล้วตะลึงจนไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว
สวรรค์ ผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูงอายุยี่สิบสี่งั้นหรือ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องแบบนี้และคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้าย เหตุใดอัจฉริยะแบบนี้ถึงมาปรากฏตัวที่ตระกูลกันนะ
ในฝูงชนมีทั้งคนที่เสียดาย อิจฉาและตื่นเต้น…
ผู้อาวุโสซวีคงอ้าปากเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่างอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แต่ว่าใบหน้าชราของเขาก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ห้าปีที่แล้วตอนที่พวกเขารับอวิ๋นลั่วเฟิงเข้ามา พวกเขาไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ เร็วมากจนทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพนับถือนางมากขึ้น
“ยินดีด้วย” หงหลวนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้าเหมือนว่านางจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเป็นคนผ่านด่านด้วยตัวเอง
“แต่ว่า…” นางหยุดไปชั่วครู่ “สักวันหนึ่ง ข้าจะก้าวทันเจ้าแน่นอน”
…………………………
ตอนที่ 1733 การมาถึงของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ (1)
อวิ๋นลั่วเฟิงมองหงหลวนและมุมปากของนางก็ยกขึ้น ดวงตาสีดำสนิทของนางฉายแววจริงจัง “ได้ ข้าจะรอเจ้า!”
ตรงกันข้ามกับสีหน้าตะลึงของคนอื่น คนของเมืองอุดรดูอับอายมาก
มือของเจ้าเมืองอุดรสั่นอย่างหยุดไม่ได้และเขาก็ต้องการกำหมัดหลายครั้งแต่ก็ไม่มีแรงพอที่จะทำ ความเสียใจอย่างสุดซึ้งปรากฏขึ้นในดวงตาเขา เขาไม่ได้เสียใจที่เป็นศัตรูกับอวิ๋นลั่วเฟิงแต่เขาเสียใจที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารนางตอนอยู่ที่เมืองบูรพา
“ผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูง…” หลิงซวงพูดกับตัวเองเบาๆ สีหน้าของเขาแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น “นางเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูงดังนั้นครั้งนี้พวกเราจะโต้ตอบนางได้อย่างไร”
เจ้าเมืองอุดรได้สติกลับมา “อย่าลืมสิ พวกเรายังมีเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์หนุนหลัง ข้าเชื่อว่าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะจัดการกับเด็กผู้หญิงคนนี้ได้”
“ท่านพ่อ! อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้เป็นแค่ผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูงเพียงอย่างเดียว! นางยังมีเผ่ามังกรและเผ่าวิหคเพลิงด้วย!” หลิงซวงพูดเสียงเบาแต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงการสั่นในน้ำเสียง
ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาและพี่ชาย เขาก็คงไม่ได้เสียหวงอิงอิงและถูกทำให้ถูกดึงลงมาอยู่ในระดับนี้ เขาไม่พอใจเรื่องที่พวกเขาทำทุกอย่าง!
“ฮึ่ม!” เจ้าเมืองอุดรส่งเสียงขึ้นจมูก “ครั้งหนึ่งอดีตหัวหน้าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ฝึกฌานขั้นกึ่งเทพเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ต้องมีไพ่ตายในมือแน่ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ยืนหยัดอยู่มาได้หลายปีอย่างมั่นคง”
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้นแต่เขาเองก็ไม่ได้มีความเชื่อมั่นขนาดนั้น ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงแค่ผ่านด่านขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูง เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็คงสังหารนางได้แต่ตอนนี้…
เผ่ามังกรและเผ่าวิหคเพลิงอยู่ข้างพวกนาง ถึงแม้ว่าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะมาปรากฏตัวแต่ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะปราบนางลงไม่ได้
ในขณะที่เจ้าเมืองอุดรกำลังโน้มน้าวตัวเอง เสียงดังชัดถ้อยชัดคำก็ดังขึ้นจากด้านนอก “เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาแสดงความยินดีกับตระกูลจวิน
ทันใดนั้นสายตามืดมัวของเจ้าเมืองอุดรก็สว่างวาบและรอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“สมาชิกของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่ ถ้าเกิดเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้อย่างน้อยพวกเขาก็ยังทำให้นางทรมานจากการสูญเสียได้” เจ้าเมืองอุดรหัวเราะลั่นและลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปที่ประตูเพื่อรอรับพวกเขา
…
บนท้องฟ้ามีกลุ่มสตรีงดงามสูงส่งบินลงมาช้าๆ ผู้นำของกลุ่มเป็นหญิงชราในชุดสีเขียว นางมัดผมหางม้าและมีใบหน้าอ่อนเยาว์กับท่าทางดั่งเซียน
นางเอามือไพล่หลังที่เหยียดตรงและเดินนำสาวใช้ในชุดสีขาวเข้ามาในห้องโถงจัดเลี้ยง
“เจ้าเมืองอุดร หลิงอู่ ทำความเคารพผู้อาวุโสชุดเขียวของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ขอรับ” หลิงอู่ประสานมือด้วยสีหน้าเคารพ
ในฐานะเจ้าเมืองอุดร เขาเป็นถึงผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูงมานานแล้วแต่เขาก็พบว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ยังหายใจลำบาก
หรือว่าหญิงชราผู้นี่จะเป็นผู้ฝึกฌานขั้นกึ่งเทพ ไม่จริงน่า! เป็นไปไม่ได้!
ตั้งแต่ที่หัวหน้าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จากไป ผู้ฝึกฌานขั้นกึ่งเทพก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในแคว้นนี้อีกเลย เขาคิดแบบนี้เพราะหญิงชราผู้นี้มีวิธีฝึกฌานของนางต้องสร้างความรู้สึกแบบนี้
“อืม” ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสชุดเขียวใจเย็นที่สุดดังนั้นเมื่อหลิงอู่จึงพูดกับนาง นางจึงพยักหน้าอย่างเป็นมิตร
ถ้าเป็นผู้อาวุโสชุดน้ำเงินที่มีอารมณ์แปรปรวนล่ะก็ นางอาจจะพูดจาดูถูกเขาไปแล้ว! แต่ว่าผู้อาวุโสชุดเขียวก็ไม่ได้อยากพูดอะไรกับหลิงอู่ไปมากกว่านี้ นางจึงเดินไปหาผู้เฒ่าจวิน
ใครจะไปคิดว่าหลิงอู่จะกล้าขวางทางผู้อาวุโสชุดเขียวซึ่งๆ หน้าและไม่คิดจะหลีกทาง
“ผู้อาวุโสชุดเขียว ในที่สุดท่านก็มา เพราะว่าช่วงนี้ข้าไม่สามารถติดต่อกับท่านฉินเสวี่ยได้ ข้าจึงรีบร้อนเดาว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นที่เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะจัดการได้แล้ว” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหลิงอู่ “เยี่ยมไปเลย อวิ๋นลั่วเฟิงพึ่งกลับมาที่ตระกูลจวินดังนั้นตอนนี้เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็สามารถกำจัดนางได้แล้ว”