ตอนที่ 1316 ไป๋ซู่ (11)
นัยน์ตาของไป๋ซู่ยิ่งเย็นชาและหนาวเหน็บอย่างน่ากลัว เมื่อสบตากับดวงตาเย็นเยียบของชายหนุ่ม จิ่นอวี้ก็อดตัวสั่นไม่ได้ นางกัดปากไร้สีเลือดแล้วไม่พูดอะไรอีก
“สวมเสื้อผ้าแล้วไสหัวไป” ไป๋ซู่ไม่ได้ตะคอกจิ่นอวี้แล้ว เขาลุกขึ้นจากหินแล้วพิงต้นไม้ด้านหลังเขาอย่างอ่อนแรง
แต่ว่า…
เมื่อเห็นสีหน้าเฉยชาของเขา จิ่นอวี้ก็ยิ่งปั่นป่วน นางทรุดตัวลงคุกเข่าอย่างแรงแล้วพูดอย่างกังวลว่า “นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าไล่ข้าเลยเจ้าค่ะ”
“จิ่นอวี้ ข้าจะพูดอีกครั้ง อย่าให้ข้าต้องลงมือสังหารเจ้า!” ไป๋ซู่สูดหายใจเข้าลึกแล้วปิดตา เขากำหมัดแน่นจนได้ยินเสียง แสดงให้เห็นว่าเขากำลังโกรธจัด
จิ่นอวี้ยืนขึ้นจากพื้นช้าๆ แล้วหัวเราะเยาะตัวเอง “นายท่าน ท่านไม่แตะต้องข้า…ก็เพราะอวิ๋นลั่วเฟิงหรือเจ้าคะ”
ไป๋ซู่ลืมตาแล้วส่งสายตาคมกริบดั่งกระบี่ไปให้จิ่นอวี้พลางขบฟัน “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร”
“นายท่าน ท่านรู้ว่าข้าพูดเรื่องจริงใช่หรือไม่!” จิ่นอวี้ยิ่งดูซีดเผือด “แน่นอนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ใช่แค่สง่างามแต่ยังมีพรสวรรค์และเก่งกาจ ท่านจะไม่รักนางได้อย่างไร ตอนแรกท่านอาจต้องการหาประโยชน์จากนาง แต่เมื่อท่านรู้จักนางมากขึ้น ท่านก็ยิ่งหมกมุ่นกับนางมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าพูดถูกหรือไม่เจ้าค่ะ”
“หุบปาก!” ไป๋ซู่ตะโกนอย่างโกรธเคือง “ข้าแค่ต้องการใช้นาง! ถ้าเจ้ากล้าพูดไร้สาระอีกครั้ง อย่าโทษข้าที่สังหารเจ้าตอนนี้!”
จิ่นอวี้ยิ้มบาง รอยยิ้มของนางดูงดงามแต่ก็เศร้านัก
“หากนายท่านต้องการชีวิตข้า ข้าก็ไม่เสียดายที่จะยกให้ท่าน! ชีวิตข้าถูกท่านช่วยเอาไว้! หลายปีมานี้ข้าติดตามท่านและไม่เคยร้องขออะไรเลย ถึงแม้ท่านจะต้องการสตรีอื่น ข้าก็จะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อช่วยท่านเอานางมา! ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้ท่านบาดเจ็บสาหัส ข้าก็คงไม่ทำสิ่งนี้กับท่าน ดังนั้น…ข้าไม่เสียใจ!”
หวืด!
สายลมแรงพัดผ่านจิ่นอวี้ ทันใดนั้นไป๋ซู่ก็บีบคอนาง ประกายเย็นเยือกพาดผ่านดวงตาร้ายกาจของเขา
จิ่นอวี้ตัวสั่นแล้วหลับตาลง เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น ถ้านางต้องตายด้วยมือของนายท่าน… นางก็จะตายอย่างไม่เสียดาย!
ไป๋ซู่ลงแรงที่มือมาก ขอเพียงแค่ออกแรงอีกแค่นิดเดียว เด็กสาวก็จะสิ้นใจที่นี่ ทว่า…สุดท้ายเขาก็ปล่อยนางไป เขาสะบัดแขนเสื้อส่งพลังโจมตีจิ่นอวี้ และทันใดนั้นนางก็ลอยออกไปตกลงกระแทกพื้นอย่างแรง
“ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าอีก!” พูดจบ ร่างเขาพุ่งหายไปจากสายตาของจิ่นอวี้อย่างรวดเร็ว…
แต่ไม่นานเขาก็หยุดในอีกร้อยเมตรต่อมาและต่อยเข้าที่ต้นไม้เก่าแก่ใกล้ๆ เขา
“ข้าน่ะหรือชอบอวิ๋นลั่วเฟิง จะเป็นไปได้อย่างไร” ไป๋ซู่หัวเราะเยาะเผยรอยยิ้มดูถูกบนใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจของเขา “ไม่มีใครล่อใจข้าได้มาเป็นพันปีแล้ว แน่นอนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงก็ด้วย! แต่ข้าก็ต้องยอมรับว่าอวิ๋นลั่วเฟิงนั้นดีกว่ามารดาของนางมาก”
ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาแค่ต้องการใช้อวิ๋นลั่วเฟิง
แล้วในอนาคตก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง!
ตกหลุมรักนางงั้นหรือ ไม่มีทาง!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ไป๋ซู่ก็หันไปมองด้านหลังเพื่อให้มั่นใจว่าจิ่นอวี้ไม่ได้ตามเขามา จากนั้นเขาก็รีบหายตัวเข้าไปป่าทันที…
ตอนที่ 1317 เมืองบูรพา (1)
พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างสดใส แสงไฟพุ่งผ่านท้องฟ้าเหมือนเปลวไฟและฉาบท้องฟ้าให้เป็นสีแดงฉาน
พรึบ! พรึบ! พรึบ!
ทันใดนั้นร่างหลายร่างก็ร่วงลงมาจากฟ้าแล้วหยุดตรงพื้นเบื้องหน้าสตรีสวมอาภรณ์แดง หญิงสาวขมวดคิ้ว นางกวาดสายตาทรงอำนาจไปที่บุรุษที่ยืนขวางทางนาง “ถอยไป!”
“คุณหนู ในที่สุดพวกเราก็หาท่านเจอ ท่านเจ้าเมืองต้องการให้ท่านกลับไป” พวกเขาไม่ฟังคำสั่งนางและยังยืนขวางทางอยู่แต่ตอบนางอย่างให้เกียรติ
“หลีกทางไป!” สตรีอาภรณ์แดงต่อว่าอย่างเย็นชา เช่นเดียวกับสีแดงของเสื้อผ้านาง อารมณ์โกรธของนางก็ร้อนรุ่มดั่งดินปืนที่ถูกจุดไฟ
“คุณหนู” เสียงคนสูงอายุดังมาจากด้านหลังกลุ่มคน จากนั้นชายชราสวมชุดสีน้ำเงินก็เดินออกมาช้าๆ ด้วยรอยยิ้มใจดี “คุณหนู ท่านออกจากบ้านมาหลายปีแล้ว ได้โปรด ท่านกลับเมืองบูรพากับพวกเราเถิด”
สตรีชุดแดงตะคอกแล้วจ้องหน้าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหน้านาง “แม้แต่เจ้าก็มาเอง ดูเหมือนเขาจะต้องการบังคับให้ข้ากลับไปจริงๆ!”
“คุณหนู ท่านเจ้าเมืองทำสิ่งนี้ก็เพื่อท่าน…”
“พอ!” เมื่อเห็นชายชรากำลังจะพูดต่อสตรีชุดแดงก็หยุดเขา “ข้าจะกลับไปเมืองบูรพาก็ได้ แต่ข้าไม่ต้องการให้ใครก็ตามจำกัดอิสระข้า!”
สตรีในอาภรณ์แดงสะบัดแขนเสื้อ ใบหน้างดงามของนางแสดงความเย็นชาและดวงตานางก็เย็นเยียบ
ชายชราอดส่ายหน้าไม่ได้
เพื่อหนีการแต่งงาน คุณหนูจึงทำทุกวิถีทางเพื่อออกจากเมืองบูรพาไปเมืองประจิมและซ่อนตัวอยู่ที่สำนักศึกษาเมืองประจิม! พวกเขาคงไม่รู้ว่านางหลบอยู่ที่นั่นถ้าไม่บังเอิญเห็นนางเสียก่อน…
ที่จริงแล้วด้วยพรสวรรค์ของนาง นางไม่ควรเลือกอยู่ในสถานที่อย่างสำนักศึกษาเมืองประจิม แต่มีแค่อยู่ที่นั่นเท่านั้นที่นางสามารถหลบซ่อนจากพวกเขา!
ชายชรากลอกตาแล้วถาม “อย่างไรก็ดี คุณหนู ข้าได้ยินว่าท่านกำลังตามหาใครบางคนอยู่ ใช่หรือไม่ขอรับ”
สตรีชุดแดงเลื่อนสายตาคมกริบไปที่เขา “นี่เป็นเรื่องของข้า เจ้าอย่าเข้ามายุ่ง!”
ถ้าคนพวกนี้รู้ว่าคนที่นางตามหาคือใคร พวกเขาคงทำทุกอย่างเพื่อหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วบังคับให้นางมาที่จวนเจ้าเมือง…
แล้วนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ
…
เมืองประจิม
พื้นที่ชายแดนเหมือนกันสนามรบสมัยโบราณ ทั้งแห้งแล้งและไม่มีร่องรอยมนุษย์อาศัยอยู่ มีเพียงแค่แสงไฟนำทางเท่านั้น
“อวิ๋นลั่วเฟิง อีกด้านหนึ่งของที่นี่ก็คือเมืองบูรพา เจ้าอยากไปที่นั่นจริงหรือ” หูหลีลังเลแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างระมัดระวัง
อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “มีอะไรไม่ดีที่เมืองบูรพางั้นหรือ”
“อันที่จริง…” หูหลีสายหน้าแล้วยิ้มแหย “ผู้อาวุโสบอกกับข้าก่อนกลับว่ามีใครบางคนจากเมืองบูรพามาตามหาศิษย์ระดับสวรรค์อันดับหนึ่ง ดังนั้นข้าเดาว่าไม่แน่นางอาจจะมาจากเมืองบูรพาแล้วพวกเราอาจจะบังเอิญเจอนางถ้าพวกเราเดินทางไปเมืองบูรพา”
อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา “เมืองบูรพาใหญ่มาก พวกเราน่าจะไม่เจอนาง”
คำพูดของนางมีเหตุผล หูหลีจึงไม่ได้หยุดอวิ๋นลั่วเฟิง
ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กๆ ในพื้นทรายข้างหน้าเขา เขาชะงักแล้วรีบเข้าไปใช้มือขุดทรายจนเห็นร่างเล็กๆ ใต้พื้นทราย
“อวิ๋นลั่วเฟิง มีเด็กอยู่ที่นี่”
เด็ก? ความระแวงปรากฏขึ้นในดวงตานาง แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงก็เดินไปหาหูหลี
เด็กชายตัวน้อยอยู่ในสภาพบาดเจ็บ ชุดคลุมของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดแผ่ท่ามกลางฝุ่นทราย เขาขมวดคิ้วเหมือนว่ากำลังทรมานจากการบาดเจ็บและสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวก็ปรากฏบนใบหน้าเล็กๆ ของเขา