ตอนที่ 1734 การมาถึงของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ (2)
ตอนแรกที่ฉินเสวี่ยร่วมมือกับเมืองอุดร นางบอกเขาในฐานะที่ตัวนางเป็นศัตรูกับอวิ๋นลั่วเฟิง สิ่งที่หลิงอู่ไม่คิดไม่คาดคิดก็คืออวิ๋นลั่วเฟิงกล้าพอจะทำร้ายผู้สืบทอดของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ นางไม่ได้รนหาที่ตายอยู่หรอกหรือ
เขามั่นใจมากว่าวันนี้เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อจัดการกับอวิ๋นลั่วเฟิงแน่นอน
“เฟิงเอ๋อร์!” อวิ๋นลั่วอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้น ความโกรธเกาะกุมเต็มใบหน้าชรา
เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ยอมจบอีกหรือ พวกเขามาที่จวนตระกูลอวิ๋นเพื่อลักพาตัวคนและตอนนี้ยังมาแบบไม่ได้รับเชิญอีก! พวกเขาคิดจริงๆ หรือว่าหลานสาวของเขาตัวคนเดียวไม่มีผู้ติดตาม
อวิ๋นชิงหย่าและหนิงซินเองก็ยืนข้างอวิ๋นลั่วเฟิงและมองสมาชิกเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างระมัดระวัง ถึงอย่างไรพวกเขาก็มาที่ตระกูลจวินได้เพียงสองวันจึงไม่รู้เรื่องราวอะไรและเยี่ยฉีก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง
ใบหน้าของผู้อาวุโสชุดเขียวมืดครึ้มลงเรื่อยๆ ไม่ว่านางจะเป็นคนสุภาพมากแค่ไหน ในเวลาแบบนี้นางก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ “เจ้าเป็นใคร ไสหัวไป!”
หลิงอู่ชะงัก ผู้อาวุโสของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์คนนี้ค่อนข้างอารมณ์ไม่ดี นางโกรธเพราะว่าเขาไม่สามารถช่วยเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ
หลิงอู่หัวเราะเบาๆ อย่างประจบประแจง “ผู้อาวุโสชุดเขียวขอรับ ครั้งนี้เมืองอุดรไร้ประโยชน์จริงและไม่สามารถช่วยเหลือเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ ในเมื่อท่านก็มาแล้ว ข้าก็จะยกอวิ๋นลั่วเฟิงให้ท่านจัดการด้วยตัวเอง ถึงอย่างไร นางก็เป็นคนสังหารผู้สืบทอดของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์”
อวิ๋นลั่วเฟิงสังหารผู้สืบทอดของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ
คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็หันไปมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างมึนงงและตะลึงด้วยสายตาประหลาดใจ
พวกเขาควรเรียกว่าไม่มีความรู้หรือไม่คิดไตร่ตรองดีล่ะ ที่นางกล้าสังหารผู้สืบทอดของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าครั้งนี้เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะถูกกระตุ้นจนทำทุกอย่างที่พวกเขาได้ทำได้เพื่อจัดการนางหรอกหรือ
หงหลวนดึงสติกลับมาได้แล้วเดินไปยืนข้างอวิ๋นลั่วเฟิงเงียบๆ ใช้การกระทำแสดงออกถึงการตัดสินใจของนาง
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของเขาทำแบบนี้ หงหลิงก็แค่หัวเราะอย่างแกนๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดนาง บุตรสาวของเขาโตแล้วและนางก็สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ เขาไม่ควรห้ามนางเหมือนเมื่อก่อนอีก ไม่อย่างนั้นเขาจะทำให้บุตรสาวคนเดียวของเขาจากเขาไปไกลอีก
“เด็กน้อย…” ผู้อาวุโสซวีคงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ว่าอย่างไร สำนักศึกษาเมืองประจิมของพวกเราก็จะคอยสนับสนุนเจ้า คนแก่แบบพวกเราจะเป็นอาจารย์ของเจ้าเสมอไม่เปลี่ยนแปลง!”
พูดอีกอย่างก็คือถ้าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นศัตรูอวิ๋นลั่วเฟิง พวกเขาจะเป็นคนแรกที่ยืนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิง
“โฮะๆ” มู่ต้งหัวเราะเบาๆ “เสี่ยวอวิ๋นเป็นชีวิตของผู้เฒ่าจวิน ในฐานะที่สหายที่ดีที่สุดของตาแก่จวิน ข้าก็ต้องปกป้องเจ้า”
“ผู้อาวุโสมู่…” สีหน้าของเจ้าเมืองเมืองหลวงเปลี่ยนไปอย่างมากและพยายามรีบหยุดเขา มู่ต้งส่งสายตาเย็นเยียบมาให้เขาทำให้เสียงของเขาติดอยู่ในลำคอ
ตอนแรกอวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้ตัวตนของมู่ต้งแต่หลังจากนั้นนางก็รู้ว่าเจ้าเมืองเมืองหลวงเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสมู่และมู่ต้งก็เป็นอดีตเจ้าเมืองเมืองหลวง
“ข้าตัดสินใจแล้ว ใครก็ห้ามข้าไม่ได้”
ตั้งแต่ที่เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัว เผ่ามังกรและเผ่าวิหคเพลิงก็ยืนขนาบอวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวทั้งซ้ายขวาเหมือนองครักษ์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเงียบๆ
ผู้อาวุโสชุดเขียวยังไม่ได้ดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่ไม่ใช่เพราะว่านางไม่อยากพูดแต่เป็นเพราะนางกำลังตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอู่
นางพูดว่านางอยากสังหารอวิ๋นลั่วเฟิงตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าคนไร้มารยาทนี้ตั้งใจมาที่นี่เพื่อใส่ร้ายข้างั้นหรือ
ความจริงแล้ว ถ้าหลิงอู่เผชิญหน้ากับคนอื่น คนอื่นก็คงเข้าใจถ้าพวกเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ว่า…เขาเผชิญหน้ากับเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องโลกและไม่ฉลาดมากๆ!
…………………………
ตอนที่ 1735 การมาถึงของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ (3)
“เจ้าเป็นเจ้าเมืองอุดรใช่หรือไม่” ผู้อาวุโสชุดเขียวชี้หน้าหลิงอู่อย่างโกรธเคืองด้วยใบหน้าที่แสดงความเกลียดชัง “บอกข้ามาสิ ว่าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไปสร้างปัญหาให้พวกเจ้าอย่างไร เหตุใดเจ้าถึงใส่ร้ายเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์”
“ฮะ?” ดวงตาและปากของหลิงอู่เปิดกว้างด้วยความตะลึง ข้าไปใส่ร้ายเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหรกัน
ผู้อาวุโสชุดเขียวมองหลิงอู่อย่างมุ่งร้าย แม้แต่กลุ่มบ่าวรับใช้ด้านหลังก็จ้องหน้าเขาเช่นเดียวกัน
“แม่นางอวิ๋น” ผู้อาวุโสชุดเขียวไม่คิดจะมองหลิงอู่อีกและรีบเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง สีหน้าของนางเปลี่ยนจากโกรธเคืองและเย็นชาก่อนหน้านี้มาเป็นรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร “ข้าได้ยินว่าวันนี้ตระกูลจวินจัดงานเปิดตัวดังนั้นข้าก็เลยมาแบบที่ไม่ได้รับเชิญ ข้าหวังว่าแม่นางอวิ๋นจะให้อภัยข้าด้วย”
สายตาของนางเหลือบไปเห็นหลินรั่วไป๋แอบอยู่ที่มุมห้องขณะกำลังถือและกินหมูหัน ภายในใจนางก็ผ่อนคลาย
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ทำให้เสียเกียรติของตระกูลเว่ยหรือการมาถึงของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของหลิวรั่วไป๋ สายตาของนางเห็นแค่โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศตรงหน้านางเท่านั้น
แต่ว่าเมื่อทุกคนรอยยิ้มอบอุ่นของผู้อาวุโสชุดเขียว พวกเขาตัวแข็งไปอีกครั้งและไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
“เอ่อ…” หงหลวนหันไปมองอวิ๋ลั่วเฟิงอย่างสับสน
ไม่ใช่เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาหรอกหรือ แต่ดูจากท่าทางของนางแล้ว ดูเหมือนว่านางจะเพื่อเอาชนะใจของพวกเขานะ
ตรงข้ามกับสายตาตะลึงของทุกคน หลิงอู่และบุตรชายของเขาก็ตัวแข็งไปแล้ว เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นไพ่ตายใบสุท้ายของพวกเขาแล้ว
เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์เริ่มเป็นมิตรกับอวิ๋นลั่วเฟิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ท่านฉินเสวี่ยคงไม่น่าจะโกหกพวกเขา…
ผู้อาวุโสชุดเขียวไม่ได้สนใจสายตาของทุกคนและเดินไปหาหลินรั่วไป๋ที่อยู่ในมุมด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า “ผู้อาวุโสเขียวทักทายท่านหัวหน้าเผ่าน้อย”
เมื่อได้ยินเสียงของนาง หลินรั่วไป๋ก็รีบเงยหน้าขึ้น นางใช้มือเช็ดคราบน้ำมันบนปากแล้วหันไปมองวิ๋นลั่วเฟิง “อาจารย์ คนผู้นี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ ตระกูลจวินเชิญนางมาด้วยหรือ”
สิ่งที่ให้หลินรั่วไป๋โกรธยิ่งกว่าคือคนนิสัยไม่ดีพวกนี้ขัดขวางก็กินอาหารอร่อยๆ ของนาง สวรรค์รู้ดีว่านางซ่อนตัวอยู่ที่มุมก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นรบกวน คนที่ไม่ฉลาดพวกนี้ไม่สามารถให้อภัยได้
“พวกนางมาแบบไม่ได้รับเชิญ” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดอย่างเฉยชาและมีรอยยิ้มที่มุมปาก
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลินรั่วไป๋ก็ยิ่งโมโหและลุกขึ้นยืนอย่างเดือดดาลก่อนจะชี้หน้าผู้อาวุโสชุดเขียว “ข้าบอกพวกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่อยากเห็นหน้าคนจากเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์อีก แล้วข้าก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าเผ่าน้อยอะไรนั่นของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วย ไสหัวไป!”
เสี่ยวโม่ที่ยืนอยู่ข้างนางก็ลูบหลังปลอบหลินรั่วไป๋ให้คลายความโกรธเงียบๆ “เสี่ยวไป๋ อย่าไปสนใจคนพวกนี้เลย พวกเราก็แค่เมินพวกเขาไป ให้ข้าไปเอาเค้กเกาลัดมาให้เจ้าสักชิ้นก็แล้วกัน”
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวโม่ก็ไม่ได้สนใจคนจากเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์
มุมปากของหลินรั่วไป๋ยกขึ้น “ข้าไม่อยากกินเค้กเกาลัด ข้าอยากกินเนื้อ”
“เข้าใจแล้ว ถ้าอยากนั้นข้าจะยกหมูหันของข้าให้เจ้าด้วยก็แล้วกัน…”
เมื่อเห็นคู่รักวัยเยาว์คู่นี้ ผู้อาวุโสชุดเขียวก็แสดงสีหน้าเขินอายเล็กน้อย “หัวหน้าเผ่าน้อย ข้ามาที่นี่เพื่อขอการอภัยจากท่าน ก่อนหน้านี้ผลีผลามเกินไปดังนั้นข้า…”
“ออกไป! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาที่จวนตระกูลจวินก็เพื่อมากินอาหารโดยไม่เสียเงิน! งานเลี้ยงในวันนี้ไม่ได้มีชื่อเจ้ารวมอยู่ด้วย อย่าคิดจะมาขโมยอาหารแสนอร่อยต่อหน้าข้านะ!”
มุมปากของผู้อาวุโสชุดเขียวกระตุก “หัวหน้าเผ่าน้อย ข้าไม่ได้อยากขโมยอาหารของท่าน…”
“อ้อ?” เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลินรั่วไป๋ก็ดูโล่งอก ถ้านางไม่ได้มาขโมยอาหารก็ไม่มีปัญหาอะไร…
“อืม…” เมื่อผู้อาวุโสชุดเขียวเห็นหลินรั่วไป๋เลิกสนใจนาง นางก็หันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความอับอาย “แม่นางอวิ๋น เจ้าช่วยข้าโน้มน้าวหัวหน้าเผ่าน้อยได้หรือไม่”