ตอนที่ 1764 ศัตรูที่น่าเกรงขามที่สุด (4)
ส่วนเหตุผลที่ตระกูลฉินเสนอตัวเองมาที่แบบนี้ก็เพราะมีเหตุผลแน่นอนอยู่แล้ว แผ่นดินเทพวิญญาณมีกฎว่าผู้ฝึกฌานขั้นกึ่งเทพต้องอยู่ภายใต้สำนักที่โดนจับมา
ครั้งนี้ตระกูลฉินรู้ล่วงหน้าว่าเด็กสาวคนนั้นจะผ่านด่านเลื่อนระดับขั้นกึ่งเทพ นางไม่ใช่แค่งดงามขนาดล่มบ้านล่มเมือง แต่ยังสามารถพัฒนาได้ไม่มีที่สิ้นสุดรวมถึงนายน้อยตระกูลฉินก็เป็นพวกมากตัณหา ดังนั้นพวกเขาจึงคว้าโอกาสอันดีนี้เอาไว้
“หลงซี” อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้ามองบุรุษในชุดน้ำเงิน “สตรีผู้นี้หมดประโยชน์แล้ว จัดการนางซะ”
น้ำเสียงเฉยชาของนางทำให้ฉินลั่วได้สติและตื่นตระหนก
“เจ้าตั้งใจจะสังหารข้าจริงๆ หรือ ถ้าเจ้าสังหารข้า ตระกูลฉินจะไม่มีวันไว้ชีวิตเจ้าแน่!”
อย่าไปมองท่าทางที่ยอมรับความตายของนางก่อนหน้านี้ ที่จริงแล้ว นางกลัวความตายมากกว่าทุกคน
ก่อนหน้านี้ นางต้องอาศัยเรื่องที่ว่านางมีข้อมูลที่อวิ๋นลั่วเฟิงต้องการและแสร้งทำเป็นใจเย็น ใครจะคิดว่าสตรีผู้นี้จะโหดร้ายขนาดใช้หนูหาทองมาขู่นาง
ตอนนี้ความหวังสุดท้ายก็พังทลายลงแล้ว หลังจากที่อวิ๋นลั่วเฟิงผู้นี้ได้คำตอบทุกอย่างไป!
“ขอรับ นายหญิง” หลงซีดึงตัวฉินลั่วขึ้นแล้วออกไปจากห้อง
เขาควรจะไปที่ที่ไกลหน่อยเพื่อจัดการกับสตรีผู้นี้ จวนของนายท่านและนายหญิงจะได้ไม่สกปรก
หลังจากที่ฉินลั่วถูกพาออกไป ห้องนอนก็กลับสู่ความเงียบ
อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาเสี่ยวโม่ “เสี่ยวโม่ เจ้าคิดอย่างไรกับแผ่นดินเทพวิญญาณ”
“นายหญิง” เสี่ยวโม่เงียบไปชั่วครู่ ท่านยังจำคนที่ไล่ล่าเจวี๋ยเชียนเมื่อหนึ่งพันปีก่อนได้หรือไม่”
“พวกเขาเกี่ยวข้องกับแผ่นดินเทพวิญญาณงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วถาม
“ข้าก็ไม่ทราบแต่ว่า ข้าเคยถามจีจิ่วเทียนครั้งหนึ่งและเขาก็บอกข้าว่าเมื่อหนึ่งพันปีก่อนแผ่นดินนี้เคยมีเทพเซียนเหมือนกัน แต่ต่อมาจีจิ่วเทียนบาดเจ็บหนักและต้องปิดด่านฟื้นพลังเป็นเวลานาน ตอนที่เขาออกจากการปิดด่านแผ่นดินนี้ก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ยอดฝีมือทั้งหลายหายไป แต่แม้กระทั่งพลังฌานก็เบาบางลงมาก นี่เป็นเหตุผลที่ความแข็งแกร่งของจีจิ่วเทียนลดลงและอาการบาดเจ็บของเขาก็รักษาไม่หาย”
เสี่ยวโม่เงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิง “ตอนนั้นคนที่ไล่ล่าเจวี๋ยเชียนเองก็หายไปเหมือนกัน ข้าสงสัยว่าพวกเขาน่าจะเข้าไปที่แผ่นดินเทพวิญญาณ”
ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่แข็งแกร่งที่จะมีชีวิตอยู่เป็นพันปี ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่าจีจิ่วเทียนเองก็เป็นปีศาจเฒ่าที่อยู่มาเป็นพันปีเหมือนกันหรอกหรือ”
“อีกอย่าง…” เสี่ยวโม่หยุดไปครู่หนึ่ง “การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงนี้ต้องเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ตอนที่จีจิ่วเทียนปิดด่านฟื้นพลังแน่นอน ไม่อย่างนั้นยอดฝีมือพวกนั้นก็คงไม่หายตัวไปและมิติอีกมิติก็คงไม่เปิดออก”
“จีจิ่วเทียนบอกทั้งหมดนี้กับเจ้างั้นหรือ”
เสี่ยวโม่พยักหน้า “ข้าสงสัยว่าเหตุใดแผ่นดินในตอนนี้ถึงไม่มีเทพเซียนสักคน ดังนั้นข้าก็เลยถามเขานิดหน่อย”
“เสี่ยวโม่ บอกเรื่องพวกนั้นกับข้าหลังจากที่ข้าเจอเจวี๋ยเซียนแล้ว” คิ้วที่อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดอยู่ก็ค่อยๆ คลายออก “ก่อนหน้านี้ข้าสัญญากับอาจารย์แล้วว่าจะเดินทางไปเยี่ยมสำนักศึกษาเมืองประจิม ในเมื่อข้าก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้วข้าก็ควรจะทำตามสัญญา”
มือคู่หนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วดึงนางเข้าไปในอ้อมกอด
อ้อมกอดอบอุ่นของชายหนุ่มทำให้หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงเต็มไปด้วยความตื้นตัน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่ยอมให้ท่านได้รับอันตรายใดๆ แน่”
อวิ๋นเซียวเองก็มีความรู้สึกว่าแผ่นดินเทพวิญญาณน่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามที่สุดที่พวกเขาเคยเจอมาตลอดชีวิต! แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะปกป้องนางและไม่ยอมให้นางบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว!
“อวิ๋นเซียว ข้าไม่กล้วอะไรทั้งนั้นเมื่อมีท่านอยู่ด้วย”
นางไม่ใช่คนที่กลัวจะมีปัญหา เมื่อตอนนี้นางมีอวิ๋นเซียวอยู่ข้างๆ ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่นางจะหวาดกลัวใครก็ตาม!
ดังนั้นต่อให้เป็นแผ่นดินเทพวิญญาณแล้วอย่างไร ใครก็ตามที่ทำให้นางขุ่นเคืองก็ต้องถูกลงโทษ!
…………………………
ตอนที่ 1765 มิติอีกมิติหนึ่ง (1)
“อวิ๋นเซียว ข้าอยากออกเดินทางพรุ่งนี้และตามหาจีจิ่วเทียน” อวิ๋นลั่วเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่แน่เขาอาจจะรู้อะไรบางอย่าง”
“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปกับท่านด้วย” อวิ๋นเซียวยิ้ม อวิ๋นเซียวไม่เคยพูดอะไรที่ไม่จำเป็น ประโยคอย่าง ‘ข้าจะไปกับท่าน’ ก็เกินพอแล้ว …
สำนักศึกษาเมืองประจิมถูกคุ้มกันแน่นหนา เหล่าศิษย์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าช่วงนี้สำนักไม่ได้สงบอย่างเคย
ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานดังขึ้นดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
“ดูสิ! สำนักของเรามีคนหน้าตาดีขนาดนี้ด้วยหรือ”
ทุกคนหันไปตามเสียงและทุกคนก็อ้าปากค้างไปตามๆ กัน
คู่รักหน้าตาดีคู่หนึ่งอยู่ไกลๆ และกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา หน้าตาของพวกเขาคล้ายกับหลุดออกมาจากภาพวาด ดูเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก ฝ่ายหญิงสวมชุดสีขาวสะอาดดุจหิมะและมีใบหน้าที่งดงามจนแทบลืมหายใจ ฝ่ายชายก็หล่อเหลาแลดูเย็นชา ความอ่อนโยนในดวงตาจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อเขามองสตรีที่อยู่ข้างกายเท่านั้น
ทันใดนั้นก็มีประโยคปรากฏขึ้นในความคิดของพวกเขา คู่สวรรค์สร้าง!
คู่รักสมบูรณ์แบบนี้น่าจะหลงใหลซึ่งกันและกันอย่างมาก และพวกเขาก็มีสายตาไว้มองอีกฝ่ายเท่านั้น
“พวกเขามาจากที่ไหนกัน เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งมองอวิ๋นเซียวด้วยดวงตาที่เป็นรูปหัวใจ นางอิจฉาสตรีที่ได้ยืนเคียงข้างเขามาก นางยอมตายถ้าหากบุรุษผู้นี้จะมองนางด้วยสายตาอ่อนโยนสักครั้ง
“ข้าก็ไม่รู้ เหตุใดเจ้าไม่เข้าไปถามล่ะ” อีกคนก็ยุแล้วยกศอกถองเด็กผู้หญิงที่ดวงตาเป็นรูปหัวใจ
“ลืมมันซะเถอะ เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขามีภรรยาแล้ว ภรรยาที่งดงามขนาดนี้ด้วย เหตุใดข้าต้องออกไปสร้างปัญหาล่ะ”
เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้นี้รู้ตัวเองดี นางชื่นชอบใบหน้าหล่อเหลาของอวิ๋นเซียวแต่นางก็ไม่คิดว่านางจะฉลาดพอไปเกี้ยวเขา ไม่อย่างนั้นนางก็คงทำให้ตัวเองอับอาย แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดแบบเดียวกับเด็กผู้หญิงคนนี้ สตรีในชุดสีเขียวอ่อนเดินออกมาจากฝูงชนอย่างไม่รีบร้อน ร่างระหงของนางมีบรรยากาศอ่อนโยนและแก้มของนางก็แดงระเรื่อขณะที่นางเดินไปหยุดตรงหน้าอวิ๋นเซียวอย่างเขินอาย
“เจ้าเป็นศิษย์ใหม่ที่เข้ามาปีนี้งั้นหรือ ถ้าเจ้าต้องการอะไร ข้าสามารถ…”
อวิ๋นเซียวไม่แม้แต่จะเหลือบมองสตรีชุดเขียวและเดินผ่านนางไป
สตรีในชุดสีเขียวมึนงง ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้งดงามเท่าภรรยาเขา แต่อย่างน้อยนางก็เป็นคนงามอันดับหนึ่งของสำนึก แต่เขากลับเดินผ่านนางไปเฉยๆ งั้นหรือ
หรือว่าเขาอาจจะไม่เห็นนาง ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!
“โอวหลาน เจ้าไม่เห็นหรือว่าสายตาของบุรุษนี้ติดอยู่ที่ภรรยาของเขา เหตุใดเจ้าต้องไปทำให้ตัวเองดูโง่ด้วย” เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นมาจากฝูงชน
โอวหลานกระทืบเท้าแล้วจ้องสตรีที่พูดอย่างดุร้าย “จางเซี่ยอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเองก็ชอบบุรุษผู้นั้นเหมือนกับข้า! ตั้งแต่ที่พวกเรายังเด็ก เจ้าก็ต้องการขโมยทุกอย่างที่ข้าชอบ! หรือว่าเจ้าอยากให้ข้ายกเขาให้เจ้างั้นหรือ!”
“ยกเขาให้ข้างั้นหรือ เจ้าคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์หรือ” จางเซี่ยส่งเสียงขึ้นจมูก “ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ไม่เคยแย่งบุรุษที่แต่งงานแล้ว!”
“เจ้า…” โอวหลานโกรธจนหน้าแดง “ทั้งสองคนนี้ต้องเป็นศิษย์ใหม่ในปีนี้แน่ ถึงอย่างไรข้าก็ต้องรู้จักพวกเขาอยู่ดี! ในฐานะที่เป็นศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาเมืองประจิม คำพูดของข้าคือกฎ!”
จางเซี่ยส่งเสียงขึ้นจมูก โอวหลานอาศัยเรื่องที่ว่าพี่ชายของนางเป็นศิษย์อัจฉริยะระดับสวรรค์ประทานจึงไม่เคยเห็นหัวใคร แล้วตอนนี้นางถึงกับจะขโมยสามีของผู้อื่น