ตอนที่ 1772 สตรีโง่งม (4)
“เซี่ยหลิง สองวันนี้เกิดอะไรขึ้นในสำนัก เหตุใดถึงมีคนแปลกหน้ามากมายปรากฏตัวที่นี่ พวกเขาไม่ใช่ศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาหรือ”
ศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาพึ่งจะเริ่มฝึกพลังฌานเมื่อวาน แต่อวิ่นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเขา โอวหลานคิดว่าต้องเป็นเพราะหูหลีเปิดประตูหลังให้พวกเขาแน่นอน ดังนั้นโอวหลานจึงมั่นใจว่าคนแปลกหน้าเหล่านี้ไม่ได้เป็นศิษย์ใหม่ที่เข้ามาในปีนี้
“ศิษย์พี่หญิงโอวหลาน ข้าได้ยินมาว่าศิษย์ระดับสวรรค์อันดับหนึ่งเมื่อห้าปีที่แล้วกลับมาเจ้าค่ะ”
“ศิษย์ระดับสวรรค์อันดับหนึ่งก็คือหงหลวนไม่ใช่หรือ” ดวงตาของโอวหลานเป็นประกายและนางก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ “เจ้ามั่นใจหรือว่าเป็นหงหลวน”
“ข้าไปตรวจสอบมาแล้วเจ้าค่ะ คนเหล่านี้เป็นศิษย์ดั้งเดิมของสำนักศึกษา พวกเขามาที่สำนักศึกษาเมืองประจิมเพื่อพบหงหลวนเจ้าค่ะ”
เซี่ยหลิงดูสับสน แน่นอนว่านางไม่รู้ว่าโอวหลานตั้งใจจะแนะนำโอวเฟยให้หงหลวนดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดโอวหลานถึงสนใจในตัวหงหลวน
“เยี่ยมมาก”
ใบหน้าของโอวหลานปรากฏรอยยิ้มกว้างแต่เมื่อเห็นสายตาสงสัยของเซี่ยหลิง นางก็กระแอมและพูดว่า “แล้วเรื่องที่ข้าบอกให้เจ้าไปทำล่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเซี่ยหลิงก็รีบพูดขึ้นทันที “ข้าสั่งให้คนไปปล่อยข่าวลือแล้วอีกไม่นานก็แพร่ออกไปแต่ว่าศิษย์พี่หญิงโอวหลาน เรื่องที่ท่านสัญญากับข้า…”
“เจ้าสบายใจได้ ข้าจะไม่ผิดสัญญาแน่นอน” ดวงตาของโอวหลานสว่างวาบ “ข้าเหนื่อยแล้ว ตอนนี้เจ้าออกไปได้”
“เจ้าค่ะ ศิษย์พี่หญิงโอวหลาน” เมื่อได้รับการยืนยันจากโอวหลาน เซี่ยหลิงก็จากไปอย่างอารมณ์ดี โอวเฟยตามใจน้องสาวเขามาก ถ้าได้โอวหลานช่วย นางก็สามารถเป็นภรรยาของเขาเมื่อไหร่ก็ได้ เซี่ยหลิงหน้าแดงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
แต่เมื่อนางออกไป นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลัง เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่คิดเกี่ยวกับมันมากนัก เพราะคิดว่าโอวหลานตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าชื่อเสียงของศิษย์ใหม่กำลังจะถูกทำลาย
“ช่วงนี้ข้าช่างโชคดีอะไรขนาดนี้!” ภายในห้อง โอวหลานก็ยิ้มบางและดวงตาก็เป็นประกายแน่วแน่ “ข้าเจอบุรุษที่ข้าอยากแต่งงานด้วย และสตรีที่คู่ควรกับท่านพี่ก็ปรากฏตัวออกมาเหมือนกัน! ไม่แน่…หงหลวนอาจจะมาที่นี่เพราะได้ยินเรื่องของท่านพี่ก็ได้ ไม่อย่างนั้นนางจะกลับมาทำไมหลังจากไปห้าปีและกลับมาทันทีที่ท่านพี่ขึ้นเป็นศิษย์ระดับสวรรค์อันดับสาม”
โอวหลานคิดอย่างพึงพอใจว่าถ้าเกิดพี่ชายของนางได้แต่งงานกับทายาทของเมืองบูรพา สถานะของนางก็จะสูงขึ้นเหมือนกัน จากนั้นก็จะไม่มีใครมีค่าพอให้นางสนใจ
“น่าเสียดายที่อวิ๋นลั่วเฟิงแต่งงานแล้ว…”
ไม่อย่างนั้น สตรีผู้นั้นก็จะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะแต่งงานกับพี่ชายของนาง หงหลวนก็เป็นแค่ทายาทของเมืองบูรพาในขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของแคว้นแล้วด้วยความแข็งแกร่งของนางเอง
ถ้าหากไม่มีจักรพรรดิปีศาจ ไม่แน่…พี่ชายของนางอาจจะมีโอกาสก็ได้
“ข้าไม่รู้ว่าจักรพรรดิปีศาจหน้าตาเป็นอย่างไร เขาว่ากันว่าจักรพรรดิปีศาจจะใส่หน้ากากเวลาอยู่ในที่สาธารณะเสมอและมีคนไม่กี่คนที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ดังนั้นข้าก็เลยคิดว่าเขาต้องหน้าตาน่าเกลียดมากแน่ แล้วบุรุษแบบนั้นจะมาเทียบกับท่านพี่ได้อย่างไร ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงรู้จักกับท่านพี่ก่อนล่ะก็ นางต้องตกหลุมรักเขาแน่นอน…”
มีแค่ตอนที่อวิ๋นเซียวอยู่กับอวิ๋นลั่วเฟิงเท่านั้นที่เขาจะถอดหน้ากากออก ในอดีตจึงไม่เคยมีใครได้เห็นใบหน้าของเขา
ในตระกูลจวิน เขาก็ไม่ได้ใส่หน้ากากตอนอยู่ในงานเลี้ยงและงานแต่งงาน แต่คนที่ได้รับเชิญไปที่ตระกูลจวินก็ไม่นำออกมานินทาข้างนอก ดังนั้นก็ยังมีคนไม่กี่คนที่รู้ใบหน้าที่แท้จริงของจักรพรรดิปีศาจ
…………………………
ตอนที่ 1773 รนหาที่ตาย (1)
สำนักศึกษาเมืองประจิม
หงหลวนร่อนลงมาจากท้องฟ้าและคนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหานางด้วยใบหน้าแสนยินดี
“ยินดีต้อนรับกลับขอรับ ท่านหัวหน้า”
“ขอบคุณ” หงหลวนเลิกคิ้วและชุดคลุมสีแดงเพลิงของนางก็สะบัดไปตามสายลม “พวกเจ้ากลับมาที่สำนักศึกษาเมืองประจิมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“พวกเราพึ่งมาถึงขอรับ และก่อนที่เราจะหากิจกรรมสนุกๆ และเที่ยวเล่นกัน ท่านก็กลับมาพอดีขอรับ ท่านหัวหน้า”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ไปพบผู้อาวุโสทั้งหลายก่อนเถอะแล้วจากนั้นค่อยไปหาใครบางคน”
พูดจบหงหลวนก็ก้าวเข้าไปในสำนักศึกษาเมืองประจิมขณะที่นางถูกล้อมรอบไปด้วยคนกลุ่มหนึ่ง มีบุรุษวัยประมาณยี่สิบกว่าปีคอยเดินขนาบและจัดการกลุ่มคนเหล่านั้นให้นาง
ห้าปีที่แล้ว หงหลวนยังคงเป็นคนเผด็จการและเย็นชา ตราบใดที่นางสนใจใคร นางต้องได้ประลองกับคนคนนั้น ถ้าเกิดคนคนนั้นไม่ตกลง นางก็จะไปก่อกวนเขาจนกว่าเขาจะตอบตกลง ดังนั้นหงหลวนจึงไม่ได้ยุ่งกับศิษย์คนอื่น ดังนั้นแล้วอย่าได้พูดถึงกลุ่มผู้ติดตามเลย
บุรุษผู้นี้ชื่อจังมั่ว เขาถูกเสน่ห์ของหงหลวนดึงดูดเข้าจึงอาสาเป็นผู้ติดตามของนางและทำแม้กระทั่งสร้างพรรคให้นางด้วย น่าเสียดายที่ตั้งแต่หงหลวนออกจากสำนักศึกษาเมืองประจิม นางก็ไม่ได้เจอใครอีกยกเว้นการติดต่อทางจดหมาย
“หงหลวน ท่านมาที่นี่เพื่อตามหาอวิ๋นลั่วเฟิงหรือ พวกเราพึ่งกลับมาที่นี่ดังนั้นจึงไม่รู้ว่านางมาสำนักหรือยัง” จังมั่วเกาศีรษะแล้วหัวเราะเบาๆ
ห้าปีที่แล้วทุกคนในสำนักศึกษาเมืองประจิมรู้จักชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงกันหมด และตอนนี้ก็เหมือนกัน แต่ว่าที่แตกต่างกันก็คือศิษย์ปัจจุบันไม่รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงหน้าตาเป็นอย่างไร
“ที่ข้ากลับมามีเหตุผลสองข้อ หนึ่ง ข้ามาตามหาหวิ๋นลั่วเฟิง อีกข้อคือดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่สำนักศึกษาเมืองประจิม ในฐานะศิษย์ของสำนัก ข้าไม่สามารถยืนดูอยู่เฉยๆ ได้”
เคร้ง!
ทันทีที่หงหลวนเดินลงบันไดวนของสำนักมา จู่ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาขวางทางนาง
หงหลวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“คนพวกนี้เป็นศิษย์ของสำนัก พวกเขามาที่นี่ทำไม” จังมั่วขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นกลุ่มคนด้านหน้า
ทันใดนั้นก็มีเสียงดีใจดังขึ้นมาจากคนกลุ่มนี้ “ท่านคือหงหลวนใช่หรือไม่ ศิษย์ระดับสวรรค์อันดับที่หนึ่งเมื่อห้าปีที่แล้ว” จากนั้นกลุ่มคนก็แหวกทางให้เด็กผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังพวกเขา
“มีอะไรงั้นหรือ”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาเมืองประจิม น้ำเสียงของหงหลวนก็ไม่ได้แข็งกระด้าง ถึงแม้ว่านางใช้สำนักศึกษาเมืองประจิมเป็นที่พักพิงชั่วคราวแต่ความรู้สึกที่นางมีต่อสำนักก็ยังถูกจดจำไว้ในใจ
“ศิษย์พี่หญิงหงหลวน” ใบหน้าของโอวหลานเป็นประกายและยกยิ้มหวาน “ท่านเคยได้ยินชื่อของพี่ชายข้า โอวเฟย หรือไม่”
ดวงตาของหงหลวนเป็นประกายสงสัย “ไม่เคย”
โอวหลานอุทาน “ไม่เคย จะเป็นไปได้อย่างไร”
พี่ชายของนางเป็นที่รู้จักกันดีในสำนัก แม้แต่คนด้านนอกก็ยังเคยได้ยินชื่อเขาดังนั้น หงหลวน ที่เป็นศิษย์เก่าของสำนักศึกษาเมืองประจิมก็ควรจะรู้จักเขาเหมือนกัน นางจะมาบอกว่านางไม่รู้จักพี่ชายของนางได้อย่างไร นางต้องพูดเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของนางแน่ ในฐานะสตรีก็เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่านางชื่นชอบบุรุษ
ต้องเป็นเพราะแบบนี้แน่!
คิกคิก!
เมื่อจางเซี่ยที่ตอนแรกยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนและรอดูการแสดงได้ยินเสียงร้องอย่างผิดหวังของโอวหลานก็อดไม่ได้ที่จะพูดเยาะเย้ย “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าทุกคนต้องรู้จักพี่ชายของเจ้า ศิษย์พี่หญิงหงหลวนเป็นศิษย์เก่าอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ระดับสวรรค์และแข็งแกร่งกว่าพี่ชายเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพรสวรรค์ ความแข็งแกร่งหรือชาติตระกูล แล้วเหตุใดเจ้าถึงมายืนขวางทางของศิษย์พี่หญิงหงหลวน หรือว่าเจ้าพยายามจะทำให้นางเป็นพี่สะใภ้เจ้างั้นหรือ”