ตอนที่ 1790 ไป๋หลิงงั้นหรือ (5)
“อาจารย์ของเจ้าเคยบอกว่าถ้านางจะกลับมาภายในไม่เกินหนึ่งปีและถ้านางมาช้า ไม่ต้องตามหาตัวนาง เพราะหมายความว่านางต้องกำลังตกอยู่ในอันตราย!” ฉีมั่วมองฉีซู “ดังนั้นแล้วเจ้าคงไม่คิดว่าจะใช้อาจารย์ของเจ้ามาขู่ข้าได้ นางไม่ใช่ร่มที่คอยปกป้องเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
ฉีซูกัดปากแน่น “เจ้าพูดจบหรือยัง ถ้าจบแล้วก็ไสหัวไป! อาจารย์ของข้ายังไม่ตายและนางก็ไม่มีทางตาย!”
“ข้ามาที่นี่แค่จะมาบอกเรื่องเส้นตายเฉยๆ ที่สำคัญ…” ฉีมั่วหัวเราะอย่างชั่วร้าย “การที่ตระกูลฉีมีฐานะได้อย่างทุกวันนี้เพราะอาจารย์เจ้าเป็นคนให้ก็จริง เพื่อที่จะใช้ตระกูลฉีคอยหนุนหลังเจ้า นางจึงช่วยตระกูลฉีอย่างเต็มที่แต่แล้วอย่างไร ไม่ว่านางจะทุ่มเทแค่ไหนก็เป็นเพราะนางโง่เอง! ตระกูลฉีของพวกเราไม่ได้ติดค้างอะไรเจ้าทั้งนั้น!”
หลังจากที่โยนคำพูดเหล่านี้แล้ว ฉีมั่วก็สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป ระหว่างที่เดินผ่านประตู เขาก็หยุดฝีเท้า “ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวฉีหลิงหรอก ในเมื่อข้าบอกว่าอีกหนึ่งเดือนนับจากวันนี้ข้าจะขายนาง ข้าก็จะรักษาคำพูดในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า!” พูดจบเขาก็จากไปโดยไม่หันหลังกลับมาและหายไปจากสายตาของฉีซู
“นายน้อย…” ซืออวี่เดินเข้ามาช่วยพยุงร่างที่สั่นสะท้านของฉีซู “นายน้อย ท่านเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ”
ฉีซูจับแขนของซืออวี่ไว้แน่นและพูดด้วยริมฝีปากสั่นๆ “ซืออวี่ อาจารย์จะกลับมาแน่ๆ ข้าพูดถูกใช่หรือไม่”
หัวใจของซืออวี่เจ็บปวด อาจารย์ของนายน้อยเดินทางเข้าไปในป่าบททดสอบสวรรค์และหายตัวไปสามปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางต้องเจออันตรายบางอย่างแน่นอน แต่ว่านางจะพูดแบบนั้นกับนายน้อยได้อย่างไร
“นายน้อย นางต้องกลับมาแน่เจ้าค่ะ…ที่สำคัญ นางเป็นคนไม่เคยผิดคำสัญญา ในเมื่อนางบอกว่านางจะรักษาร่างกายของคุณหนูให้ได้ นางก็ต้องทำได้แน่เจ้าค่ะ”
ฉีซูยิ้มแต่ใบหน้าซีดเผือดของเขาก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“ใช่แล้ว อาจารย์เป็นคนที่รักษาสัญญา ข้าแค่ต้องรอนางอยู่ที่นี่ นางจะต้องกลับมาแน่นอน…”
…
ภายในห้องนอนที่เงียบสงัด ฉีหลิงยังคงสังเกตเหตุการณ์ข้างนอก จนกระทั่งเสียงเอะอะที่ข้างนอกหายไปนั่นแหละ นางถึงผ่อนคลาย
“ในที่สุดคนใจร้ายพวกนั้นก็ไปเสียที ถ้าหากอาจารย์ของท่านพี่ยังอยู่ พวกเขาไม่มีทางทำกับพวกเราแบบนี้แน่” เสียงของเด็กหญิงตัวน้อยทั้งนุ่มและน่าเอ็นดูจนทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจ
“อาจารย์ของฉีซูงั้นหรือ” ทันใดนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็นึกถึงคำพูดของเสี่ยวโม่ก่อนหน้านี้ขึ้นมา “อาจารย์ของเขาเป็นคนอย่างไร”
ฉีหลิงเอียงคอไปด้านข้างแล้วพูดขึ้น “ข้ามักจะเรียกอาจารย์ของท่านพี่ว่า ท่านป้าอวิ๋น นางหน้าตาคล้ายพี่สาวอวิ๋นมากเลย!”
“ท่านป้าอวิ๋น? นางแซ่อวิ๋นงั้นหรือ”
หากสตรีผู้นั้นแซ่อวิ๋นก็คงไม่เกี่ยวข้องกับมารดาของนาง เพราะถึงอย่างไรมารดาของนางก็เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลอวิ๋น และแซ่เดิมของนางคือ ไป๋
“ท่านป้าอวิ๋นจำชื่อตัวเองไม่ได้เจ้าค่ะ แต่นางมีกำไลข้อมือที่สลักคำว่าอวิ๋นเอาไว้อยู่กับตัว ข้าเอากำไลข้อมือมาให้ท่านดูได้นะ”
เด็กหญิงตัวน้อยน่ารักหยิบกำไลข้อมือออกมาจากอกเสื้ออย่างมีความสุข แล้วยื่นให้อวิ๋นลั่วเฟิงราวกับกำลังเสนอสมบัติมีค่าให้นางดู
“นี่เป็นของที่ท่านป้าอวิ๋นให้มาตอนข้าเกิด ข้าดูแลมันอย่างดีมาโดยตลอด”
ตูม!
ทันทีที่นางเห็นกำไลข้อมูลที่เด็กหญิงตัวน้อยหยิบออกมา ความคิดของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ว่างเปล่าทันทีในขณะที่ภาพเหตุการณ์บางอย่างปรากฏขึ้นในความคิดของนาง…
สตรีในภาพที่เห็นกำลังนั่งตัวตรงอยู่ในห้องและเผยรอยยิ้มอย่างงดงาม ข้อมือของนางมีกำไลหยกสีขาวและนางก็กำลังกระซิบบางอย่างกับบุรุษที่กำลังกอดนางอยู่ นี่เป็นภาพความทรงจำตอนตัวนางอายุสี่ปี
ปกติแล้วภาพความทรงจำควรจะไม่ชัดเจน แต่อวิ๋นลั่วเฟิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดความทรงจำในวัยเด็กของนางถึงชัดเจนมากขนาดนี้…
…………………………
ตอนที่ 1791 ไป๋หลิงงั้นหรือ (6)
ดังนั้นนางจึงจำกำไลข้อมือที่เป็นของแทนใจของอวิ๋นหยางที่มีต่อไป๋หลิงเมื่อตอนนั้นได้! ไป๋หลิงสวมกำไลไว้ที่ข้อมือมาตลอดโดยไม่ถอดออก
“นาง…นางยังไม่ตายหรือ”
หรือว่าทั้งอวิ๋นหยางและไป๋หลิงจะยังมีชีวิตอยู่ ถ้าอย่างนั้นศพทั้งสองที่อยู่ที่หลุมศพบรรพบุรุษตระกูลอวิ๋นมาจากไหน
“พี่สาว ท่านก็คิดว่าท่านป้าอวิ๋นยังไม่ตายเหมือนกันหรือ” เด็กหญิงตัวน้อยก็ส่งยิ้มน่าเอ็นดูมาให้และเก็บกำไลข้อมือกลับไป นางรับไปอย่างระมัดระวังมากเพราะกลัวว่านางอาจจะจะบังเอิญทำกำไลข้อมือแตกได้ “ท่านพี่เองก็คิดว่าท่านป้าอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ แต่ว่าคนอื่นๆ บอกว่านางตายแล้ว…แม้แต่ตระกูลฉีหันมาทำตัวแย่กับพวกเราหลังจากที่ท่านป้าอวิ๋นตาย”
อาจจะเป็นเพราะเด็กหญิงตัวน้อยนึกถึงการกระทำของตระกูลฉีได้ นางก็เลยพูดออก “อันที่จริง ความสำเร็จทุกวันนี้ของตระกูลฉีก็เพราะท่านป้าอวิ๋นทั้งนั้น แม้แต่ภูเขาสองสามแห่งก็เป็นนางที่ไปพิชิตเอามาให้”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าภูเขาที่ยึดมาของตระกูลฉีจริงๆ คนที่ได้มาคืออาจารย์ของฉีซูงั้นหรือ” หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ ดำดิ่งลงทีละนิด อันที่จริงนางไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ แต่ว่าถ้าเกิดอาจารย์ของฉีซูเป็นไป๋หลิง นางก็คง…ต้องเอาทุกอย่างที่นางพิชิตได้กลับคืนมา!
“นายหญิง ท่านคิดว่าสตรีที่พวกเขาพูดถึงคือไป๋หลิงงั้นหรือ” ขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังคิด เสียงของเสี่ยวโม่ก็ดังขึ้นผ่านการสื่อสารระหว่างจิตอีกครั้ง
“ข้าจะไม่ละเลยความเป็นไปได้ใดๆ ก็ตาม!” อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาที่ดำสนิทของนางปรากฏความแน่วแน่ “ดังนั้น ข้าจะต้องหาตัวนาง!”
ความจริงแล้วอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้มีความทรงจำที่ลึกซึ้งอะไรกับไป๋หลิง ส่วนใหญ่เป็นแม่ทัพจวินที่พูดเรื่องของนางให้ฟัง สตรีงามล่มเมืองที่สวมใส่เกราะและกวาดล้างทุกอย่างที่ขวางทางนางในสนามรบ นางไม่ได้ด้อยกว่าบุรุษคนใดเลย! ในหัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิง นางอยากพบแม่ทัพหญิงที่สามารถทำให้เกิดหายนะให้เมืองเมืองหนึ่งได้มานานแล้ว แต่ไป๋หลิงตายแล้ว นางไม่มีโอกาสอีกแล้วแม้ว่านางอยากพบก็ตาม
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีความหวังเพียงน้อยนิดมากเพียงใด นางก็จะไม่ยอมแพ้! ที่สำคัญที่สุดคือไป๋หลิงเป็นมารดาของร่างนี้! แค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวก็เป็นเหตุผลให้ต้องไปพบนางให้ได้แล้ว!
“พี่สาว ท่านเหมือนท่านป้าอวิ๋นเลยเจ้าค่ะ ดังนั้นข้าจึงชอบท่านมาก ท่านมาเป็นพี่สะใภ้ของข้าได้ไหมเจ้าคะ” เด็กหญิงตัวน้อยกะพริบตาขณะที่มองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างคาดหวัง
ใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงดำมืด “ไม่ได้!”
“ทำไมเจ้าคะ พี่ชายข้ามีอะไรที่ขาดไปหรือ เขาหล่อเหลา มีพรสวรรค์รวมถึงนิสัยเขาก็เป็นคนอ่อนโยน…”
“เสี่ยวหลิง” ก่อนที่ฉีหลิงจะพูดจบ นางก็ถูกเสียงจากด้านหลังขัดขึ้นมา
ร่างกายของนางชะงักและหันหลังมาในขณะที่กำลังแลบลิ้น “ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“แม่นางอวิ๋นยังไม่หายดี อย่ามารบกวนนางที่นี่และปล่อยให้นางพักผ่อนเถอะ”
ฉีซูจ้องนางเพื่อขู่นางจนนางไม่กล้าพูดไปมากกว่านี้และทำได้แค่ตอบอย่างอ่อนแรงว่า “เจ้าค่ะ”
ทันใดนั้นฉีซูก็เข้ามาในห้อง อวิ๋นลั่วเฟิงมองเขาและดวงตาก็เป็นประกายบางอย่าง “ข้าได้ยินเรื่องทั้งหมดจากฉีหลิงแล้ว…”
ฉีซูขมวดคิ้ว “เสี่ยวหลิงชอบพูดอะไรไร้สาระ แม่นางอวิ๋น เจ้าไม่ต้องไปฟังนางและพวกเราก็ไม่ได้จะไล่เจ้าไปไหน แค่เจ้าได้พักฟื้นก็เพียงพอ”
“ไม่ ข้าหมายถึง…” อวิ๋นลั่วเฟิงเม้มปาก “ข้าช่วยเจ้าผ่านวิกฤตินี้ไปได้ แต่ว่าเจ้าต้องสัญญาว่าจะรับข้อเสนอสามข้อของข้า”
ฉีซูตะลึงงัน “แม่นางอวิ๋น ร้านยาของพวกเราไม่ได้ขาดเงินแต่สิ่งที่ข้าต้องการคือสมุนไพรพลังฌาน ดังนั้นข้าเกรงว่าเจ้าจะช่วยพวกเราไม่ได้”
“ใครบอกเจ้าว่าข้าให้สมุนไพรพลังฌานกับเจ้าไม่ได้”