ตอนที่ 1820 องค์หญิง วิ่ง! (3)
ความแข็งแกร่งของเสี่ยวโม่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่โลกคัมภีร์เซียนโอสถขยายใหญ่ขึ้น
เสี่ยวซู่เองก็เริ่มฝึกพลังฌานอย่างขยันขันแข็ง ตอนแรกเขาแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทุกคนแต่ตอนนี้แม้แต่ไหน่ฉาก็ใกล้จะเอาชนะเขาได้แล้ว ดังนั้นเขาจะไม่กังวลได้อย่างไร โชคดีที่เขาอยู่ในขั้นกึ่งเซียนมาพักใหญ่แล้ว เขาจึงน่าจะเป็นสัตว์วิญญาณอสูรตนแรกที่ผ่านด่านสู่ขั้นเซียน …
หุบผาหลิงชวน
กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรสองสามตัว
หนึ่งในนั้นมีเด็กสาวในชุดกระโปรงยาวสีชมพูยืนอยู่ตรงกลางเพื่อให้ทุกคนปกป้อง นางมีใบหน้างดงามและน่ารักแต่เสื้อผ้าของนางกลับย้อมไปด้วยเลือดและใบหน้าบอบบางของนางก็ซีดเผือด
“องค์หญิง พวกเราจะปกป้องพระองค์เองดังนั้นพระองค์รีบหนีไปก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์พูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นพร้อมพลีชีพ
“ไม่ ข้าไปไม่ได้!” ดวงตาของเด็กสาวปรากฏร่องรอยความหวาดกลัวแต่เสียงของนางแสดงความแน่วแน่ “ถ้าข้าไป ภารกิจครั้งนี้ของข้าจะสูญเปล่า!”
“องค์หญิง ถ้าพระองค์ไม่ไปก็เท่ากับว่าพระองค์ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่หรือขอรับ พวกเขาตั้งใจส่งพระองค์มาหาหญ้าเสวียนซินเพื่อใช้ประโยชน์จากสัตว์วิญญาณอสูรในหุบผาหลิงให้ช่วยจัดการกับพระองค์” องครักษ์ทำสีหน้าวิตกขณะที่มองสัตว์อสูรดุร้ายอย่างกังวล
ไม่ใช่ว่าราชวงศ์ไม่มียอดฝีมือ แต่คนพวกนั้นจะยอมให้องค์หญิงพายอดฝีมือเหล่านั้นออกมาด้วยได้อย่างไร
พวกเขาใช้ฐานะบุตรสาวขององค์หญิงเพื่อบังคับให้นางออกมาตามหาหญ้าเสวียนซินแล้วองค์หญิงก็จะถูกสังหารโดยไม่ต้องสงสัย! คนพวกนั้นช่างโหดร้ายจริงๆ!
ในขณะที่องครักษ์เหล่านี้พยายามโน้มน้าวเด็กสาว จู่ๆ สัตว์วิญญาณอสูรตัวใหญ่ก็พุ่งเข้ามาฉีกกระชากหน้าอกขององครักษ์คนหนึ่งแล้วทำให้เขาล้มลงที่พื้นทันที
สัตว์อสูรพุ่งเข้าหาเด็กสาวแทบจะทันที
เด็กสาวหน้าซีดด้วยความกลัวและขยับไปไหนไม่ได้ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นกลัวขณะที่มองสัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาอย่างสิ้นหวัง
ฉึก!
ทันทีที่เด็กสาวคิดว่าตัวเองต้องตายแน่แล้ว กิ่งไม้จำนวนหนึ่งก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าแล้วปักเข้าที่ศีรษะของสัตว์อสูร กรงเล็บของสัตว์อสูรหยุดอยู่ห่างจากเด็กสาวไปไม่กี่นิ้ว แล้วจากนั้นมันก็ร่วงลงมาจากฟ้าและตกสู่พื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง
แต่ว่านี่ยังไม่จบ
สัตว์วิญญาณอสูรตัวอื่นที่ยังคงต่อสู้อยู่กับองครักษ์ก็โดนกิ่งไม้แทงทะลุเหมือนกัน พวกมันล้มลงที่พื้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
ทุกคนชะงักแล้วเมื่อหันไปดูว่ากิ่งไม้เหล่านี้มาจากไหน พวกเขาก็ชะงักเมื่อเห็นว่าสตรีชุดขาวคนหนึ่งเดินเข้าออกมาจากต้นไม้ช้าๆ สตรีผู้นี้ยังดูอ่อนเยาว์ดูแล้วน่าจะอายุราวยี่สิบปี ใบหน้าของนางงดงามมากจนสามารถล่มแคว้นและไม่มีใครสามารถมองข้ามได้
“แม่นาง เจ้าเป็นคนช่วยพวกเรางั้นหรือ” องครักษ์ถามขณะประสานหมัดเคารพ
สตรีผู้นี้ยังดูอายุน้อยอยู่เลยแต่คนที่ปรากฏตัวใต้ส่วนลึกของป่าหลิงชวนจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร
“เอ๊ะ พี่หญิงมู่ นั่นท่านหรือ”
ขณะที่ทุกคนกำลังพยายามคาดเดาถึงตัวตนของหญิงสาวก็มีศีรษะเล็กๆ โผล่ออกมาจากด้านหลังของสตรีผู้นี้ นางแลบลิ้นแล้วพูดว่า “พี่หญิงอวิ๋นบอกว่ามีใครบางคนกำลังรบกวนกฝึกพลังฌานของพวกเราดังนั้นพวกเราก็เลยมาดู ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป็นท่านที่กำลังตกที่นั่งลำบาก”
“เจ้าคือ…” เด็กสาวสะดุ้ง “เจ้าคือฉีหลิงงั้นหรือ น้องสาวของฉีซูใช่หรือไม่ เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”
หลังจากได้ยินบทสนทนาของพวกเขา อวิ๋นลั่วเฟิงก็ค่อยๆ ถอนกลิ่นอายทรงพลังของนางช้าๆ
ปรากฏว่านางเป็นสหายเก่าของพี่น้องตระกูลฉีงั้นหรือ
รอยยิ้มใสซื่อปรากฏบนใบหน้าของฉีหลิง “พี่หญิงอวิ๋นเป็นคนพาข้ามาที่นี่ นางบอกว่านางมีวิธีที่จะช่วยให้ข้าฝึกพลังฌานได้ดังนั้นข้าก็เลยมากับนางเจ้าค่ะ อ้อ จริงสิ พี่หญิงอวิ๋นเป็นอาจารย์ของข้า นางช่วยให้ข้าไม่ต้องเป็นขยะอีกต่อไปแล้ว”
…………………………
ตอนที่ 1821 องค์หญิง วิ่ง! (4)
อาจารย์งั้นหรือ
คำนี้ทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงงุนงงแต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“จริงหรือ เจ้าฝึกพลังฌานได้แล้วงั้นหรือ” ดวงตาของเด็กสาวเป็นประกายและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความปิติยินดี “ยอดเยี่ยมไปเลย! จะว่าไป พี่ชายเจ้า เขา…สบายดีใช่หรือไม่”
ตอนที่เด็กสาวพูดถึงฉีซู ใบหน้าของนางก็หน้าแดงเรื่อและเจือไปด้วยความเขินอาย เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงเห็นแบบนี้ นางก็ยิ้มออกมา ความสัมพันธ์ของเด็กสาวคนนี้กับฉีซูดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดา เด็กสาวคนนี้ไม่ลืมฉีซูแม้ว่าเขาจะตกต่ำและโดนขับไล่ ดังนั้นนางก็มีค่าพอให้คบหา
“ท่านพี่สบายดีเจ้าค่ะ แต่ข้า…ข้าเกือบจะถูกตระกูลฉีขายออกไปเจ้าค่ะ” ฉีหลิงทำหน้ายู่ ใบหน้าของนางฉายแววโศกเศร้า
“อะไรนะ” เด็กสาวตะลึง “เจ้าพูดว่าตระกูลฉีตั้งใจจะขายเจ้าออกไปงั้นหรือ พวกเขาทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้อย่างไร ตอนแรกข้าคิดว่าดีแล้วที่พวกเจ้าออกมาจากตระกูลฉีแต่ข้าไม่คิดเลยว่าคนพวกนั้นจะทำเรื่องชั่วร้ายเกินมนุษย์แบบนี้”
ขายบุตรสาวกินงั้นหรือ ตระกูลฉีไม่ได้ยากไร้ขนาดนั้น! เหตุผลมีอย่างเดียวซึ่งก็คือพวกเขาคิดว่าฉีหลิงไร้ประโยชน์ดังนั้นพวกเขาก็เลยตั้งใจจะแลกเปลี่ยนนางกับของมีค่าบางอย่าง! เรื่องนี้ต้องเป็นความคิดของฉีมั่วอย่างไม่ต้องสงสัย! เมื่อคิดถึงจุดนี้ เด็กสาวก็เดือดดาล คนโง่อย่างฉีมั่วไม่มีค่าพอแม้แต่จะสวมรองเท้าของฉีซูด้วยซ้ำ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉีเจิ้งคิดอะไรอยู่
“พี่หญิงมู่ ข้าจำได้ว่าองค์จักรพรรดิประชวร ตอนนี้พระองค์เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
ตอนที่พวกนางถูกไล่ออกจากจวนตระกูลฉีเมื่อปีที่แล้ว องค์จักรพรรดิของอาณาจักรหลิวเฟิงก็ประชวรหนักและในฐานะองค์หญิงนางจึงไม่สามารถออกมาส่งพวกนางได้
ดวงตาของเด็กสาวดำมืด “อาการของเสด็จพ่อแย่ลง ครั้งนี้สนมของเขาใช้ให้ข้ามาตามหาหญ้าเสวียนซินที่หุบผาหลิงชวน พวกเขาบอกว่าในเมื่อเสด็จพ่อรักข้ามากที่สุด ถ้าข้าไม่ออกมาตามหาหญ้าเสวียนซินก็เท่ากับเนรคุณ พูดตามตรง พวกนางไม่จำเป็นต้องพูดอะไรน่าขันอย่างนั้นก็ได้ ตราบใดที่มีความหวังน้อยนิดเพื่อช่วยเสด็จพ่อ ข้าก็ไม่มีทางยอมแพ้”
“หญ้าเสวียนซินงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงมองเด็กสาวอย่างเฉยชา “หุบผาหลิงชวนไม่มีหญ้าเสวียนซินหรอกนะ”
“อะไรนะ” เด็กสาวหน้าเปลี่ยนสี “เป็นไปไม่ได้ พระสนมฉินบอกว่าหญ้าเสวียนซินขึ้นอยู่ในสวนลึกของหุบผาหลิงชวนแล้วที่นี่จะไม่มีหญ้าเสวียนซินได้อย่างไร”
“ข้าพูดตามจริง ข้าอาศัยอยู่ในหุบผาหลิงชวนมาถึงสามเดือนแต่ไม่เคยเจอหญ้าเสวียนซินแม้แต่ต้นเดียว”
ฉีหลิงพยักหน้ายืนยันอยู่ข้างๆ “พี่หญิงอวิ๋นพูดเรื่องจริงนะ หุบผาหลิงชวนไม่มีหญ้าเสวียนซินจริงๆ ท่านคงโดนคนพวกนั้นหลอกแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
ความจริงแล้ว ฉีหลิงก็ไม่รู้ว่าหญ้าเสวียนซินคืออะไร นางรู้แค่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงพูดถูกทุกอย่าง
เด็กสาวแข้งขาอ่อนแรงจนเกือบจะทรุดลงไปที่พื้น นางกัดปากอย่างโมโหแล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “แค่พวกนางตั้งใจจะทำร้ายข้าก็ยังไม่พอ! ถ้าพวกนางทำให้อาการของเสด็จพ่อแย่ลง เสด็จพ่อจะต้องสิ้นพระชนม์แน่!”
“องค์หญิง ข้าน้อยบอกแล้วว่าคนพวกนั้นมีเจตนาไม่ดี พวกเขาต้องการพระองค์พบเจอกับเรื่องเลวร้าย!” องครักษ์ที่อยู่ข้างองค์หญิงพูดอย่างขมขื่นขณะที่รับเข้าไปช่วยพยุงองค์หญิงขึ้น
คนพวกนั้นก็เหมือนฝูงหมาในและไฮยีนา ตั้งแต่ที่ฝ่าบาทประชวร พวกนางก็ปฏิบัติกับองค์หญิงแบบนี้และไม่ต้องการอะไรมากกว่าการผลักในนางไปตาย! ในฐานะที่เป็นข้ารับใช้ผู้ภักดี พวกเขาจะไม่เดือดดาลได้อย่างไร
“ขอบคุณมาก” เด็กสาวยืนขึ้น “ท่านไม่ได้แค่ช่วยข้าไว้ก่อนหน้านี้ แต่ยังบอกว่าที่หุบผาหลิงชวนไม่มีหญ้าเสวียนซินด้วย ไม่อย่างนั้นข้าเกรงว่าข้าคงเข้าไปลึกกว่านี้ จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามชื่อท่านเลย ข้าชื่อมู่เสวี่ยซิน”
“อวิ๋นลั่วเฟิง” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบพร้อมรอยยิ้มบาง
มู่เสวี่ยซินมึนงง เป็นเรื่องยากกว่านางจะเรียนรู้วิธีรักษาเสด็จพ่อ แต่กลายเป็นว่าเป็นเรื่องหลอกลวงที่คนพวกนั้นสร้างขึ้นเพื่อทำร้ายนาง