ตอนที่ 1834 ช่างตีเหล็กชรา (3)
ช่างตีเหล็กชราตะลึงแล้วหันมามองฉีซู “ซูเอ๋อร์ นายหญิงของเจ้า…เป็นแพทย์งั้นหรือ”
“นางไม่ได้เป็นแค่แพทย์แต่นางยังเป็นอัจฉริยะอีกด้วย ถ้านางยินดีรักษาท่านป้าก็ให้นางดูอาการเถอะท่านลุง นางอาจหาทางรักษาท่านป้าได้”
เขาเชื่อมั่นในตัวอวิ๋นลั่วเฟิง คนที่มีตำรับน้ำยาผสานฌานอย่างนางจะมีอะไรทำไม่ได้อีกบ้าง
“ก็ได้!” ช่างตีเหล็กชราตื่นเต้น “ท่านป้าของเจ้าอยู่ด้านในเพื่อให้สะดวกต่อการดูแล แม่นางอวิ๋น ได้โปรดตามข้ามา”
หลังจากที่ช่างตีเหล็กชราเดินเข้าไปในร้าน อวิ๋นลั่วเฟิงก็เดินตามเข้าไป เมื่อมาถึงด้านในนางก็ได้ยินเสียงไอ นั่นทำให้นางขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะเดินเข้าไปในห้องโถง
ภายในห้องโถงปรากฏเตียงหลังหนึ่ง บนเตียงมีสตรีคนหนึ่งนอนอยู่ด้วยใบหน้าซีดไร้สีเลือด นางได้ยินบทสนทนาที่เกิดขึ้นด้านนอก ดังนั้นนางจึงไม่แปลกใจเมื่อเห็นฉีซูและฉีหลิง
“ซูเอ๋อร์ หลิงเอ๋อร์ เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว…”
พวกเขาจะได้ไม่ห่วงเด็กทั้งสองคนอีก
“ท่านป้า ไม่ต้องพูดขอรับ” ฉีซูรีบวิ่งไปที่เตียงด้วยดวงตาแดงก่ำแล้วกุมมือนางเอาไว้ “ให้แม่นางอวิ๋นดูอาการท่านเถอะขอรับ”
สตรีที่นอนอยู่บนเตียงพูดขึ้น “ข้าต้องรบกวนแม่นางอวิ๋นแล้ว”
ช่างตีเหล็กชราไม่มีบุตร พวกเขาจึงดูแลฉีซูและฉีหลิงเหมือนบุตรแท้ๆ อาการป่วยของนางเกิดขึ้นเพราะนางเป็นห่วงฉีซูและฉีหลิง จนทำให้เป็นโรควิตกกังวลเรื้อรัง ยิ่งไปกว่านั้นนางยังไม่เคยได้รับการรักษาใดเลยจึงส่งผลให้อาการแย่ลง ถ้าฉีซูไม่กลับมา นางคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน
“นางไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร” อวิ๋นลั่วเฟิงมองนางแล้ววินิจฉัยออกมา “ฉีซู ตอนนี้ข้ามีสมุนไพรสองสามต้น เจ้านำพวกมันไปต้มก็สามารถรักษานางได้แล้ว”
ช่างตีเหล็กชราอ้าปากกว้างด้วยความตะลึง “แม่นางอวิ๋น ข้าจะให้ท่านใช้สมุนไพรตัวเองได้อย่างไร ท่านแค่บอกตำรับยามาก็พอ เดี๋ยวข้าจะไปซื้อมาเอง”
“ประการแรก ตระกูลฉีกดขี่เจ้า และร้านโอสถทั้งหมดในเมืองจักรพรรดิก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา เจ้าจะไปซื้อสมุนไพรมาได้อย่างไร” อวิ๋นลั่วฟิงเหลือบมองช่างตีเหล็กชรา “ประการที่สอง เจ้ายกร้านให้ข้าโดยไม่คิดเงิน ดังนั้นการมอบสมุนไพรสองสามต้นให้เจ้าจะเป็นไรไป”
ช่างตีเหล็กชราเงียบไปทันที เขารู้ดีกว่าอวิ๋นลั่วเฟิงพูดถูก ตระกูลฉีไม่มีทางขายสมุนไพรให้เขา แต่ต่อให้พวกเขาขาย ก็ต้องขายให้เขาด้วยราคาแพงหูฉี่แน่นอน! ที่สำคัญเขาไม่มีเงินเหลือ ไม่อย่างนั้นก็คงเชิญแพทย์มารักษาภรรยาตัวเองแล้ว
“อีกอย่าง” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุด “ทักษะตีเหล็กของเจ้าค่อนข้างเก่งกาจ ข้าจึงอยากรู้ว่า เจ้ายินดีมาทำงานกับข้าหรือไม่”
ในเมื่อนางต้องการใช้หุ่นเชิดควบคุมแคว้นเฟิงอวิ๋น นางก็จำเป็นต้องมีหุ่นเชิดจำนวนมากซึ่งนางไม่สามารถสร้างด้วยตัวคนเดียวได้ นางไม่อาจใช้เวลาสร้างหุ่นเชิดนานเกินไป
แน่นอนว่าหุ่นเชิดแตกต่างจากน้ำยาผสานฌาน นางให้ฉีซูทำน้ำยาผสานฌานได้แต่นางต้องผลิตหุ่นเชิดด้วยตัวเอง ดังนั้นเลยตั้งใจจะให้ช่างตีเหล็กชราหลอมชิ้นส่วนทั่วไปให้ ส่วนการประกอบขั้นสุดท้ายจะต้องผ่านมือนางเพื่อทำให้หุ่นเชิดทำงาน! นี่คือจุดประสงค์ที่นางช่วยช่างตีเหล็กชรา!
“แน่นอนว่า ข้าจะให้เบี้ยเลี้ยงเจ้าอย่างงาม” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแล้วพูดช้าๆ
เมื่อเห็นชายชรายังคงตกตะลึง ฉีซูก็วิตกจนรีบพูดขึ้นว่า “ท่านลุง รีบตอบรับข้อเสนอของแม่นางอวิ๋นเถอะ อีกอย่างท่านห้ามบอกคนอื่นว่าแม่นางอวิ๋นเป็นเจ้านายของข้านะขอรับ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้แม่นางอวิ๋นเจอเรื่องวุ่นวายได้”
ตอนที่ 1835 ช่างตีเหล็กชรา (4)
ช่างตีเหล็กชราพลันได้สติแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยสายตาซาบซึ้ง “ขอบคุณมาก แม่นางอวิ๋น ถ้าไม่ได้ท่าน พวกเราก็คง…” เขาน้ำตาไหลแล้วสะอึกสะอื้นด้วยแรงอารมณ์
“ในเมื่อฉีซูเป็นผู้ติดตามของข้า ข้าก็ต้องทำให้มั่นใจว่าเขาจะทำงานให้ข้าโดยไม่จำเป็นต้องห่วงคนในครอบครัว”
นางยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ช่วยช่างตีเหล็กชรา นั่นคือฉีซูจะได้ไม่ต้องวิตกกังวลแล้วทุ่มเททำงานให้นาง
…
หลังจากแก้ปัญหาเรื่องร้านได้แล้ว อวิ๋นลั่วเฟิงก็เริ่มเตรียมเปิดกิจการ
ตลอดสามเดือนนี้ไม่มีวันไหนเลยที่ฉีซูทำตัวไร้สาระและปล่อยเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะว่ามีแต่น้ำยาผสานฌานนี้เท่านั้นที่ทำให้พวกเขาสามารถเปิดร้านได้อย่างรวดเร็ว
แต่ฉีซูก็สังเกตเห็นว่าฉีหลิงกังวลเรื่องบางอย่างอยู่ หลายวันมานี้นางขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลาและดูไม่ร่าเริง
ตอนแรกเขาคิดว่าฉีหลิงไม่สบายจึงไปเชิญอวิ๋นลั่วเฟิงมาตรวจร่างกายนาง แต่พออวิ๋นลั่วเฟิงได้เจอฉีหลิง นางก็รู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยกำลังมีบางอย่างกวนใจอยู่ แม้ฉีซูจะถามนางอยู่หลายครั้ง ฉีหลิงก็ทำแค่ส่ายหน้ากลับมาแต่ไม่พูดอะไร สุดท้ายเขาจึงทำได้แค่ปล่อยวาง
วันหนึ่งตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงเดินออกจากร้าน ฉีซูก็เดินจูงมือฉีหลิงตามนางออกมาด้วย “แม่นางอวิ๋น ร้านจะเปิดในอีกสองวัน เหตุใดพวกเราไม่ออกไปฉลองกันสักหน่อยล่ะขอรับ”
ก่อนหน้านี้ที่นครเฟิงหลิน ฉีซูขายสมุนไพรทั้งหมดในร้านออกไปได้ก็เพราะชื่อเสียงของน้ำยาผสานฌาน ฉีซูไม่ได้ให้เงินจำนวนนี้แก่ตระกูลฉีและเก็บเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงสามารถเลี้ยงอาหารอวิ๋นลั่วเฟิงได้
อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ก็ได้ พวกเราไปกันเถอะ”
ฉีซูยิ้ม “ข้ารู้จักโรงเตี๊ยมที่มีอาหารดีๆ ในเมืองจักรพรรดิ น่าเสียดายที่การจะจองห้องส่วนตัวที่นั่นได้เป็นเรื่องยาก ดังนั้นข้าจึงทำได้แค่พาแม่นางอวิ๋นไปนั่งที่โต๊ะธรรมดาในร้าน”
“ไม่เป็นไร” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ นางไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้
“ที่สำคัญ…” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดก่อนจะเหลือบมองฉีหลิง “เจ้าควรพาฉีหลิงออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้างเพื่อให้นางหายเบื่อ”
ถึงอย่างไรฉีหลิงก็เป็นเด็กผู้หญิงอายุห้าปีที่พึ่งประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ดังนั้นการที่นางจะเศร้าซึมไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อีกอย่าง ในใจอวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกชอบเด็กผู้หญิงคนนี้อยู่เหมือนกัน
ฉีหลิงดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดออกมาไม่ได้
“ฉีซู” เมื่อนางเห็นว่าฉีหลิงต้องการจะพูดบางอย่าง นางก็เลยพูดขึ้นว่า “เจ้าปล่อยให้ข้ากับฉีหลิงพูดคุยกันตามลำพังได้หรือไม่”
ฉีซูแปลกใจ แต่เขาก็รู้ว่าช่วงนี้ฉีหลิงดูไม่ค่อยปกติ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธคำขอของนาง
“เข้าใจแล้ว ข้าจะมุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยมหลงเฟิงก่อน เสี่ยวหลิงรู้ทางไปอยู่แล้ว เมื่อพวกท่านคุยกันเสร็จแล้วก็ไปหาข้าที่นั่นแล้วกัน”
พูดจบเขาก็มองเสี่ยวหลิงอย่างกังวล แต่สุดท้ายเขาก็หันหลังแล้วเดินออกไป ความไม่สบายใจเกี่ยวกับเสี่ยวหลิงของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับอวิ๋นลั่วเฟิง เขาแค่กังวลว่าฉีหลิงจะเก็บบางอย่างไว้ในใจแล้วไม่ยอมบอกเขา
“พี่ชายเจ้าไปแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงก้มมองฉีหลิงแล้วถามว่า “สองสามวันนี้เจ้าดูเหม่อลอย เจ้ามีอะไรอยากพูดกับข้าหรือไม่”
ฉีหลิงกัดปากแน่นแล้วก้มหน้า “ข้า…หลังจากที่ท่านพี่อยู่ในเมืองจักรพรรดิอย่างมั่นคงแล้ว ข้าก็อยากเดินทางไปที่ป่าบททดสอบสวรรค์เจ้าค่ะ ดังนั้น…อาจารย์ ท่านพาข้าไปด้วยได้ไหมเจ้าคะ”
ที่จริงแล้วต่อให้ฉีหลิงไม่ได้พูดเรื่องนี้ อวิ๋นลั่วเฟิงก็ตั้งใจจะไปที่ป่าด้วยตัวเองอยู่แล้ว นางตั้งใจจะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานภายในใจตน และตามหาความจริงว่าอวิ๋นเยว่ชิงคือคนคนเดียวกับไป๋หลิงหรือไม่!