ตอนที่ 1840 ฉีหลิงไม่ได้เป็นขยะ (3)
เจียวเคอและพี่ชายมีสีหน้าดูไม่ได้
เด็กชายที่โดนโจมตีเป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเขา ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้แย่ที่สุดเหมือนกัน! พวกเขาไม่คิดเลยว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาจะแพ้ให้กับฉีหลิง
ฉีหลิงอายุเพียงห้าปี! ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อปีที่แล้วนางยังเป็นแค่ขยะอยู่เลย!
ถูกต้อง เมื่อปีที่แล้ว! ตอนนั้นฉีหลิงเป็นแค่ขยะจริงๆ แต่สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือพวกเขาไม่เจอนางแค่ปีเดียว ตอนนี้นางสามารถฝึกพลังฌานได้แล้ว
ทันใดนั้นทุกคนก็หันไปมองวิ๋นลั่วเฟิง ถ้าฉีหลิงสามารถฝึกพลังฌานได้ก็หมายความว่าฉีซูพูดความจริง สตรีผู้นี้เป็นอาจารย์ของฉีหลิงจริงหรือ
ความคิดของเจียวเชาหยุดลงตรงนี้ เขารู้ว่าอวิ๋นเยว่ชิงหายตัวไปเพราะนางออกไปตามหายามาให้ฉีหลิง ตอนนี้ฉีหลิงก็สามารถฝึกพลังฌานได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าอวิ๋นเยว่ชิงกลับมาแล้วหรอกหรือ
ยิ่งไปกว่านั้น…เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงดูคุ้นเคยนัก นางยังมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับอวิ๋นเยว่ชิง!
ความคิดนี้ทำให้เจียวเชาชะงักแล้วยิ่งทำสีหน้าดูไม่ได้
“ไสหัวไป!”
เห็นได้ชัดว่าเจียวเคอไม่ได้รับรู้อะไรทั้งนั้น นางรีบเดินเข้าไปแล้วยกขาเรียวบางของนางเพื่อเตะฉีหลิงอย่างแรง ตอนนั้นเองก็มีแขนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้างแล้วจับขานางไว้แน่น
เจียวเคอตะลึง นางเห็นว่าเมื่อกี้อวิ๋นลั่วเฟิงยืนอยู่ข้างฉีซู ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงมาปรากฏที่ข้างตัวนางได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นลั่วเฟิงยังไม่ให้โอกาสนางได้ตอบสนองอีกด้วย
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่อยากมีขาไว้ใช้งานแล้ว ถ้าอย่างนั้น…” อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา
หลังจากนั้น…เสียงกระดูกหักก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน แล้วเสียงต่อจากนั้นก็คือเสียงกรีดร้องบาดหัวใจด้วยความทรมานของเจียวเคอ
“อ๊า! ขาข้า ขาข้า!”
ปัง!
แค่ออกแรงผลัก เจียวเคอก็ร่วงลงบนพื้นด้วยสีหน้าซีดเผือดแล้วจับขาของนางที่อวิ๋นลั่วเฟิงพึ่งหักไปแน่น
นี่…เรื่องนี้จะน่าตกใจเกินไปแล้ว! น่าตะลึงมากจนไม่มีใครได้ทันตั้งตัว!
ฉีซูตกใจกับความสามารถก่อนหน้านี้ของฉีหลิง อวิ๋นลั่วเฟิงเร็วกว่าเขาและสั่งสอนเจียวเคอไปแล้ว แต่เขารู้สึกว่าการหักขานางข้างเดียวยังน้อยเกินไป! ในอดีตนางพยายามหาคนมาทำให้ฉีหลิงมีมลทิน!
ตอนนั้นฉีหลิงเป็นแค่เด็กอายุสี่ปี! แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะแก้แค้นและเขาจะจัดการล้างหนี้กับนางทีละอย่างในอนาคต
“อาจารย์”
ฉีหลิงลุกออกจากตัวเด็กชายแล้วมายืนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างมั่นคง ขนตายาวของนางขยับขึ้นลงราวกับตุ๊กตาทำให้คนอื่นรู้สึกเอ็นดู
“เจ้าไม่ได้บาดเจ็บใช่หรือไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงถามด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก
ฉีหลิงส่ายหน้า “ในเมื่อพวกเขารังแกอาจารย์ พวกเขาทุกคนก็เป็นคนไม่ดี!”
อวิ๋นลั่วเฟิงอุ้มฉีหลิงขึ้นมา ถึงแม้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะอายุยังน้อย แต่หลังจากที่อุ้มนางขึ้นมาอวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกได้ว่าฉีหลิงตัวค่อนข้างหนัก เห็นได้ชัดว่าฉีซูไม่ได้ปล่อยให้ฉีหลิงลำบากแม้ว่าพวกเขาจะโดนไล่ออกจากตระกูลฉี
“เคอเอ๋อร์!”
ในที่สุดเจียวเชาก็ตอบสนองแล้วตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล “ฉีซู ท่านพ่อของข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ เจ้ากล้าทำให้เคอเอ๋อร์บาดเจ็บ รอก่อนเถอะ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็สั่งให้ผู้ติดตามพาเจียวเคอออกไป ตอนนี้เขาตะลึงเรื่องของฉีหลิงและยังคิดว่าอวิ๋นเยว่ชิงกลับมาแล้ว แต่ว่าถ้าอวิ๋นเยว่ชิงกลับมาแล้วจริงๆ ตระกูลฉีจะไม่เกิดเรื่องอะไรเลยได้อย่างไร ดังนั้นดูจากการที่ฉีหลิงฝึกพลังฌานได้แล้ว เขาคิดว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี้นางน่าจะบังเอิญมีโชคเท่านั้น
ส่วนเรื่องความคล้ายคลึงของอวิ๋นลั่วเฟิงกับอวิ๋นเยว่ชิง…ก็ไม่ใช่ว่าโลกใบนี้จะไม่มีคนหน้าตาคล้ายกันเลย ดังนั้นเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่!
“ฉีซู พวกเราไปกันเถอะ ฉีหลิงคงหิวแย่แล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงอุ้มฉีหลิงเข้าโรงเตี๊ยม
ความอยากอาหารของฉีซูไม่ได้ลดลงจากการปรากฏตัวของเจียวเชาและน้องสาวของเขา แต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เย็นชาและดุร้ายขณะที่เดินตามหลังอวิ๋นลั่วเฟิงไปเงียบๆ
…………………………
ตอนที่ 1841 ฉีหลิงไม่ได้เป็นขยะ (4)
ตระกูลฉี
ภายในสวนขนาดใหญ่มีสตรีงดงามผู้หนึ่งเดินอยู่โดยมีเด็กสาวที่อายุพอๆ กับฉีซูเดินอยู่เคียงข้าง
กลุ่มบ่าวรับใช้คอยเดินตามหลังในขณะที่นางเดินมองดอกไม้และต้นไม้ในสวนด้วยท่าทางราวกับตัวเองเป็นจักรพรรดินีที่กำลังเดินเยี่ยมราษฎร
“ใครเป็นคนปลูกต้นไม้พวกนี้ที่นี่”
“เรียนฮูหยินรอง ต้นไม้พวกนี้ฮูหยินใหญ่เป็นคนปลูกด้วยตัวเองทั้งหมดเจ้าค่ะ”
คำที่เรียกนางว่า ‘ฮูหยินรอง’ ทำให้สตรีงามผู้นี้ไม่พอใจแล้วขมวดคิ้ว “เร็ว รีบโค่นต้นไม้พวกนี้ซะ พวกมันรกหูรกตาเหลือเกิน”
“แต่ว่า นี่เป็นต้นไม้ที่ฮูหยินใหญ่ชอบ…” พ่อบ้านคนหนึ่งตอบอย่างสงวนท่าที
ตอนนั้นเองฉีเจิ้งและฉีมั่วก็เดินมาถึงสวนแล้วได้ยินคำพูดของพ่อบ้านผู้นี้พอดี ฉีมั่วก็โกรธจัดทันที “เจ้าไม่ได้ยินที่ฮูหยินรองสั่งหรอกหรือ เร็ว รีบโค่นต้นไม้พวกนี้ซะ พวกมันรกหูรกตา!”
พ่อบ้านผู้นี้ตะลึงงัน นายน้อยฉีมั่วเป็นบุตรของฮูหยินใหญ่ไม่ใช่หรือ เหตุใดเขาถึงต้องพูดเอาใจอนุคนหนึ่งด้วย ยิ่งไปกว่านั้น…ผู้นำตระกูลไม่ได้แค่แอบมีสตรีอยู่ข้างนอกอย่างลับๆ แต่ยังมีบุตรสาวนอกสมรสคนหนึ่งที่ปกปิดไว้นานหลายปี! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พ่อบ้านผู้นี้ก็นึกโกรธแค้นแทนในความอยุติธรรมที่หลินฉิงได้รับ
เขาเคยได้รับการช่วยเหลือจากหลินฉิงครั้งหนึ่ง จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะเข้าข้างนาง แต่ว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เขากลับไม่สามารถพูดออกมาได้เลยสักคำเดียว
“นายท่านเจ้าคะ” สตรีงดงามผู้นี้แสดงท่าทางโศกเศร้าแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาแทบจะทันที นางเอนตัวพิงฉีเจิ้งอย่างอ่อนแรงและดูบอบบางก่อนจะร้องไห้อย่างสงสาร
“ข้ารู้ว่าข้าเป็นสตรีที่ท่านเก็บซ่อนไว้นอกบ้านหลายปีและคนเหล่านี้ก็ต้องอยู่ข้างพี่หญิงแน่ๆ ข้าไม่ได้ปรารถนาจะแย่งชิงอะไรแล้วยอมยกบุตรชายที่ข้าคลอดออกมาให้นาง เหตุใดนางถึงทำกับข้าแบบนี้เจ้าคะ ข้าทำอะไรผิดกันแน่”
ยอมแม้กระทั่งยกบุตรชายตัวเองให้งั้นหรือ
คำพูดของสตรีงดงามผู้นี้ทำให้ทุกคนตะลึงแล้วไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร
ในเมื่อฉีเจิ้งยอมพาครอบครัวนอกสมรสของเขาเข้ามา เขาก็ไม่คิดจะปิดบังเรื่องตัวตนของฉีมั่วอีกต่อไป เขากระแอมแล้วพูดขึ้นว่า “ประกาศเรื่องนี้ออกไปให้ทุกคนรู้ ฐานะของฮูหยินรองในจวนนี้เป็นรองแค่ข้าเท่านั้น อีกอย่างนางยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดฉีมั่วอีกด้วย”
ทุกคนรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าจนโง่งม ฉีมั่วเป็นบุตรชายของฮูหยินรองงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นบุตรของฮูหยินใหญ่ล่ะ
“เมื่อปีนั้น บุตรของฮูหยินใหญ่ตายทันทีหลังคลอด และเพื่อปลอบใจนาง ข้าจึงไม่มีวิธีอื่นนอกจากทำให้เฟยเฟยต้องแยกจากบุตรชายของนาง หลายปีมานี้ข้าติดหนี้พวกเขามามาก และตอนนี้ข้าก็ตั้งใจจะชดใช้ให้นางด้วยการพานางเข้ามาในจวน”
อะไรนะ ทุกคนยิ่งตะลึงหนักขึ้นไปอีก
เมื่อปีนั้น ทั้งฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองคลอดบุตรพร้อมกัน แต่บุตรของฮูหยินใหญ่ตายทันทีที่คลอดดังนั้นเขาจึงพาบุตรของฮูหยินรองมาแทนที่งั้นหรือ
ฉีเจิ้งไม่มีทางบอกคนอื่นว่าเขาเป็นคนบีบคอบุตรชายที่พึ่งเกิดของตัวเองจนตายอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะมีเหตุผลที่ทำอย่างนั้น เขาก็ย่อมโดนสังคมประณามอยู่ดี
“มั่วเอ๋อร์” ฉีเจิ้งขมวดคิ้ว “สตรีผู้นั้นอยู่ที่ไหน ข้าไม่ได้บอกให้ปล่อยตัวนางออกมาเพื่อให้มาคำนับมารดาเจ้าหรอกหรือ เหตุใดนางถึงยังไม่อยู่ที่นี่”
การให้ฮูหยินใหญ่มาคำนับฮูหยินรองก็คงมีแค่ฉีเจิ้งคนเดียวที่ทำแบบนี้ ทุกคนเองก็มีศักดิ์ศรีและแม้แต่อนุที่พวกเขาตามใจนักหนาก็ไม่กล้าทำเกินขอบเขต! ฉีเจิ้งรู้สึกว่าตัวเองติดหนี้เจี่ยนเฟยเฟยมากเกินไป เขาตั้งใจจะทำให้นางได้รับความภาคภูมิใจเมื่อกลับมาที่จวน
อาณาจักรหลิวเฟิงมีกฎอยู่ว่าบุรุษจะแต่งงานใหม่ได้ก็ต่อเมื่อภรรยาเก่าเสียชีวิตเท่านั้น ถ้าภรรยายังไม่ตาย อนุคนใดก็ไม่มีสิทธิ์ได้ตำแหน่งสูงสุดทั้งนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่เจี่ยนเฟยเฟยเป็นได้แค่ฮูหยินรอง แต่เพราะนางมีฉีเจิ้งปกป้อง ฐานะของเจี่ยนเฟยเฟยจึงอยู่เหนือกว่าหลินฉิง
เมื่อเป็นแบบนี้ฉีมั่วก็จะเป็นได้แค่บุตรชายของฮูหยินรอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีผลอะไร ไม่มีใครออกกฎว่าทรัพย์สมบัติของตระกูลจะต้องยกให้บุตรชายของฮูหยินใหญ่เท่านั้น ตราบใดที่ผู้นำตระกูลต้องการ เขาอยากจะยกให้ใครก็ได้