ตอนที่ 1842 ฉีหลิงไม่ได้เป็นขยะ (5)
เพราะอคติที่มีต่อบุตรชายของฮูหยินใหญ่หรืออนุไม่ได้เด่นชัดมากนักในแคว้นเฟิงอวิ๋น บุตรของอนุจะไม่โดนดูถูกเหยียดหยามถ้าพวกเขาไม่ได้ล้มเหลวหรืออ่อนแอ!
เพราะความเห็นแก่ตัวของฉีมั่ว เขาไม่มีทางยอมให้มารดาของเขาเป็นแค่ฮูหยินรอง
“ท่านพ่อ สตรีผู้นั้นบอกว่านางรู้สึกไม่สบายจึงมาไม่ได้” ฉีมั่วตอบอย่างเย็นชา
“อะไรนะ” เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ฉีเจิ้งก็เดือดดาลทันที “นางกล้าไม่สนใจเรื่องนี้จนถึงขนาดขัดคำสั่งข้างั้นหรือ”
เจี่ยนเฟยเฟยอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของฉีเจิ้งโดยไม่สนใจใคร “นายท่าน ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรนางก็เป็นภรรยาของท่าน ส่วนข้าก็เป็นแค่อนุ จะดีกว่าถ้าพวกเราไม่บังคับให้นางมายกน้ำชาให้ข้า ถ้าคนอื่นรู้เข้า พวกเขาต้องคิดว่าท่านตามใจอนุจนละเลยภรรยา ข้าไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจท่านผิดไปแบบนั้นเจ้าค่ะ”
เจี่ยนเฟยเฟยทำตัวเหมือนตัวเองต้องทุกข์ทรมานจากความโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวง
หัวใจของฉีเจิ้งเจ็บปวด แต่ว่าที่นี่คือเมืองจักรพรรดิไม่ใช่นครเฟิงหลิน ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูเจ้าเมือง จะต้องส่งผลต่อพระสนมฉินแน่นอน
ถึงแม้ว่าองค์ชายน้อยจะเป็นบุตรชายคนเดียวของจักรพรรดิ แต่ฝ่าบาทก็ยังมีลูกพี่ลูกน้องอีกไม่ใช่หรือ แม้ว่าเรื่องที่เขาขายฉีหลิงจะยังไม่มีใครในเมืองจักรพรรดิที่รู้เรื่องก็ตาม
“ท่านพ่อ” เด็กสาวที่อยู่ข้างฉีเจิ้งรีบพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “ข้าไม่คิดว่าการที่ให้ หลินฉิง สตรีผู้นั้นมาคำนับท่านแม่จะเป็นเรื่องผิดอะไร นางต้องรับผิดชอบที่ทำให้ท่านแม่ตกต่ำ”
“เล่อเอ๋อร์ หยุดพูด!” เจี่ยนเฟยเฟยหน้าซีดเผือดขณะที่รีบตำหนิฉีเล่อ
“ไม่ ข้าต้องพูดเจ้าค่ะ!” ฉีเล่อยังคงทำสีหน้าเดือดดาล “ประการแรก นางขโมยสิทธิ์ที่ท่านแม่จะได้อยู่เคียงข้างท่านพ่อไป ทั้งนางยังขโมยความสัมพันธ์ทางสายเลือดของพี่ใหญ่กับท่านแม่ไปด้วย! หลายปีมานี้ ท่านแม่ได้แต่มองห้องที่ว่างเปล่าด้วยน้ำตานองหน้าก็เพราะนาง! ข้าพยายามชักชวนให้ท่านแม่มาหาท่านพ่อหลายครั้งแต่นางก็ปฏิเสธอย่างดื้อรั้นแล้วบอกว่าหลินฉิงเป็นสตรีขี้อิจฉาและไม่ยอมรับการมีอยู่ของนาง ท่านแม่ยอมทุกข์ทรมานจากความเศร้าเหล่านี้ดีกว่าทำให้ท่านพ่อเดือดร้อน!”
“ท่านแม่รู้ดีว่าอะไรเหมาะสมแล้วนางล่ะ ถ้านางใส่ใจท่านพ่อจริงๆ นางก็ควรจะรับสตรีที่ท่านรักได้สิ!” ฉีเล่อกัดฟันแล้วทำราวกับว่าหลินฉิงเป็นแค่อนุ “ยิ่งไปกว่านั้น นางยังทำให้ท่านแม่อยู่ในฐานะน่าอดสู่แบบนี้ ไม่ใช่ว่านางควรจะมาคำนับท่านแม่เพื่อขอโทษหรอกหรือ”
“เล่อเอ๋อร์!” เจี่ยนเฟยเฟยห้ามนางอีกครั้ง
แน่นอนว่าถ้านางตั้งใจจะห้ามฉีเล่อจริงๆ นางก็คงปิดปากฉีเล่อไม่ให้พูดไปแล้ว แต่ว่านางกำลังรอให้ฉีเล่อพูดจบก่อนถึงจะตำหนินาง
“ฉีมั่ว!” ฉีเจิ้งโมโหเพราะคำพูดของนางแต่ว่าความโกรธของเขาไม่ได้มีให้ฉีเล่อแต่มีให้หลินฉิง
“ลากผู้หญิงคนนั้นมาคำนับแล้วขอโทษมารดาเจ้าที่นี่! แม้ว่านางจะป่วยจนตายแต่ตราบใดที่นางมีลมหายใจก็ต้องลากนางมาที่นี่ให้ได้!”
ถ้าคนอื่นมาเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็คงคิดว่าหลินฉิงทำเรื่องที่ไม่น่าอภัยต่อพวกเขาจนถึงขนาดที่นางจำเป็นต้องมาขอโทษแม้ว่านางจะป่วยหนัก!
“เข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะพานางมาเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉีเจิ้ง รอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขั้นบนใบหน้าของฉีมั่ว เขาส่งสัญญาณมือที่แสดงถึงชัยชนะให้น้องสาวของเขา แล้วไม่นานก็เดินไปที่สวนด้านหลัง
“เฟยเฟย พวกเราไปรอนางที่ห้องโถงเถอะ” ฉีเจิ้งกุมมือของเจี่ยนเฟยเฟย เมื่อเห็นว่ารูปร่างของนางยังคงอรชรอ้อนแอ้นดังเดิม เขายิ่งมองก็ยิ่งชื่นชอบนางมากขึ้น “หลายปีมานี้เจ้าต้องทรมานจากความเสียใจไปมาก เจ้าเลี้ยงเล่อเอ๋อร์มาอย่างยากลำบากแต่ข้าก็ไม่สามารถไปหาเจ้าได้แม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้ข้าทำได้แค่พาคนที่ทำผิดมาขอขมาเจ้า แต่เจ้าจะยกโทษให้นางหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้าเลย”
…………………………
ตอนที่ 1843 ฉีหลิงไม่ได้เป็นขยะ (6)
หลังจากที่พูดจบ ฉีเจิ้งก็พาเจี่ยนเฟยเฟยและบุตรสาวเข้าไปในห้องโถงแล้วให้พวกนางนั่งอยู่ด้านบนขณะที่รอผู้กระทำผิดปรากฏตัว
ไม่นานหลังจากนั้น สตรีผู้หนึ่งก็โดนฉีมั่วลากเข้ามาด้วยสีหน้าซีดเผือด ใบหน้าซีดขาวของนางบ่งบอกว่ากำลังป่วยหนัก ทั้งยังเดินโซเซจนดูเหมือนว่านางสามารถล้มลงได้ทุกเมื่อ
ฉีเจิ้งไม่ได้รู้สึกสงสารนางเลยแม้แต่น้อย แล้วยังเชื่อด้วยว่านางได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้แล้ว
“หลินฉิง คุกเข่าต่อหน้าเฟยเฟย!” ฉีเจิ้งตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง
ร่างกายของหลินฉิงสั่นแล้วกัดปากแน่น “เหตุใดข้าต้องคุกเข่าให้อนุ”
“เพราะว่าเจ้าขโมยบุตรชายของเฟยเฟย ฉกฉวยความรักและการเอาใจใส่ที่ควรเป็นของนางไป!” เขาพูดเหมือนว่าหลินฉิงเป็นคนขโมยตัวฉีมั่วมา แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนเอาบีบคอบุตรชายของหลินฉิงจนตาย แล้วเอาตัวฉีมั่วมาแทนที่ แต่สุดท้ายเขาก็โยนความผิดให้หลินฉิง
ร่างกายของนางสั่นแรงขึ้น ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเหตุใดฉีมั่วถึงไม่สำนึกบุญคุณไม่ว่านางจะดูแลเขาดีแค่ไหน
ที่แท้…ฉีมั่วก็ไม่ได้เป็นบุตรชายของนาง! บุตรที่นางดูหลายมาตลอดหลายปีเป็นบุตรของคนอื่น! นางโดนหลอกมาตลอดแล้วตอนนี้มาถูกบังคับให้ขอโทษอย่างนั้นหรือ
“ฉีเจิ้ง ข้าหมดศรัทธาในตัวเจ้าแล้ว! หนึ่งปีที่แล้ว ตอนที่เจ้าไล่ซูเอ๋อร์กับหลิงเอ๋อร์ออกจากตระกูลข้าคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องไปทนลำบากอยู่ข้างนอกก็ยังดีกว่าต้องทรมานเพราะโดนทำให้อับอายอยู่ที่นี่ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้หยุดเจ้าหรือขอร้องแทนพวกเขา” ใบหน้าของหลินฉิงเต็มไปด้วยความขมขื่น “แต่ว่าข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าคิดที่จะขายฉีหลิงออกไป!”
นางยังจำฉากที่ฉีหลิงเข้ามากอดขานางแล้วร้องไห้ตอนที่ฉีหลิงโดนไล่ออกไปได้ แต่ว่านางอยากให้พวกเขาออกไปจากตระกูลฉีให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ช่วยเหลือบุตรสาว ทั้งยังไม่เอ่ยปากพูดกับนางแม้แต่คำเดียว
ตอนนั้นบุตรสาวของนางใจสลายอย่างที่สุด นางไม่มีทางลืมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของฉีหลิง ถ้านางรู้วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของฉีเจิ้ง นางต้องยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องบุตรทั้งสองของนางแน่นอน!
“เมื่อวานนี้ เจ้าบอกข้าว่าเจ้ามีสตรีอยู่ด้านนอกแล้วนางยังให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่งด้วย ข้ายังอนุญาตให้เจ้าพานางกลับมา” สีหน้าของหลินฉิงยิ่งโศกเศร้า “แต่ว่าเจ้ากลับทำตัวไร้มนุษยธรรมถึงขนาดนี้! ข้าดูแลบุตรชายนางมาหลายปีแต่เจ้ากลับบังคับให้ข้าขอโทษนางงั้นหรือ”
“สามหาว!” ฉีเจิ้งตบโต๊ะแล้วตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล “เจ้าใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญภายในบ้านทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านั้นควรเป็นคนอื่น แต่เจ้าไม่คิดจะขอโทษงั้นหรือ”
“ก็ได้ ในเมื่อเจ้าบอกว่าฉีมั่วไม่ใช่บุตรชายของข้าแล้วยังพาสตรีผู้นี้กลับมา แต่ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลฉีเป็นของที่อวิ๋นเยว่ชิงหามา ไม่ใช่ว่าเจ้าควรคืนของพวกนั้นทั้งหมดหรอกหรือ”
ฉีเจิ้งหรี่ตาที่มีประกายเย็นชาพาดผ่าน “อวิ๋นเยว่ชิงตายแล้วและข้าก็เป็นผู้นำตระกูล ดังนั้นของพวกนี้ทั้งหมดก็ต้องเป็นของข้า! ข้ายังไม่ได้ชำระหนี้แค้นกับเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าพูดถึงทรัพย์สมบัติของตระกูลฉีงั้นหรือ ที่จริงอวิ๋นเยว่ชิงมอบตำรับน้ำยาผสานฌานให้ฉีซูไม่ใช่หรือ เขาถึงกับกล้าขายตำรับยาให้องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉี! เขาขายบางอย่างที่ควรเป็นของมั่วเอ๋อร์ ไม่ใช่แค่เจ้าจะต้องขอโทษ แต่เจ้ายังต้องชดใช้หนี้ด้วย!”
หลินฉิงตัวแข็ง ตอนนี้เองที่นางรู้สึกว่านางต้องตาบอดแน่แล้ว ในอดีตนางโดนบุรุษเช่นนี้หลอกได้อย่างไรกัน
“ถ้าข้าปฏิเสธล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าโหดร้าย พวกเจ้า เตรียมน้ำชาให้ฮูหยินใหญ่!”
ข้ารับใช้คนหนึ่งเตรียมน้ำชาเอาไว้ที่ด้านหนึ่งของห้องแล้ว และเมื่อได้ยินคำสั่งของฉีเจิ้ง เขาเดินเข้ามาหาหลินฉิงทันที
“ฮูหยินใหญ่ นี่ขอรับ”
“เจ้า…” หลิงฉิงตัวสั่นด้วยความโกรธจนร่างของนางใกล้จะทรุดลงกับพื้น