ตอนที่ 1872 ใส่ร้าย (3)
“เสด็จพ่อ!”
มู่เจิ้นเทียนมองนางอย่างรักใคร่เหมือนเดิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคะนึงหา เมื่อเห็นเขามู่เสวี่ยซินก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองยังฝันอยู่
“เสวี่ยซิน พ่อขอโทษด้วยที่ปล่อยให้เจ้าลำบาก”
มู่เสวี่ยซินไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป นางพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของมู่เจิ้นเทียนแล้วระเบิดน้ำตาออกมา
“เสด็จพ่อ ท่านฟื้นแล้ว ดีจังเลยเพคะ ในที่สุดท่านก็ฟื้น ลูกคิดว่าลูกจะไม่ได้เจอเสด็จพ่ออีกแล้วเสียอีก”
นางต้องขอบคุณอวิ๋นลั่วเฟิงจริงๆ ! ถ้าไม่ใช่เพราะอวิ๋นลั่วเฟิง นางและเสด็จพ่อก็คงได้แต่ไปเจอกันบนสวรรค์แล้ว อวิ๋นลั่วเฟิงช่วยทั้งนางและเสด็จพ่อเอาไว้
พระสนมฉินยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตู เหงื่อเย็นไหลท่วมตัว ฝ่าเท้าของนางขยับไปไหนไม่ได้ราวกับว่ามีรากงอกมาฝังอยู่ในดิน
“พระสนมฉิน พระสนมไม่ได้บอกว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้วหรอกหรือ พระสนมยังบอกอีกว่าฝ่าบาทโดนองค์หญิงลอบปลงพระชนม์ไปแล้ว แต่ฝ่าบาทก็ยังมีชีวิตอยู่! พระสนมจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร” ขุนนางที่จงรักภักดีคนหนึ่งตะคอกอย่างไม่พอใจ
ใบหน้าของพระสนมฉินซีดเผือด ริมฝีปากของนางก็สั่นน้อยๆ นางวางแผนแต่ละขั้นตอนเอาไว้แล้ว แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าฝ่าบาทจะฟื้นขึ้นมาได้
ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!
ครั้งนี้ นางจบสิ้นแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของขุนนาง มู่เจิ้นเทียนก็จ้องหน้าพระสนมฉิน “พระสนมฉิน เจ้าอธิบายมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่ข้าป่วย เจ้ารังแกแก้วตาดวงใจของข้างั้นหรือ”
“ฝ่า…ฝ่าบาท…”
ตุบ
พระสนมฉินคุกเข่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา นางดูเสียใจและน่าเวทนา
“หม่อมฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเพคะ มีใครบางคนใช้หม่อมฉันเพื่อใส่ร้ายองค์หญิง หม่อมฉันบริสุทธิ์เพคะ”
หลังจากพูดจบ นางก็มองมู่เสวี่ยซิน “องค์หญิง หม่อมฉันถูกใครบางคนหลอกเพคะ ได้โปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วย”
นางกำลังขอความเมตตางั้นหรือ
มู่เสวี่ยซินยิ้มเยาะ นางทำช้าเกินไปหรือไม่
“พระสนมฉิน เจ้าบอกว่าเจ้าผิดไปแล้ว แต่เจ้าพยายามส่งข้าไปเป็นอนุของฉีมั่ว!”
ปัง!
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เสวี่ยซิน มู่เจิ้นเทียนก็เดือดดาลแล้วทุบกำปั้นลงบนเตียง ในเมื่อตอนนี้เขายังไม่หายดี หมัดของเขาจึงไม่มีแรงมากนัก แต่ก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัวจนสูดหายใจเฮือกด้วยความตื่นตระหนก
“ดูเหมือนว่าตอนที่ข้าป่วยจะมีหลายอย่างเกิดขึ้น แก้วตาดวงใจของข้ามีค่าแค่เป็นอนุคนหนึ่งงั้นหรือ”
ขณะที่เขาพูด พระสนมฉินก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ซึ่งทำให้นางเข่าอ่อนจนเกือบจะทรุดลงไปที่พื้น
“ฝ่าบาท…หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเพคะ ต้องมีใครบางคนใส่ร้ายหม่อมฉันแน่”
“อีกอย่าง…” มู่เสวี่ยซินยิ้มเยาะ “เจ้ายังกล่าวหาข้าต่อหน้าขุนนางว่าตอนที่เสด็จพ่อกำลังจะสิ้นพระชนม์ ข้าเอาแต่สนใจเรื่องรักใคร่กับฉีมั่ว และยังบอกอีกว่าข้าไปขอร้องให้เจ้ายอมให้ข้าแต่งงานกับเขา เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าข้าหลงรักบุรุษที่ชื่อฉีมั่ว”
เหงื่อเย็นๆ ไหลจากหน้าผากของพระสนมฉิน นางเกือบจะทรุดลงที่พื้นอยู่แล้ว แม้แต่ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเศร้าซึม
มู่เจิ้นเทียนกำหมัดแน่น เส้นเลือดเต้นตุบๆ อยู่บนหน้าผาก เขาอยากจะบีบคอนางให้ตาย
“เสวี่ยซินหมั้นกับฉีซู เจ้าคิดว่าฉีซูดีไม่เท่าฉีมั่วงั้นหรือ นางจะทิ้งฉีซูเพื่อเลือกฉีมั่วไปทำไม ขุนนางพวกนี้โง่หรือเจ้าโง่กันแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ขุนนางทุกคนก็เงียบสนิท
ฝ่าบาทหมายความว่าพวกเขาโง่สินะ! พวกเขาไม่ควรเชื่อคำพูดเหลวไหลของพระสนมฉินจริงๆ!
“ฝ่าบาท…”
ตอนที่ 1873 ใส่ร้าย (4)
พระสนมฉินพยายามจะแก้ตัวแต่มู่เสวี่ยซินก็ขัดนางขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอนที่เสด็จพ่อประชวรหนัก เจ้าบังคับให้ข้าไปที่หุบเขาหลิงชวนเพื่อตามหาสมุนไพรโดยไม่ส่งยอดฝีมือของราชวงศ์ไปปกป้องข้า โชคดีที่ข้าได้พบแม่นางอวิ๋นแล้วได้นางช่วยชีวิตเอาไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงตายอยู่ในหุบเขาหลิงชวนไปแล้ว”
มู่เจิ้นเทียนดูโกรธยิ่งกว่าเดิม เขาไม่คิดเลยว่าบุตรสาวที่เขารักมากที่สุดจะเกือบตายอยู่ในหุบเขาหลิงชวน
หุบเขาหลิงชวนเป็นที่ที่อันตรายมาก! ที่นั่นมีสัตว์วิญญาณอสูรแข็งแกร่งมากมาย ถ้าไม่มียอดฝีมือที่เก่งกาจคอยปกป้องแล้วนางจะออกมาจากที่นั่นอย่างปลอดภัยได้อย่างไร
พระสนมฉินพยายามจะไล่ให้บุตรสาวเขาไปตาย!
แต่ว่า…
มู่เจิ้นเทียนสนใจแม่นางอวิ๋นที่มู่เสวี่ยซินพูดถึง และรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของนาง ถ้าไม่ได้นาง แม้ว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเขาก็คงต้องแยกจากบุตรสาวไปชั่วชีวิต
“และอีกอย่าง…” มู่เสวี่ยซินพูดต่อราวกับว่าไม่เห็นสีหน้าที่ยิ่งซีดเผือดของพระสนมฉิน “สมุนไพรที่เจ้าพูดว่าอยู่ในหุบเขาหลิงชวนก็ไม่ได้มีอยู่ที่นั่น ตอนที่ข้ากลับมาโดยไม่มีสมุนไพร เจ้าก็ใส่ร้ายว่าข้าเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าเข้าไปในหุบเขาหลิงชวน และเรียกข้าว่าบุตรสาวอกตัญญู”
มู่เจิ้นเทียนหายใจเฮือกใหญ่ หัวใจของเขาเจ็บปวดราวกับถูกฉีกกระชาก ตลอดมาบุตรสาวเขาต้องทรมานแค่ไหน ถ้านางแข็งแกร่งไม่พอ นางก็คงไม่ทนมาถึงป่านนี้…
“พระสนมฉิน เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!” มู่เจิ้นเฉินหลับตา หลังจากผ่านไปสักพักจู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมา ประกายสังหารพาดผ่านดวงตาของเขา “ทหาร พาตัวพระสนมฉินออกไปแล้วทำให้นางสำนึกผิดกับการกระทำของตนเสีย”
เหตุใดฝ่าบาทที่ดูโกรธเคืองถึงแค่ออกคำสั่งให้นางไปสำนึกผิดแทนที่จะลงโทษ
ขุนนางบางคนรู้จักมู่เจิ้นเทียนดีก็ไม่ได้แปลกใจ พวกเขารู้สึกเย็นสันหลังวาบเพราะรู้ดีว่าฝ่าบาทต้องมีเหตุผลที่ไม่สังหารพระสนมฉินแแน่นอน
ทว่าพระสนมฉินไม่ได้คิดอย่างนั้น นางคิดว่าตัวเองต้องถูกประหารแน่ แต่นางกลับต้องแปลกใจที่นางโดนโทษเพียงให้สำนึกผิด และไม่แม้แต่จะโดนขังด้วยซ้ำ!
เรื่องนี้…ทำให้นางประหลาดใจจริงๆ!
ฝ่าบาทรักนางจริงๆ ใช่หรือไม่ เขาก็เลยยกโทษให้นาง
“เจ้าไปได้แล้ว ข้าจะอยู่ที่จวนองค์หญิงสักพัก” มู่เจิ้นเทียนโบกมือแล้วหลับตา
เขากลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถอดทนความอยากสังหารพระสนมฉินในตอนนี้ได้
ไม่นาน ขุนนางทั้งหมดก็กลับไป เหลือเพียงมู่เจิ้นเทียนและมู่เสวี่ยซินอยู่ในห้อง
“เสด็จพ่อเพคะ” มูเสวี่ยนซินยู่ปาก “พระสนมฉินมีเจตนาชั่วร้ายนะเพคะ ท่านพึ่งถูกนางวางยา นางเกือบจะสังหารท่านได้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นางอวิ๋น ท่านก็คงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น มู่เจิ้นเทียนก็ยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับอวิ๋นลั่วเฟิง “ดูเหมือนว่าพ่อควรจะไปขอบคุณแม่นางอวิ๋นจริงๆ เมื่อพ่อมีโอกาส พ่อจะไปขอบคุณนางด้วยตัวเอง”
มู่เสวี่ยซินร้อนใจ “เสด็จพ่อ ท่านก็รู้ว่าพระสนมทำเรื่องชั่วร้ายมากมาย เหตุใดท่านถึงยังปล่อยนางไปเพคะ”
“เสวี่ยซิน” มู่เจิ้นเทียนถอดหายใจอย่างสิ้นหวัง “นั่นก็เพราะว่าพ่ออยากรู้ว่าใครเป็นบิดาของมู่หราน!”
มู่หรานเป็นบุตรชายของพระสนมฉินและเป็นองค์ชายพระองค์เดียว
มู่เสวี่ยซินตะลึง เสด็จพ่อหมายความว่าอย่างไร
“มีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นก่อนที่พ่อจะล้มป่วย พ่อจึงรู้ว่าตัวเองเป็นหมันเพราะทำงานหนักเกินไป”
“แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามู่หรานจะไม่ใช่บุตรชายของเสด็จพ่อนี่เพคะ ไม่แน่เสด็จพ่ออาจมอบครรภ์มังกรให้นางก่อนที่จะประชวรก็ได้”
“เพราะอย่างนั้น…” มู่เจิ้นเทียนยิ้มบาง “พ่อก็เลยส่งคนไปแอบนำเลือดของเขามาและทำการตรวจสอบสายโลหิต ผลก็คือเขาไม่ใช่บุตรชายของพ่อ! แต่พ่อก็ดันล้มป่วยซะก่อนที่จะมีโอกาสได้สืบหาความจริง! ลูกคิดว่าพ่อจะปล่อยนางไปหลังจากที่นางสวมเขาให้พ่องั้นหรือ”