ตอนที่ 1876 คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ (3)
อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองนางอย่างเฉยชา “ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!”
ใบหน้าของพระสนมฉินเปลี่ยนเป็นโฉดร้ายทันที
ดี ดียิ่งนัก!
คนพวกนี้กล้าทำตัวดูถูกพระสนมอย่างข้างั้นหรือ
“เจ้าเป็นแค่สามัญชนแท้ๆ แต่กล้าทำตัวโอหังอย่างนี้ได้อย่างไร! ข้าจะออกราชโองการให้ครอบครัวของเจ้าทั้งหมดต้องถูกประหาร!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉีซูและฉีหลิงก็หันไปมองนางด้วยสายตาเยาะเย้ยและครุ่นคิด
พระสนมฉินยังคงไร้สมองอยู่เหมือนเดิม
นางยังกล้าทำตัวอวดดีทั้งๆ ที่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้
อีกอย่างแม่นางอวิ๋นช่วยชีวิตจักรพรรดิไว้ พระสนมฉินยังพยายามจะเอาชนะนางอีกหรือ
“เจ้าไม่อยากไสหัวออกไปงั้นหรือ” ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มแล้วส่งยิ้มชั่วร้ายไปให้พระสนมฉิน “ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยากตายแทนใช่หรือไม่”
ตูม!
ทันใดนั้นแรงกดดันมหาศาลก็กดทับลงมาที่พระสนมฉิน ภายใต้แรงกดดันนี้ทำให้พระสนมฉินรู้สึกหายใจไม่ออกราวกับมีมีดจ่อคออยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ริมหน้าผาแห่งความตาย
ใช่แล้ว พระสนมฉินรู้สึกถึงกลิ่นอายความตาย นางก้าวถอยหลังด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ไม่จริง…
เป็นไปไม่ได้!
สตรีผู้นี้ดูคล้ายอวิ๋นเยว่ชิง แม้แต่กลิ่นอายของพวกนางก็ยังน่าขนลุกเหมือนกัน!
“เจ้า…” พระสนมฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ “ตอนนี้ข้าจะละเว้นชีวิตเจ้าไว้ก่อน ข้ามาที่นี่เพื่อพบฉีเจิ้ง หลีกทางไปเดี๋ยวนี้”
พูดจบนางก็เดินเข้าไปในตระกูลฉีโดยมีคนของนางเดินตาม
อวิ๋นลั่วเฟิงมองแผ่นหลังของนางแล้วยิ้มเยาะ “ข้าอนุญาตให้เจ้าเข้ามาหรือ”
พระสนมฉินชะงัก นางหันหลังกลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือดและพยายามจะระงับความโกรธเอาไว้ “เจ้าอยากได้อะไร”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากให้ข้าคุกเข่าหรอกหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงก้าวออกมาข้างหน้าช้าๆ นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองพระสนมฉินอย่างดูถูก “ตอนนี้เจ้าก็คุกเข่าลงซะ!”
“กล้าดีอย่างไร!”
พระสนมฉินโกรธจัดจนสูญเสียความเยือกเย็น แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเจ็บที่เข่าแล้วทรุดลงไปคุกเข่าตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง
ใบหน้าของนางซีดเผือดและดวงตาก็ลุกโชนด้วยแรงโทสะ
คนที่อยู่รอบๆ ตะลึง สตรีผู้นี้สั่งให้พระสนมฉินคุกเข่าให้นาง และพระสนมฉินก็ทำจริงๆ
พระสนมฉินกลายเป็นคนว่าง่ายตั้งแต่เมื่อไหร่
ฉีซูยืนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิงขณะที่มองพระสนมฉินอย่างเย็นชาด้วยสายตาเย็นเยียบ ทุกครั้งที่เขาคิดว่าคนพวกนี้ได้ทำอะไรลงไปบ้างตอนที่อาจารย์ไม่อยู่ เขาก็อยากจะฉีกคนพวกนี้ออกเป็นชิ้นๆ
“เจ้า…เจ้า…” ใบหน้าของพระสนมฉินเปลี่ยนเป็นสีม่วงด้วยความอับอายและสั่นไปทั้งตัว “พวกเจ้ารออะไรกัน จับตัวผู้หญิงคนนี้เดี๋ยวนี้”
เมื่อเห็นแบบนี้ องครักษ์ก็ชักกระบี่พุ่งไปข้างหน้า แต่ก่อนที่พวกเขาจะถึงตัวอวิ๋นลั่วเฟิง ฉีซูก็ลงมือ
พวกเขายังไม่ทันเห็นฉีซูขยับได้อย่างชัดเจน ก็รู้สึกว่ามีฝ่าเท้าปะทะเข้ากับหน้าอกทำให้พวกเขากระเด็นร่วงลงไปที่พื้น กระดูกขององครักษ์เกือบแตกเป็นชิ้นๆ พวกเขาเจ็บมากจนไม่สามารถลุกขึ้นจากพื้นได้
พระสนมฉินพยายามลุกขึ้น แต่ร่างของนางกลับยิ่งสั่น “ฉีเจิ้งอยู่ที่ไหน เรียกเขาออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้! เขาปล่อยไอ้สารเลวนี่มาทำตัวเช่นนี้กับน้าของตัวเองได้อย่างไร”
น้างั้นหรือ
เมื่อได้ยินคำนี้ ฉีซูก็เกือบจะระเบิดเสียงหัวเราะ ในเวลาแบบนี้นางยังทำตัวอวดอ้างเป็นผู้อาวุโสต่อหน้าเขาอีกหรือ
นางคิดว่าเขาโง่หรืออย่างไร
“พระสนม!”
ในขณะที่ใบหน้าของพระสนมฉินเข้มขึ้น เสียงเศร้าโศกและขุ่นเคืองก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “พระสนม พระสนมต้องช่วยคืนความยุติธรรมให้ข้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ พระสนมฉินก็มีสีหน้าดีขึ้น แต่ว่าเมื่อคิดถึงท่าทีหยาบคายของฉีซูที่มีต่อนาง นางก็หน้าบึ้งอีกครั้งและหันไปมองคนที่พึ่งเดินเข้ามา
ตอนที่ 1877 คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ (4)
นางหันหน้าไปช้าๆ ก็พบฉีเจิ้งและฉีมั่ว ก่อนที่นางจะเหลือบไปเห็นสตรีบอบบางคนหนึ่งเดินตามหลังมา
นางขมวดคิ้วและดวงตาฉายแววรังเกียจ
เหตุใดท่านพี่ถึงพาสตรีคนนี้เข้ามาที่นี่ ถึงแม้ว่านางจะไม่ชอบหลินฉิง แต่ในฐานะสตรี สิ่งที่นางเกลียดยิ่งกว่าก็คือสตรีหน้าไม่อายที่ทำเป็นแค่ยั่วยวนบุรุษ
โดยเฉพาะการเสแสร้งของสตรีผู้นี้ทำให้นางรู้สึกไม่ดี
แต่นางก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลามาสร้างปัญหา
พระสนมฉินหน้าบึ้งและตะคอกเสียงดัง “ท่านพี่ เหตุใดท่านถึงมาช้าขนาดนี้ ท่านไม่เห็นหรือว่าไอ้เด็กสารเลวฉีซูมันพยายามสร้างความลำบากให้ข้า วันนี้ตระกูลฉีของท่านต้องหาคำอธิบายมาให้ข้า!”
ฉีซูไม่ปฏิเสธคำพูดของนางแล้วยิ้มด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกและถากถาง
ใบหน้าของฉีเจิ้งแสดงความอับอาย เขาก็อยากออกมาให้เร็วกว่านี้แต่บุรุษชั้นต่ำนี่เอาแต่จับตาดูเขาอย่างใกล้ชิดและไม่เปิดโอกาสให้เขาออกมาเลย เขาเหลือบมองอวิ๋นอี้ที่อยู่ข้างหลังแล้วขบฟันแน่น
พระสนมฉินอยู่ที่นี่แล้ว เขาอยากรู้ว่าคนพวกนี้จะยังรังแกเขาได้อยู่ไหม!
ความจริงแล้วที่ฉีเจิ้งออกมาได้ก็เพราะอวิ๋นลั่วเฟิงบอกอวิ๋นอี้ผ่านจิตว่าให้ปล่อยตัวฉีเจิ้งและครอบครัวออกมาชั่วคราว
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขามาอยู่ที่นี่ ถึงอย่างไรจัดการพวกเขาพร้อมกับพระสนมฉินไปเลยก็ดีกว่า
แต่ว่า…
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มพลางหรี่ดวงตาที่เป็นประกายเบิกบาน
นางไม่ได้ตั้งใจจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองแต่จะให้ฉีซูจัดการกับพวกเขา!
“พระสนม กระหม่อมก็อยากจะออกมาเร็วกว่านี้” ฉีเจิ้งฟ้องทั้งน้ำตา “แต่คนพวกนี้ไม่ยอมปล่อยกระหม่อมออกมา กระหม่อมทำอะไรไม่ได้จริงๆ อีกอย่างหลายวันมานี้ ฉีซูพาคนนอกเข้ามาในตระกูลฉีแล้วขโมยทรัพย์สินของพวกเราไปก่อนจะขังกระหม่อมเอาไว้ กระหม่อมสู้พวกเขาไม่ได้”
“อะไรนะ”
เมื่อพระสนมฉินได้ยินอย่างนั้นก็กัดฟันแล้วหันไปหาฉีซู “ไอ้เด็กชั่วช้า ใครอนุญาตให้เจ้าขโมยทรัพย์สินของตระกูลฉีไป คนที่ถูกไล่ออกจากตระกูลอย่างเจ้ากล้าทำแบบนี้กับพวกเราได้อย่างไร”
นางร้องเสียงแหลม
ถ้าทรัพย์สมบัติของตระกูลฉียังอยู่ในมือของฉีเจิ้ง นางก็น่าจะยังมีโอกาสได้ใช้ แต่เท่าที่นางรู้จักเด็กผู้ชายคนนี้ ถ้าฉีซูเอาสมบัติเหล่านั้นไปล่ะก็ นางไม่มีทางได้เงินจากเขาแม้แต่ตำลึงเดียว
แล้วนางจะยอมได้อย่างไร
“ข้ารู้ว่าทั้งน้ำยาผสานฌานและหุ่นเชิดของเจ้าล้วนเป็นของที่เจ้าขโมยไปจากตระกูลฉี เจ้าเอาของเหล่านี้ไปจากพวกเราแล้วขายมันให้องค์ชายรอง เจ้ากล้าดีอย่างไร!” พระสนมฉินเลิกคิ้วอย่างเดือดดาล
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเกิดมาจากท้องแม่เดียวกัน ทั้งคู่เป็นพวกหน้าไม่อายที่กล้าบอกว่าสมบัติของผู้อื่นเป็นของพวกเขา
ฉีเจิ้งดีใจมากที่ได้ยินอย่างนั้น เมื่อมีพระสนมฉินอยู่ที่นี่ ฉีซูก็ต้องยอมแพ้!
เพียะ!
ทันทีที่พระสนมพูดจบ ฉีซูก็มาปรากฏตรงหน้านางแล้วตบนางอย่างแรง
“ข้าไม่เคยทุบตีสตรีมาก่อน แต่สตรีบางคนก็บังคับให้ข้าทำ! นี่ไม่ใช่ความผิดของข้าเลย”
พระสนมฉินชะงัก นางไม่คิดเลยว่าฉีซูจะตบนางต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
เขากล้าทำได้อย่างไร!
“ฉีซู ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!” ทันใดนั้นดวงตาของพระสนมฉินก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขณะที่นางกัดฟันพูด “หลิงฉิง มารดาเจ้าเป็นสวะ และเจ้าก็เป็นคนชั้นต่ำที่ไม่มีครอบครัวอบรมสั่งสอนจนกล้าทำร้ายน้าของตัวเอง!”
กลิ่นอายของฉีซูเปลี่ยนไปทันที เขาบีบคอพระสนมฉินแล้วยกนางขึ้นก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “พูดอีกทีสิ!”
ตอนนี้พระสนมฉินหน้าเปลี่ยนสี นางยิ่งโกรธจัด องครักษ์พวกนี้เป็นแค่ขยะจริงๆ เหตุใดพวกเขาถึงอ่อนแอขนาดนี้ แล้วทำไมฉีเจิ้งยังไม่มาช่วยนางอีก!