ตอนที่ 1882 จุดจบของพระสนมฉิน (3)
ใบหน้ามู่เสวี่ยซินยิ่งเย็นชาหนัก “คำพูดของพระสนมฉินเชื่อได้หรือ งั้นถ้าข้าบอกว่าพระสนมฉินทำเรื่องผิดศีลธรรมกับชายอื่นแล้วตั้งครรภ์ลูกนอกสมรส เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่”
นางก็แค่พูดเฉยๆ แต่กลับทำให้หัวใจของพระสนมฉินกระตุก สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือด
อย่างที่คิด มู่เสวี่ยซินเป็นคนทำเรื่องนี้จริงๆ ไม่อย่างนั้นนางจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าตั้งครรภ์
เมื่อคิดอย่างนั้น นางก็กัดฟันขณะที่สายตาฉายแววเดือดดาล
“องค์หญิง ท่านพูดใส่ร้ายคนอื่นมั่วๆ ได้อย่างไร” ผู้อาวุโสหวังไม่พอใจมาก พูดตามตรงเขาระแวงเรื่องที่จักรพรรดิรักองค์หญิงมาก องค์หญิงสี่เป็นสตรีและในอนาคตก็ต้องแต่งออกไป คงดีกว่าถ้าฝ่าบาทย้ายความรักและความสนใจมาที่องค์ชายน้อยแทนเพราะเขาเป็นคนของราชวงศ์!
มู่เสวี่ยซินยักไหล่ “เจ้าบอกว่าข้าใส่ร้ายนาง ถ้าอย่างนั้นเหตุใดเจ้าถึงเชื่อคำพูดของพระสนมฉินเร็วนักล่ะ”
ผู้อาวุโสหวังทำสีหน้าขุ่นเคือง “ไม่ว่าคำพูดนี้จะจริงหรือไม่ ข้าก็เห็นด้วยตาตัวเองว่าฉีซูกำลังบีบคอพระสนมฉิน เขาคุกคามชีวิตของพระสนมฉินดังนั้นเขาสมควรตาย!” ตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าองค์หญิงสี่จะช่วยพวกเขาอย่างไร
การวางแผนทำร้ายราชวงศ์เป็นการต่อต้านอาณาจักร
“ถูกต้อง!” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของฝูงชน “การวางแผนทำร้ายคนในราชวงศ์เป็นการต่อต้านอาณาจักรจริงๆ!” ทันทีที่เขาพูดออกมา ชายวัยกลางคนก็เดินออกมาโดยมีกลุ่มผู้คุ้มกันคอยปกป้อง
ใบหน้าของชายวัยกลางคนช่างหล่อเหลา ทั้งยังมีส่วนคล้ายกับมู่เสวี่ยซิน กลิ่นอายของผู้ติดตามเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสหวังเลย
ยอดฝีมือขั้นเซียนสวรรค์งั้นหรือ
คนที่สามารถพายอดฝีมือระดับเซียนสวรรค์ออกมาได้มากขนาดนี้…ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในอาณาจักรหลิวเฟิง…
ไม่ต้องรอให้คนที่มุงดูคาดเดาตัวตนของเขา พวกเขาก็เห็นผู้อาวุโสหวังและองครักษ์คุกเข่า “คำนับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าของพระสนมฉินปรากฏความดีใจ
เมื่อกี้ฝ่าบาทพูดว่าการวางแผนทำร้ายคนในราชวงศ์เป็นการต่อต้านอาณาจักรใช่หรือไม่ หรือว่าฝ่าบาทจะมาทวงความยุติธรรมให้ข้า
ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะวางแผนทำร้ายองค์หญิงอย่างลับๆ ฝ่าบาทก็ไม่ได้ลงโทษนาง ฝ่าบาทต้องมองนางเป็นรักแท้ของเขาแน่นอน ตอนนี้นางเกือบถูกสังหาร ฝ่าบาทจะไม่กังวลได้อย่างไร
อาจจะเป็นเพราะการมาถึงของจักรพรรดิทำให้พระสนมฉินเชิดหน้าอย่างโอหัง และพูดด้วยท่าทางราวกับได้รับชัยชนะว่า “ฉีซู เจ้าต้องพูดอะไรอีก ข้าเป็นพระสนมแต่เจ้ากล้าทำให้ข้าอับอายก็เท่ากับไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตา!”
ฉีเจิ้งและฉีมั่วเองก็โล่งอกไปตามๆ กัน
ฝ่าบาทมาเพื่อช่วยพระสนมฉินแน่นอน ครั้งนี้ต่อให้อวิ๋นลั่วเฟิงมีความสามารถที่น่ากลัวมากแค่ไหน ก็คงหนีความตายได้ยาก
“ฉีซู” ฉีเจิ้งแสดงสีหน้าเย็นชา “ถ้าเจ้าให้มารดาเจ้ามาขอโทษเฟยเฟย ข้าจะไว้ชีวิตนาง! แน่นอนว่านางจะไม่ได้เป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูลฉีอีกต่อไป และเป็นได้แค่บ่าวรับใช้เท่านั้น ในอนาคตจะมีแค่เฟยเฟยเท่านั้นที่ได้เป็นนายหญิงของตระกูลฉี!”
ใบหน้าของเจี่ยนเฟยเฟยเป็นประกายด้วยรอยยิ้มกว้าง แววตาพึงพอใจของนางก็ไม่อาจปิดได้มิด
หลินฉิงไม่ว่าเจ้าจะกระเสือกกระสนสักแค่ไหน ชั่วชีวิตนี้เจ้าก็เอาชนะข้าไม่ได้! ในอนาคต ข้าจะเป็นนายหญิงของตระกูลฉีที่ทุกคนเคารพ ส่วนเจ้าก็เป็นได้แค่บ่าวเท่านั้น ตอนนั้นข้าจะเอาคืนทุกอย่างที่เจ้าและบุตรชายของเจ้าทำกับข้า!
แต่ว่า..เจี่ยนเฟยเฟยไม่ได้เปิดเผยความคิดในใจของนางแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “นายท่าน เรื่องนี้จะโหดร้ายเกินหรือไม่เจ้าคะ ถึงอย่างไร หลินฉิงก็มีบุตรให้ท่านแล้วเลี้ยงพวกเขามา เหตุใดท่านไม่ให้นางเป็นอนุแทนล่ะเจ้าคะ”
“เฟยเฟย เจ้าจิตใจดีไม่เหมือนกับสตรีชั่วร้ายอย่างหลินฉิง ในเมื่อเจ้าใจกว้าง ข้าก็จะดูแลเจ้าอย่างดีแน่นอน!”
คนพวกนี้เอาแต่สนใจเรื่องของตัวเองและสนทนากันโดยไม่ได้สังเกตเห็นมุมปากที่ยกขึ้นของฉีซู และสีหน้าเย็นชาของมู่เจิ้นเทียน
“ข้ายังพูดไม่จบเลย การวางแผนทำร้ายราชวงศ์เท่ากับต่อต้านอาณาจักร แต่พระสนมฉินถูกปลดเป็นสามัญชนแล้ว! นางไม่ใช่สนมของข้าอีกต่อไป!”
…………………………
ตอนที่ 1883 จุดจบของพระสนมฉิน (4)
รอยยิ้มของพระสนมฉินแข็งค้าง รอยยิ้มพึงพอใจของฉีเจิ้ง ฉีมั่วและเจี่ยนเฟยเฟยก็ยังไม่มีเวลาให้หายไป…เพราะว่าพวกเขาตะลึงจนโง่งมจากคำพูดของมู่เจิ้นเทียน
ฝ่าบาทพูดว่าอะไรนะ พระสนมฉินไม่ได้เป็นสมาชิกในราชวงศ์อีกต่อไปแล้วงั้นหรือ
“ฝ่าบาท!” พระสนมฉินกรีดร้องแล้วมองเขาด้วยสายตาน่าเวทนา “หม่อมฉันสงสัยว่าสนมผู้นี้ไปกระทำสิ่งใดให้ฝ่าบาทเคืองพระทัย ถึงต้องมาทำอย่างนี้กับหม่อมฉันเพคะ”
สีหน้าของมู่เจิ้นเทียนมืดครึ้ม “เจ้าใช้อำนาจรังแกคนอื่น และคนที่เจ้ารังแกก็เป็นผู้มีพระคุณของข้าด้วย! เจ้าคิดว่าตัวเองสมควรได้รับการลงโทษอะไรล่ะ”
สีหน้าของพระสนมฉินซีดเผือดขณะที่ถามอย่างอ่อนแรงว่า “ฝ่าบาทหมายความอย่างไรเพคะ เมื่อไหร่กันที่หม่อมฉันไปทำ…”
รังแกผู้มีพระคุณงั้นหรือ
ก่อนที่นางจะพูดจบ มู่เจิ้นเทียนก็พูดขัดขึ้นมา “แม่นางอวิ๋นเป็นผู้มีพระคุณของข้า เจ้าก็พาคนมารังแกนางแล้วยังอยากให้ข้าลงโทษนางด้วยงั้นหรือ”
ปัง!
ตอนที่เขาพูดเขาก็ปล่อยฝ่ามือโจมตีจนทำให้พระสนมฉินกระเด็นออกไปตกกระแทกพื้นเสียงดัง ผู้อาวุโสหวังตะลึงจนโง่งมขณะที่ความเย็นเยือกคืบคลานเข้าไปในหัวใจของเขา เขาห่อไหล่เพราะอยากจะหายไปจากที่นี่เหลือเกิน เหตุการณ์ครั้งนี้ซับซ้อนเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก และตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถตอบสนองได้
“กรี๊ด!” พระสนมฉินกรีดร้องแล้วกุมท้องไว้แน่น เลือดไหลออกจากส่วนล่างของนาง และใบหน้าของนางก็ซีดเผือด ถึงแม้ว่าฉีเจิ้งจะไม่ได้เชี่ยวชาญทักษะการแพทย์ แต่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยเรียนรู้อะไรมาบ้างตอนที่อวิ๋นเยว่ชิงยังอยู่
เมื่อเห็นว่ามีเลือดไหลออกจากส่วนล่างของพระสนมฉินไม่หยุด เขาก็สะดุ้งเล็กน้อย
ถ้านี่เป็นระดูของนาง ก็ไม่น่าจะมีเลือดออกเยอะแบบนี้…หรือว่า…
ภายในใจของฉีเจิ้งลิงโลดทันที แต่เขาก็เดินเข้าไปหาพระสนมฉินอย่างใจเย็นและสงวนท่าที จากนั้นเขาก็ตรวจชีพจรของพระสนมฉิน หลังจากที่เขาตรวจสอบแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นโศกเศร้าอย่างมาก
“ฝ่าบาท พระสนมฉินแท้งบุตรพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะหมดรักนางแล้วแต่เด็กในท้องนางก็เป็นบุตรของฝ่าบาท ได้โปรดปิดตาลงข้างหนึ่งแล้วช่วยชีวิตพระสนมฉินด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อพระสนมฉินแต่ทำเพราะเขาแค่ต้องการเอาตัวรอด ถ้าพระสนมฉินตั้งครรภ์ฝ่าบาทต้องใจอ่อนแน่ แล้วตระกูลฉีก็จะรอดพ้นเหตุการณ์เลวร้ายนี่ไปได้ แต่ว่าฉีเจิ้งไม่ได้สังเกตว่าตอนที่เขาพูด สีหน้าของพระสนมฉินยิ่งซีดลง
มือนางกำกระโปรงแน่นขณะที่สายตามีแต่ความสิ้นหวัง
ชีวิตข้าจบสิ้นแล้ว! ครั้งนี้ไม่ว่าข้าจะพูดอย่างไรก็ไร้ประโยชน์!
“ตั้งแต่ที่ข้าป่วย ข้าก็ไม่ได้แตะต้องพระสนมฉินอีกเลย แล้วนางจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร” อาจจะเป็นเพราะพระสนมฉินทำให้มู่เจิ้นเทียนเดือดดาล เขาถึงไม่ลังเลสักนิดก่อนที่จะพูดออกมา
อะไรนะ จักรพรรดิไม่ได้แตะต้องพระสนมฉินงั้นหรือ
สีหน้าของฉีเจิ้งเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีขณะที่เขาพูดอย่างจำนนว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาทเข้าใจผิดหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ พระสนมฉินอ่อนโยนและมีคุณธรรม นางไม่มีทางทำเรื่องเสื่อมเสียอย่างการนอกใจแน่นอน ฝ่าบาทต้องมาเยี่ยมพระสนมฉินแล้วลืมไปแน่พ่ะย่ะค่ะ” ตอนนั้นฉีเจิ้งก็พูดออกมาโดยไม่ได้ผ่านสมอง และทำให้สีหน้าของมู่เจิ้นเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“ฮึ่ม! พระสนมฉินทนความเหงาไม่ได้แล้วทรยศข้า แต่นางยังอยากให้ข้าเป็นแพะรับบาปอีกหรือ ถึงแม้ว่าจะอาการดีขึ้นแล้ว แต่ข้าก็ใช้เวลาทั้งวันอยู่ในห้องทรงงาน และเรื่องนี้ก็สามารถสืบหาได้จากบันทึก!” สีหน้าของมู่เจิ้นเทียนเปลี่ยนเป็นคมกริบและเคร่งเครียด “ทหาร จับพระสนมฉินแล้วรอข้าสืบความก่อนจะลงโทษนาง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา พระสนมฉินก็รีบลุกขึ้นมาแล้วเดินโซเซเข้าไปหามู่เจิ้นเทียน
“ฝ่าบาท พระสนมของฝ่าบาทผิดไปแล้วเพคะ! เป็นมู่เสวี่ยซิน เป็นนางที่วางแผนใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะ!”
เมื่อได้ยินว่าพระสนมฉินพยายามจะกล่าวหามู่เสวี่ยซิน เขาก็ยิ่งเดือดดาล “พระสนมฉินไม่สำนึกผิดแล้วยังกล่าวหาองค์หญิงสี่อีก โทษของนางจะหนักขึ้น!”