ตอนที่ 1890 จุดจบของพระสนมฉิน (11)
“ไม่รู้เรื่องงั้นหรือ” มู่เจิ้นเทียนหรี่ตาแล้วค่อยๆ ยื่นมือปล่อยภาพวาดหนึ่งลงมา นี่เป็นภาพวาดของเด็กสาวคนหนึ่ง แต่นางโดนลงโทษด้วยกระบี่พันเล่มตัดร่างในขณะที่คุกเข่าขอร้องความเมตตา
อีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเด็กสาวเป็นเด็กชายตัวน้อยที่ยืนเชิดหน้าเท้าสะเอวรับการคำนับจากนาง เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคือมู่เสวี่ยซินและเด็กผู้ชายคือองค์ชายน้อย
เด็กที่อายุเพียงเท่านี้กลับมีหัวใจที่ชั่วร้ายแบบนี้แล้วนางจะพูดว่าเขาไม่รู้อะไรได้อย่างไร
ทันทีที่พระสนมฉินเห็นเนื้อหาในภาพวาด ใบหน้าของนางก็ยิ่งตื่นตระหนก “ฝ่าบาท ต้องมีคนใส่ร้ายองค์ชายน้อยแน่เพคะ! บุตรชายของข้าใสซื่อและจิตใจดี เขาจะอยากสังหารองค์หญิงสี่ได้อย่างไร”
โชคร้ายที่องค์ชายน้อยไม่ได้ร่วมมือกับพระสนมฉิน เขาปัดมือนางแล้วจ้องสตรีในรูปภาพอย่างมาดร้าย
“ข้าเป็นบุตรชายของเสด็จพ่อ ส่วนนางเป็นแค่บุตรสาว นางมีสิทธิ์อะไรมาขโมยความรักของเขาไปจากข้า ข้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับการดูแลเอาใจใส่ นางทำได้แค่ต้องมาสยบอยู่แทบเท้าข้า”
พระสนมฉินหน้าซีดด้วยความกลัว นางอยากจะเข้าไปปิดปากขององค์ชายน้อยแต่น่าเสียดายที่ช้าเกินไป องค์ชายน้อยพูดออกไปแล้ว
มู่เจิ้นเทียนหรี่ตาที่เต็มไปด้วยแรงโทสะ “ใครสอนเจ้าแบบนี้” เขาถามเหมือนการถามแบบนี้เป็นคำถามปกติ
ครั้งนี้องค์ชายน้อยตอบเขาโดยไม่ลังเล “เสด็จแม่บอกข้า! นางบอกว่ามีแค่บุตรชายเท่านั้นที่สืบทอดราชบัลลังก์ได้ และสตรีก็ต้องแต่งออกไป เมื่อพวกนางแต่งออกไปแล้ว พวกนางก็ไม่ต่างจากน้ำที่ถูกสาดออกไป และจะไม่ได้เป็นสมาชิกในราชวงศ์อีกต่อไป!”
“ดี ดีมาก!” มู่เจิ้นเทียนโกรธจัดจนหัวเราะออกมา “เจ้าสอนบุตรชายได้ดีจริงๆ โชคดีที่เจ้าทนเลี้ยงบุตรคนอื่นๆ ของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้น บุตรของข้าทุกคนคงถูกเจ้าทำลายไปหมดแล้ว…
…เจ้าบอกว่าเขาบริสุทธิ์ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นมู่เอ๋อร์ไม่บริสุทธิ์งั้นหรือ เจ้ามีบุตรชายกับไอ้สารเลวนั่นและให้ข้าเลี้ยงเขามาหลายปี เจ้ายังกล้ามีหน้ามาวางแผนสังหารบุตรสาวโดยสายเลือดของข้าอีก! ข้าจะละเว้นเจ้าและบุตรชายของเจ้าได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ องค์ชายสามของอาณาจักรเทียนฉีคนนั้นวางแผนครอบครองอาณาจักรของข้า! ดังนั้นเขาไม่ได้แค่ทำให้ข้าโดนสวมเขา แต่ยังช่วยให้บุตรชายเจ้าได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิคนต่อไปของอาณาจักรหลิวเฟิงด้วย! หลังจากที่อาณาจักรตกอยู่ในมือของบุตรชายเจ้า เขาก็จะรีบเปลี่ยนราชวงศ์ทันที!”
ยิ่งเขาพูด เขาก็ยิ่งโกรธและพูดอย่างเย็นชาว่า “แต่ว่า ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าตอนนี้ หลังจากประชุมพรุ่งนี้เช้า ข้าจะมาตัดสินความผิดของเจ้า!”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากลงโทษนางแต่เขาต้องตัดสินใจร่วมกับขุนนางทั้งหลาย แต่ว่าจุดจบของพระสนมฉินก็ต้องน่าอนาถมากแน่นอน! เมื่อคิดว่าอะไรที่กำลังรอนางอยู่ พระสนมฉินก็ขาอ่อนแรงแล้วทรุดลงไปกับพื้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมาน
มู่เจิ้นเทียนไม่คิดจะมองนางอีกแล้วสะบัดแขนเสื้อจากไป พระสนมฉินโดนทิ้งไว้ให้ร้องไห้อย่างทรมานภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน
“องค์ชาย มารดาทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว” พระสนมฉินทำสีหน้าสิ้นหวัง “ถ้าไม่ใช่เพราะมารดาเจ้าเชื่อคนง่ายก็คงไม่เป็นแบบนี้”
“ท่านพูดไร้สาระอะไร ท่านคิดว่าจะหลอกข้าได้หรือ ข้าเป็นบุตรชายของเสด็จพ่อไม่ใช่ไอ้สารเลวนั่น!” องค์ชายน้อยกระโดดจนตัวโยนด้วยความโกรธและมือเล็กๆ ของเขาก็ตบเข้าที่ใบหน้าของพระสนมฉินอย่างแรง “ไปหาเสด็จพ่อแล้วบอกเขาว่า ข้าเป็นบุตรชายเขา!”
“องค์ชาย” พระสนมฉินเงยหน้ามองอย่างไม่เชื่อสายตา ดูเหมือนว่านางจะไม่เชื่อว่าเด็กน้อยที่ร้ายกาจ เห็นแก่ตัว และอกตัญญูจะเป็นบุตรของนาง
ความจริงนางก็ควรคิดได้นานแล้วว่าองค์ชายน้อยไม่คิดใส่ใจครอบครัวตัวเอง ถึงอย่างไรเขาก็รอมู่เจิ้นเทียนตายก่อนเพื่อขึ้นครองราชสมบัติ บิดาขององค์ชายน้อยคือองค์ชายสามของอาณาจักรเทียนฉี ไม่ใช่มู่เจิ้นเทียน
ตอนที่ 1891 จุดจบของพระสนมฉิน (12)
เห็นได้ชัดว่าพระสนมฉินรู้ว่าองค์ชายน้อยไม่ใช่บุตรของมู่เจิ้นเทียน ดังนั้นนางถึงไม่รู้สึกว่าบุตรชายของนางไม่รู้จักกตัญญู
“ไสหัวไป ข้าไม่นับเจ้าเป็นเสด็จแม่ของข้าอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่มีมารดาที่รอคอยบุรุษชั้นต่ำอย่างเจ้า! เรื่องนี้เจ้าเป็นคนผิดแต่ข้าไม่ใช่บุตรนอกสมรส! ข้าไม่ใช่!” ใบหน้าขององค์ชายน้อยเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งขณะที่เขาตบพระสนมฉิน ถึงแม้ว่าพระสนมฉินจะทำเรื่องผิดต่อสวรรค์แต่นางก็รักบุตรชายสุดหัวใจ นางไม่เคยคิดเลยว่าบุตรชายของนางจะโดนเลี้ยงอย่างตามใจขนาดนี้
พระสนมฉินเอามือกุมแก้มด้วยความเสียใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้เสียใจที่ไม่สอนองค์ชายน้อยให้ดีและใส่ความคิดชั่วร้ายลงไปในหัวเขา…
ตอนนี้ถึงเวลาได้รับผลกรรมที่นางทำไว้!
…
วันต่อมาภายในท้องพระโรงก็เต็มไปด้วยเสียงถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง
พฤติกรรมและการกระทำของฉีเจิ้งถูกนำมาวิจารณ์และเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันวันนี้ เขาสบถ สาปแช่งและเหยียดหยามทุกคน ไม่ใช่แค่พระสนมฉินนอกใจมู่เจิ้นเทียนแต่นางยังตั้งครรภ์บุตรนอกสมรส ดังนั้นขุนนางทั้งหมดจึงประกาศโทษตายให้นาง
แน่นอนว่าโทษตายเฉยๆ ก็จะเบาเกินไป พวกเขายังขอให้แพทย์จากสำนักแพทย์หลวงใช้ยาพิษที่ทำให้นางทรมานอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืนจนนางตาย
ถึงแม้ว่าองค์ชายจะไม่ได้มีความผิดแน่ชัด แต่เขาไม่ได้มีสายเลือดของราชวงศ์ กอปรกับจิตใจที่ชั่วร้ายตั้งแต่เด็กของเขาจึงไม่สามารถลดโทษได้!
ส่วนผู้ติดตามของพระสนมฉินก็ไม่ได้รับการละเว้น แพทย์ที่ช่วยนางก็ต้องใช้ความตายลบล้างความผิดหลังจากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพระสนมฉิน
มู่เจิ้นเทียนนับถือฉีซูอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงมอบสมรสพระราชทานให้ฉีซูกับมู่เสวี่ยซิน จากนั้นเขาจึงออกราชโองการให้ทั้งคู่หมั้นหมายกัน คนที่มีความสุขก็คือฉีซู ฉีหลิงและมู่เสวี่ยซิน ในขณะที่คนที่กังวลคือหญิงสาวในอาณาจักรหลิวเฟิงที่ตกหลุมรักฉีซู…
แต่ถึงแม้ว่าตระกูลฉีจะมีฮูหยินแล้ว ตำแหน่งของฮูหยินรองและอนุก็ยังว่างอยู่ ทำให้หญิงสาวทุกคนมาปรากฏตัวที่ด้านหน้าจวนตระกูลฉีจนคึกคักเหมือนตลาดสด
คนพวกนี้คิดแค่อยากจะเข้าร่วมกับตระกูลฉี แต่พวกนางไม่คิดว่าการกระทำของพวกนางจะไปสร้างปัญหาให้คนที่ชื่ออวิ๋นลั่วเฟิง!
ตอนนั้นเองภายในห้อง อวิ๋นลั่วเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนก็ได้ยินเสียงดังวุ่นวายอยู่บริเวณสวนด้านหน้าจนทำให้สีหน้าของนางมืดครึ้มทันที เมื่อเห็นอาจารย์ของนางเปลี่ยนสีหน้า ฉีหลิงก็อาสา “อาจารย์ ข้าจะออกไปไล่พวกนางเองเจ้าค่ะ”
หลังจากที่แก้เรื่องวุ่นวายในตระกูลฉีได้แล้ว ฉีซูก็ออกไปทำธุระนอกตระกูลฉีชั่วคราว เขาออกไปสองสามวันแล้วแต่หญิงสาวพวกนี้ก็ยังมุมานะและอดทนนั่งยองๆ รออยู่ด้านนอกตระกูลฉี
ส่วนผู้คุ้มกันของตระกูลฉีก็ไม่กล้าขวางทางสตรีชั้นสูงเหล่านี้ จนทำให้พวกนางรวมกลุ่มกันเข้ามาทำเหมือนตระกูลฉีเป็นตลาดสด
ก่อนหน้านี้ อวิ๋นลั่วเฟิงเข้าไปในโลกคัมภีร์เซียนโอสถในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจึงไม่รู้เรื่องราวภายนอก แต่วันนี้นางไม่ได้เข้าไปในโลกคัมภีร์เซียนโอสถ ดังนั้นจึงได้เห็นเหตุการณ์ในตระกูลฉี
“ฉีหลิง เจ้าอยากได้มู่เสวี่ยซินเป็นพี่สะใภ้งั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงถามยิ้มๆ ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้พบมู่เสวี่ยซินบ่อยหนักแต่นางก็ชื่นชอบอีกฝ่าย ในฐานะองค์หญิงมู่เสวี่ยซินไม่ได้เย่อหยิ่งหรือเจ้าอารมณ์ นางไม่สนชื่อเสียงเงินทอง ในความคิดของนางมีเพียงฉีซู ดังนั้นนางจึงคู่ควรแก่การที่ฉีซูจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อรักนาง
“ข้าชอบอาจารย์มากที่สุดแต่…” ฉีหลิงเอียงคอ “อาจารย์มาเป็นพี่สะใภ้ของหลิงเอ๋อร์ไม่ได้ ดังนั้นหลิงเอ๋อร์ก็อยากให้พี่หญิงมู่มาเป็นภรรยาของท่านพี่”
ถึงแม้ว่าฉีซูจะเป็นพี่ชายของฉีหลิง แต่ความจริงแล้วฉีหลิงรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าพี่ชายของนางไม่คู่ควรกับอาจารย์
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ออกไปข้างนอกแล้วแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตนี้กันเถอะ”