ตอนที่ 1896 ข่าวคราวของจีจิ่วเทียน (5)
อวิ๋นลั่วเฟิงอึ้งแล้วส่ายหน้า “ข้าไม่เคยเห็นศพของนาง แต่ถ้าไม่มีศพอยู่ในโลงท่านปู่ก็ต้องบอกข้าแล้ว ถึงอย่างไรถ้าศพของนางไม่มี ก็หมายความว่ามารดาของข้ายังไม่ตาย…แต่ว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ข้าฟัง ทำให้ข้าคิดมาตลอดว่าศพของมารดาข้าอยู่ในนั้น”
“แม่นางอวิ๋น มีแต่ต้องหาที่อยู่ของอาจารย์ให้พบ แล้วท่านก็จะได้พิสูจน์ว่านางใช่มารดาท่านหรือไม่” ฉีซูสังหรณ์ใจว่าอวิ๋นลั่วเฟิงต้องเกี่ยวข้องกับอวิ๋นเยว่ชิงแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่รู้สึกคุ้นเคยกับนางตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก
เมื่อคิดได้อย่างนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาหวังเป็นอย่างมากว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะบุตรสาวของอาจารย์ เพราะอาจารย์ของเขาจะได้ไม่อยู่บนโลกใบนี้อย่างโดดเดี่ยว
“มาคุยเรื่องนี้ก็เปล่าประโยชน์ พวกเราจะได้พิสูจน์เรื่องนี้ในอนาคตเอง” อวิ๋นลั่วเฟิงยืนขึ้นช้าๆ “เก็บของกันเถอะ พวกเราจะออกเดินทางไปอาณาจักรเทียนฉีกัน”
สิ่งที่นางต้องการยืนยันตอนนี้ก็คืออวิ๋นเซียวกับจีจิ่วเทียนอยู่ที่อาณาจักรเทียนฉีหรือไม่…
“ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้” ฉีซูหันหลังแล้วออกไปเตรียมตัวเดินทาง
ตอนแรกฉีหลิงก็อยากไปด้วยแต่ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะได้เจออันตรายอะไรบ้างระหว่างเดินทาง แล้วการพานางไปด้วยก็จะไม่สะดวกดังนั้นฉีซูจึงปฏิเสธฉีหลิงอย่างเด็ดขาดขณะที่นางขอร้องเขาทั้งน้ำตา
เทียบกับการไปกับพวกเขาแล้ว ฉีหลิงก็อยู่ที่อาณาจักรหลิวเฟิงปลอดภัยกว่า ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็ยังมีมู่เสวี่ยซินดูแลนาง
ฉีหลิงรู้ว่าท่านพี่ไม่อาจยอมให้นางไปด้วยได้ ดังนั้นนางจึงทำได้แค่มองส่งเขาไปทั้งน้ำตา ขณะที่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่
…
อาณาจักรเทียนฉี
บนถนนที่วุ่นวาย ก็มีเสียงหม้อน้ำเดือดดังขึ้น
อวิ๋นลั่วเฟิงคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นหุ่นเชิดอยู่ท่ามกลางผู้คน นั่นจึงทำให้นางตกตะลึงไป นางไม่คิดว่าหุ่นเชิดจะเข้ามาในอาณาจักรเทียนฉีได้เร็วแบบนี้
ฉีซูทำหน้าที่เหมือนองครักษ์แล้วติดตามอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาสำรวจอาณาจักรเทียนฉีที่คึกคักขณะเหม่อลอย “อันที่จริง ข้าเจออาจารย์ครั้งแรกที่อาณาจักรเทียนฉี ตอนนั้นข้าออกมาหาประสบการณ์แล้วเจออันตรายเข้า ก่อนจะบังเอิญได้อาจารย์ช่วยเอาไว้และรอดชีวิตมาได้”
ถ้าไม่ใช่เพราะอวิ๋นเยว่ชิง ไม่แน่…เขาอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เหตุการณ์ในอดีตก็เลือนรางดั่งหมอกควัน ทำให้ฉีซูได้หวนนึกถึงราวกับว่าเขาจะได้พบสตรีงดงามท่ามกลางผู้คนมากมายที่อยู่บนถนน ทันใดนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปยังร่างหนึ่งที่อยู่ข้างหน้า
“มีอะไรหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเขาจึงขมวดคิ้วถาม
ชายหนุ่มสะดุ้งแล้วยกยิ้มบาง “ข้าเห็นคนรู้จัก” หลังจากพูดจบเขาก็เดินช้าๆ ไปหาหญิงสาวที่ถูกกลุ่มคนล้อมอยู่ข้างหน้า
หน้าตาของนางไม่ได้งดงามเท่าไรนัก เรียกได้ว่าธรรมดาทั่วไป ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกขณะที่มองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง
“เจี่ยนอัน ไม่ช้าก็เร็วข้าจะได้เป็นพระชายาขององค์ชายรอง แต่เจ้ากลับกล้าไม่คุกเข่าต่อหน้าข้างั้นหรือ”
พระชายาขององค์ชายรองงั้นหรือ
อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วและทันใดนั้นก็นึกถึงคุณชายรองฉีที่นางเจอที่นครเฟิงอวิ๋นขณะที่เผยรอยยิ้ม
นางจำได้ว่าฉีซูเคยบอกว่าองค์ชายรองเคยมีพระชายาคนหนึ่งแต่นางตายไปเพราะโรคร้าย แต่ว่านางไม่ได้ยินว่าเขาจะรับภรรยาคนอื่น ตอนแรกเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับอวิ๋นลั่วเฟิง แต่หลังจากที่
ได้ยินคำพูดต่อมาของสตรีผู้นี้ สีหน้าของนางก็มืดครึ้มทันที
“พี่รอง ในเมื่อท่านกำลังจะเป็นพระชายาขององค์ชายรองเหตุใดท่านต้องโมโหที่ท่านพ่อจะให้ข้าแต่งงานกับนายน้อยจีด้วย ทำไมท่านทำเหมือนไม่พอใจกับสิ่งที่ท่านมีล่ะเจ้าคะ ท่านคิดจริงๆ หรือว่าบุรุษทุกคนที่อยู่บนผืนดินนี้จะต้องหลงรักท่าน” เจี่ยนอันเชิดหน้า “ยิ่งไปกว่านั้นการแต่งงานกับจีจิ่วเทียนก็เป็นคำสั่งของท่านพ่อ แล้วท่านจะเอาอะไรมาขวางทางข้า”
ตอนที่ 1897 ข่าวคราวของจีจิ่วเทียน (6)
จีจิ่วเทียนน่ะหรือ ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกายด้วยความยินดี
จีจิ่วเทียนอยู่ที่อาณาจักรเทียนฉีจริงๆ แต่ว่า…
เมื่อนึกถึงบทสนทนาของพวกนาง อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยิ้มเยาะ ด้วยนิสัยของจีจิ่วเทียนเขาไม่มีทางยอมให้คนอื่นควบคุมง่ายๆ แน่ ถึงแม้ว่าบิดานางจะอยากให้นางแต่งงานแต่จีจิ่วเทียนจะแต่งงานกับนางหรือ
“เจ้า…” เจี่ยนอี้ฮึดฮัดด้วยความโกรธแล้วตบหน้าเจี่ยนอัน “ข้าเป็นพระชายาขององค์ชายรอง เจ้าจะมาทำให้ชื่อเสียงของข้ามัวมองไม่ได้!”
ไม่ว่าจีจิ่วเทียนจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็เทียบกับราชวงศ์ของอาณาจักรเทียนฉีไม่ได้ ถึงแม้ว่าบุรุษผู้นั้นจะหล่อเหลายากที่จะหาคนเทียบ แต่คนที่นางอยากแต่งงานด้วยก็คือองค์ชายรอง! ตอนนี้เจี่ยนอี้อดที่จะขุ่นเคืองเจี่ยนอันไม่ได้ที่บุตรสาวอนุอย่างนางจะทำให้บุรุษหล่อเหลาอย่างจีจิ่วเทียนต้องมัวหมอง
เจี่ยนอันแค่นเสียงขึ้นจมูก สิ่งที่นางพูดก่อนหน้านี้ก็เพื่อยั่วโมโหเจี่ยนอี้ จีจิ่วเทียนไม่ใช่คนที่นางชอบ คนที่นางชอบคือชายหนุ่มที่สง่างามดุจหยกต่างหาก
ตอนที่เจี่ยนอี้กำลังจะตบหน้านางอีกครั้งก็มีมือมาจับแขนนางไว้ ชายหนุ่มยืนหันหน้าปะทะกับลม ทำให้เขาดูหล่อเหลาน่ามอง รูปร่างหน้าตาของเขาแลดูอ่อนเยาว์ ขณะที่ดวงตาที่ดำสนิทของเขาเป็นประกายเย็นชา
“เป็นเจ้า!” เสียงของเจี่ยนอันเต็มไปด้วยความแปลกใจ ขณะที่นางจ้องชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตาไม่กะพริบ
ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงเดาไม่ผิด นางสังเกตเห็นประกายชื่นชมพาดผ่านดวงตาของเจี่ยนอัน กลายเป็นว่านางชอบคนแบบฉีซู แต่ว่าฉีซูมีมู่เสวี่ยซินแล้ว!
“ไสหัวไป!” ฉีซูตะโกนอย่างเย็นชาแแล้วผลักเจี่ยนอี้ออกไปด้วยดวงตาที่เย็นเยียบดุจหิมะ
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดเผือดของเจี่ยนอี้ขณะที่นางถอยหลังไป จากนั้นนางก็จ้องเจี่ยนอันอย่างมาดร้าย “เจี่ยนอัน นอกจากทำตัวยั่วยวนบุรุษแล้ว เจ้าทำอะไรได้บ้าง”
เมื่อได้ยินคำเหยียดหยามของนาง เจี่ยนอันก็ไม่ได้พูดปฏิเสธอะไร ความชื่นชมในดวงตาถูกปกปิดไว้อย่างดีและนางก็เผยแค่รอยยิ้มสุขใจเท่านั้น
“เจ้าจะไสหัวไปด้วยตัวเองหรือจะให้ข้าช่วย” ฉีซูจับแขนก็เจี่ยนอี้แน่นมาก ขณะที่พูดอย่างเย็นชา
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ฉีซูปล่อยออกมา เจี่ยนอี้ก็กัดฟัน “ฮึ่ม วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน! ข้าจะมาสั่งสอนเจ้าครั้งหน้า! พวกเรากลับ!”
หลังจากที่ทิ้งคำพูดไว้ เจี่ยนอี้ก็พาผู้ติดตามจากไป นางไม่ได้จากไปอย่างทรมานจากความพ่ายแพ้แต่นางจากไปอย่างหยิ่งยโสราวกับนกยูง
หลังจากที่ช่วยเจี่ยนอันแล้ว ฉีซูก็เดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง เขายิ้มแล้วเกาศีรษะ “แม่นางอวิ๋น ก่อนหน้าตอนที่ข้าเดินทางร่วมกับอาจารย์ ข้าได้พบกับนางสองสามครั้ง ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะหยุดช่วยนางเมื่อเห็นนางโดนรังแก”
เมื่อสังเกตเห็นว่าฉีซูไม่ได้พูดกับนางแต่พูดกับสตรีชุดขาว ดวงตาของนางก็ฉายแววเศร้าสร้อย
เพราะว่าฉีซูหันหลังให้จึงไม่ได้เห็นสีหน้าของนาง แต่อวิ๋นลั่วเฟิงก็เห็นอารมณ์ในดวงตานางได้ชัดเจน
“รอข้าก่อน” อวิ๋นลั่วเฟิงตบไหล่ฉีซูแล้วเดินมาหาเจี่ยนอัน “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถึงจีจิ่วเทียน เขาใช่คนที่ชอบใส่ชุดสีแดงและมีใบหน้าทรงเสน่ห์ใช่หรือไม่ อ้อ จริงสิ เขายังมีจุดสีแดงสดบริเวณหว่างคิ้วด้วย”
เจี่ยนอันไม่ได้ตอบคำถามนางแต่หันไปมองฉีซูทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังถามนาง เหตุใดนางถึงมองมาที่ข้า
“นี่…เหตุใดเจ้าถึงมองมาข้าล่ะ” ฉีซูอดที่จะถามไม่ได้
ความจริงแล้วหัวใจของเขามีแต่มู่เสวี่ยซิน ทำให้เขาไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของสตรีอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว
เจี่ยนอันหลุบตาเล็กน้อย “คนที่ท่านอธิบายคือนายน้อยจีจริงๆ แต่ว่าเขาพึ่งออกเดินทางไปแล้วอีกสองสามวันจะกลับมา เหตุใดท่านไม่ตามข้าไปรอเขาที่จวนล่ะ ข้าจะพูดกับท่านพ่อเองว่าท่านเป็นน้องสาวของนายน้อยจี เขาต้องต้อนรับท่านแน่”