ตอนที่ 1926 การปกปิดจุดด้อยของฮ่องเต้ (5)
เมื่อฉีปาเหอเห็นว่าฉีหลิงเงียบ เสียงของเขาก็อ่อนลง
“เจ้าสอง บนโลกนี้มีสตรีตั้งเยอะแยะ ในเมื่อน้องชายเจ้าชอบนางเหตุใดเจ้าไม่ยกนางให้เขาล่ะ เจ้าควรจะส่งนางไปที่จวนของเจ้าสามเพื่อรับการลงโทษ!”
นางก็เป็นแค่สตรีคนหนึ่งและพวกเขาจะมีอีกสักกี่คนก็ได้ เหตุใดต้องให้เจ้าสองมารังแกน้องชายในสายเลือดเพื่อสตรีคนหนึ่งด้วย
ฉีหลิงยิ้มเยาะ “สตรีคนหนึ่งงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ แล้วเสด็จพ่อรู้หรือไม่ว่ากำลังพูดถึงคนที่สังหารผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์จากอาณาจักรหลิวเฟิงโดยไร้รอยขีดข่วน”
ทุกคนในท้องพระโรงสูดหายใจเอาอากาศเย็นๆ เข้าไปหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฉีหลิง พวกเขารู้แค่ว่าคนที่ทำร้ายองค์ชายสามเป็นหญิงสาวอายุราวยี่สิบปี การที่นางครอบครองพลังที่สามารถเอาชนะผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ได้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ นางต้องเป็นคนน่ากลัวขนาดไหนกัน
“สตรีที่เสด็จพ่อพูดถึงสามารถทำให้ฉีซูเชื่อฟังนางได้และยังเป็นเจ้าของร้านโอสถผสานฌานอีกด้วย! ฉีหลิงจากตระกูลฉีไม่สามารถฝึกพลังฌานได้มาตั้งแต่เด็กและสตรีผู้นี้ที่เสด็จพ่อกำลังดูถูกก็เป็นคนใช้ทักษะทางการแพทย์รักษานาง! …
…เสด็จพ่ออาจจะไม่รู้ว่าฉีหลิงเป็นใคร แต่ว่าจักรพรรดิของอาณาจักรหลิวเฟิงที่ก่อนหน้านี้ไม่นานประชวรหนักและไม่มีใครสามารถรักษาเขาได้ ข้ามั่นใจว่าเสด็จพ่อคงรู้เรื่องนี้ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ บังเอิญว่านางเองก็เป็นคนรักษามู่เจิ้นเทียนเหมือนกัน!”
ฉีหลิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสด็จพ่อของเขาถึงดูถูกสตรี เขาไม่รู้หรือว่าสตรีที่เขาเหยียดหยามมีพลังที่น่าหวาดกลัวขนาดไหน
“เสด็จพ่ออยากจัดการนางงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ก็ได้ จักรพรรดิของอาณาจักรหลิวเฟิงนับถือนางเป็นผู้มีพระคุณและถ้าท่านทำร้ายนางแม้แต่นิดเดียว ลูกก็คิดว่าถ้าเกิดพวกเขารู้เรื่องนี้ก็คงเกิดสงครามระหว่างสองอาณาจักรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!”
พูดตามตรง ฉีหลิงอยากจะบอกว่า ‘ได้โปรดดูจักรพรรดิของอาณาจักรหลิวเฟิงแล้วกลับมาดูตัวเอง ว่าท่านมีความสามารถถึงหนึ่งในสิบของจักรพรรดิที่ชาญฉลาดของอาณาจักรหลิวเฟิงหรือไม่’
สีหน้าของฉีปาเหอเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้อย่างยิ่ง เขาไม่เคยคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้! เมื่อคิดถึงสงครามระหว่างสองอาณาจักรก็ทำให้เขาหวาดกลัว
“ฝ่าบาทเพคะ…” สตรีงดงามในชุดผ้าไหมปักดิ้นทองทำหน้ามุ่ยขณะที่หยาดน้ำตาไหลลงมาจนทำให้บุรุษเกิดความสงสาร
“สนมรัก เจ้าสบายใจเถอะ ข้าจะชดเชยให้เจ้าสามอย่างดี” ครั้งนี้ฉีปาเหอไม่ได้พูดถึงการลงโทษอวิ๋นลั่วเฟิงอีก
“เสด็จพ่อ ลูกมีอย่างอื่นที่อยากจะปรึกษาพ่ะย่ะค่ะ” ฉีหลิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เนื่องจากว่าอีกสองสามเดือนจะมีการประลองระหว่างสี่อาณาจักร ลูกอยากจะพาคนไปเข้าร่วมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าของฉีปาเหอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาอยากให้องค์ชายสามไปเข้าร่วมการประลองคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น…ด้วยคำพูดก่อนหน้านี้ของราชครู เขาเลยมั่นใจว่าองค์ชายสามจะต้องชนะอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อตอนนี้เขาได้ยินคำขอของฉีหลิง เขาจึงบอกปัดไปทันที “องค์ชายสามไปคนเดียวก็เพียงพอ เจ้าไม่ต้องเสียเวลาไปหรอก” ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่ชนะ…
“เสด็จพ่อ ไม่มีกฎข้อไหนจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมหรือกฎที่บอกว่าแต่ละอาณาจักรต้องส่งผู้เข้าประลองได้กลุ่มเดียว เมื่อถึงตอนนั้นลูกก็จะสมัครด้วยตัวเองไม่ยุ่งกับน้องสาม ดังนั้นก็ไม่มีอะไรเสียหายนะพ่ะย่ะค่ะ”
ตามปกติแล้วแต่ละอาณาจักรจะส่งคนหลายกลุ่มเข้าร่วมการประลอง ถ้าพวกเขาโชคร้าย กลุ่มคนจากอาณาจักรเขาก็อาจจะต้องมาต่อสู้กันเองระหว่างการประลองและต้องเลือกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในทางกลับกัน อย่างน้อยก็ต้องมีสักกลุ่มที่ชนะกลุ่มอีกมากมายที่เหลือไม่ใช่หรือ
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าคำพูดขององค์ชายรองมีเหตุผลนะพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางหลายคนเห็นด้วย “ถึงอย่างไรอาณาจักรเทียนฉีของพวกเราก็ไม่เสียอะไรถ้าส่งคนออกไปหลายกลุ่มไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ให้องค์ชายรองไปประลองเถอะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าองค์ชายคนใดจะชนะก็เป็นโชคดีของอาณาจักรเทียนฉีของพวกเราทั้งนั้น”
ตอนที่ 1927 การปกปิดจุดด้อยของฮ่องเต้ (6)
เมื่อเห็นว่าขุนนางทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันก็ไม่เหมาะที่ฉีปาเหอจะดื้อดึงต่อไป เขาได้แต่ทำได้หน้านิ่งขณะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เจ้าสอง ข้าก็จะยอมให้เจ้าพากองกำลังไปเข้าร่วม! ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำข้าผิดหวังหรือกลับมามือเปล่า”
ภายในสวนที่งดงามราวกับภาพวาดแห่งหนึ่ง ชายคนหนึ่งยืนหลังตรงอยู่ใต้สายลมบนเนินหินจำลอง ชุดคลุมยาวสีดำของเขาแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายออกมาขณะใบหน้านิ่งสนิทของเขาค่อยๆ ปรากฏร่องรอยแห่งอารมณ์เหมือนว่าเขากำลังนึกถึงอะไรบางอย่างอยู่
อารมณ์นี้เกิดเพียงชั่วพริบตาเดียวและเขาก็กลับมามีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม ทันทีที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง เขาก็รีบหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมเพื่อปิดบังใบหน้าหล่อเหลาจนสวรรค์ตะลึงของตัวเอง
“นายท่าน” ชายในชุดลายมังกรคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและแสดงสีหน้านับถือขณะที่พูดด้วยท่าทางเคารพอย่างมาก
“อืม” ชายหนุ่มตอบเสียงเบา “คนที่ข้าให้ไปตามหา เจ้าเจอหรือยัง”
“เรียนนายท่าน ข้าน้อยได้ส่งยอดฝีมือของราชวงศ์ออกไปตามหานางแล้วขอรับ ข้าน้อยคิดว่าอีกไม่นานพวกเราก็จะได้ข่าวคราว”
เมื่อเขามองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า บุรุษในชุดสีเหลืองก็นึกถึงฉากที่ชายคนนี้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก
เขาปรากฏตัวขึ้นราวกับพระเจ้าที่ลงมาจากฟ้า เขาทั้งเย็นชา สูงส่ง และทรงพลังมาก! โดยเฉพาะน้ำเสียงโอหังของบุรุษผู้นี้ขณะที่พูดว่าจะยึดครองอาณาจักรของเขา
น้ำเสียงโอหังของเขากระตุ้นให้ยอดฝีมือสองคนของราชวงศ์โกรธแล้วเกิดการปะทะกัน แต่ว่าการต่อสู้ก็ไม่ได้กินเวลานาน ยอดฝีมือของราชวงศ์พ่ายแพ้ภายใต้สายตาของทุกคน เส้นผมก็เขายังไม่ทันยุ่งเลยแม้แต่น้อยจากการต่อสู้ก่อนหน้า เพราะเขาทำเพียงแค่โบกมือเท่านั้นเอง
ตั้งแต่วันนั้น ในฐานะที่เขาเป็นจักรพรรดิที่เคยนั่งอยู่เหนือทุกคนก็กลายเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ชายในชุดสีเหลืองก็เกือบจะน้ำตาไหล แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจต่อหน้าบุรุษคนนี้
“ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวัน! หานางให้เจอภายในสามวันไม่อย่างนั้น…ก็ไม่จำเป็นต้องมีอาณาจักรจื่อเยว่ของเจ้าอีกต่อไป!”
เสียงของชายหนุ่มไร้อารมณ์และโหดเหี้ยมคล้ายกับมีค้อนหนักๆ ทุบเขาที่หัวใจของจักรพรรดิอย่างแรงจนทำให้เขาตัวสั่นเทิ้ม
“ขอรับ นายท่าน ข้าน้อยจะส่งคนออกไปออกไปตามหานางมากกว่านี้!” จักรพรรดิของอาณาจักรจื่อเยว่กดความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้เอาไว้แล้วประสานมือเคารพ หลังจากนั้นเขาก็เซหันหลังไปแล้วรีบออกจากสวนอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่อีกฝ่ายออกไป ชายหนุ่มก็ถอดหน้ากากออกมาแล้วเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขา
“เฟิงเอ๋อร์ รอข้าก่อนนะ…อีกไม่นานข้าจะรีบไปอยู่ข้างกายท่าน” ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม ใบหน้างดงามไร้ที่ติของหญิงสาวผู้หนึ่งก็เหมือนจะปรากฏขึ้นส่งผลให้ดวงตาโหดเหี้ยมของเขาอ่อนลง
กลายเป็นความเจ็บปวด