ตอนที่ 1944 นครเฟิงอวิ๋น (2)
เขาตั้งใจจะเยาะเย้ยนาง แต่เมื่อถูกสายตาร้ายกาจและเย็นชาของสตรีผู้นี้จ้องมาก็อดไม่ได้ที่กลืนคำพูดลงไป เขากัดฟันโบกมือ “พวกเราไป! ”
ฮึ่ม! ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะแตะต้องสตรีผู้นี้ไม่ได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รวบรวมอาณาจักรทั้งสี่ได้ เขาจะให้นางมาคุกเข่าร้องขอความเมตตาจากเขา!
เมื่อคิดถึงภาพนั้นฉีอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยใบหน้าที่ดูสบายอกสบายใจ
…
หลังจากที่ฉีอวี่จากไป ฉีหลิงก็หันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วอธิบาย “อาณาจักรจินหยางที่เป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในสี่อาณาจักรและเป็นเจ้าภาพจัดการประลองระหว่างสี่อาณาจักร องค์หญิงจินหยางจากอาณาจักรจินหยางมีพรสวรรค์มาก! คนของนางเองก็แข็งแกร่งมากเช่นเดียวกัน ครั้งนี้นางเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเราแล้ว! ”
องค์หญิงจินหยางได้รับการตั้งชื่อตามชื่ออาณาจักร แสดงให้เห็นว่านางมีฐานะสูงส่งมากในอาณาจักรจินหยาง
ฉีหลิงบอกเรื่องนี้เพื่อเตือนอวิ๋นลั่วเฟิง แต่เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของนางแล้วเขาก็คิดว่าตัวเองคงคิดมากเกินไป ถ้าพูดถึงพรสวรรค์ไม่มีใครบนโลกนี้เทียบกับอวิ๋นลั่วเฟิงได้ ตอนที่นางยังเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียน นางก็สามารถเอาชนะผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ได้ ตอนนี้นางผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นขั้นเซียนสวรรค์แล้ว ดังนั้นนางจึงยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น!
แต่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเพียงพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชาและมีร่องรอยของความเกียจคร้านว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว…”
ฉีหลิงอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ที่พักของพวกเราในนครเฟิงอวิ๋นถูกเตรียมไว้แล้ว แม่นางอวิ๋นให้ข้าพาท่านไปพักเถอะ”
“ได้” อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้า แทนที่จะเสียเวลาฟังฉีหลิงพูดอะไรไร้สาระ นางเอาเวลาไปฝึกพลังฌานดีกว่า
พูดจบได้ไม่นานฉีหลิงก็พาอวิ๋นลั่วเฟิงไปพักแต่ว่าเมื่อพวกเขากำลังจะออกไป พวกเขาก็ได้ยินคำพูดเหยียดหยามดังขึ้นมา
“หืม ดูสิว่าใครอยู่ที่นี่! มู่เสวี่ยซิน บิดาเจ้ายังไม่ตายอีกเหรอ”
เสียงที่เต็มไปด้วยการดูถูกทำให้ใบหน้าของฉีซูเปลี่ยนไปทันที
“องค์ชายรอง กระหม่อมเจอคนรู้จัก กระหม่อมจะไปดูสักหน่อยอีกไม่นานจะกลับไปพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นสายลมแล้วพุ่งไปยังสวนข้างๆ ทันที…
ภายในสวนมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนเท้าเอวจ้องหน้ามู่เสวี่ยซินอย่างเย่อหยิ่งด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
มู่เสวี่ยซินดูนิ่งเฉย แต่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน “เจ้าสบายใจเถอะ ต่อให้คนสุดท้ายในอาณาจักรจื่อเยว่ตาย เสด็จพ่อของข้าก็ยังมีชีวิตอยู่! ”
“เจ้ากล้าดียังไง! ” เฉียวเยี่ยเฟิงตะคอก “มู่เสวี่ยซิน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาพูดกับข้าแบบนี้ อาณาจักรหลิวเฟิงของเจ้าไปทำเรื่องบาปกรรมอะไรไว้กันแน่ บิดาเจ้าถึงได้กำลังจะตายโดยที่ไม่มีบุตรชาย! ”
ถึงแม้พวกเขาจะมีองค์ชายน้อย เขาก็ไม่ใช่ลูกของมู่เจิ้นเทียน ดังนั้นเฉียวเยี่ยเฟิงจึงพูดคำเหล่านี้ออกมา
มู่เสวี่ยซินโกรธจัดแล้วตบหน้าเฉียวเยี่ยเฟิง
ไม่มีใครคาดคิดว่ามู่เสวี่ยซินจะกล้าทำร้ายผู้เข้าร่วมการประลองคนอื่นก่อนจะเริ่ม ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงตกตะลึง
“มู่เสวี่ยซิน เจ้าข้าตบข้างั้นหรือ” เฉียวเยี่ยเฟิงมองอย่างไม่เชื่อแล้วพูดโกรธเคืองว่า “ทหาร จับนังสวะนี่ซะ! ”
“องค์หญิงเพคะ…” นางกำนัลคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ดึงแขนเสื้อนางอย่างระมัดระวัง “พวกเราแอบมาที่นี่นะเพคะ พวกเราควรจะทำตัวไม่โดดเด่นจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นฝ่าบาท…”
ตอนที่ 1945 นครเฟิงอวิ๋น (3)
ครั้งนี้เฉียวเยี่ยเฟิงแอบหนีออกมาจากพระราชวัง และมาที่การประลองระหว่างสี่อาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิ
เสด็จพ่อของนางบังคับให้นางแต่งงานกับสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์อย่างจักรพรรดิปีศาจในฐานะอนุภรรยาได้อย่างไร
สัตว์ประหลาดอัปลักษณ์อย่างเขาไม่คู่ควรกับนาง!
มีแต่สตรีหน้าตาน่าเกลียดที่สุดโลกเท่านั้นแหละที่สามารถอยู่เคียงข้างสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์ได้!
แต่ว่าเฉียวเยี่ยเฟิงและมู่เสวี่ยซินก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีมาหลายปีแล้ว ทันทีที่นางเห็นหน้าอีกฝ่ายนางก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เมื่อได้ยินคำพูดของนางกำนัล นางก็ตบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรงทันทีแม้ว่าปกติแล้วนางจะทำตัวดีกับนางกำนัลคนนี้ก็ตาม
“เจ้าตาบอดหรืออย่างไร เจ้าไม่เห็นว่าข้าโดนรังแกหรือ สตรีผู้นี้ตีข้า นางต้องชดใช้! ”
นางกำนัลก้มหน้าด้วยความเสียใจแล้วไม่กล้าพูดอะไรอีก
เฉียวเยี่ยเฟิงจ้องหน้ามู่เสวี่ยซินอย่างโกรธเคือง เมื่อนางเห็นคนที่อยู่รอบๆ ไม่คิดช่วยนาง นางก็ตัดสินใจแก้แค้นด้วยตัวเอง แต่เมื่อนางเงื้อมือขึ้นก็มีมือที่แข็งแรงและทรงพลังกว่าจับแขนนางไว้
พลั่ก!
เมื่อบุรุษผู้นี้ผลักนางอย่างแรง เฉียวเยี่ยเฟิงก็ถอยหลังไปสองสามก้าวทันที ความโกรธพุ่งขึ้นในใจนางทำให้นางเงยหน้าขึ้นทันที แต่ว่านางก็หยุดเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม
ความจริงแล้วเฉียวเยี่ยเฟิงมีเหตุผลที่มาที่นี่
คนที่มาที่การประลองระหว่างสี่อาณาจักรต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์โดดเด่น ก่อนที่บิดาของนางจะบังคับให้นางแต่งงานกับสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์อย่างจักรพรรดิปีศาจ นางต้องหาคนที่ตรงใจเสียก่อน ในหัวใจของนาง องค์ชายสักคนก็เป็นตัวเลือกที่ดี
องค์ชายไม่ได้แค่มีพรสวรรค์โดดเด่นแต่ยังมีฐานะสูงส่งด้วย แล้วบางคนก็มีใบหน้าหล่อเหลามาก มีแต่บุรุษแบบนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับนาง…
ดังนั้นเมื่อเห็นหน้าฉีซูครั้งแรก เฉียวเยี่ยเฟิงจึงมั่นใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นสามีที่นางคาดหวัง!
“ฉีซู?”
มู่เสวี่ยซินหันไปแล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม นางดีใจมากที่ได้เห็นเขาที่นี่ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“ข้ามากับฉีหลิง มู่เอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” ฉีซูมองด้วยสายตากังวล
มู่เสวี่ยซินดูเขินอายแล้วส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นอะไร ฉีซู ข้าปกป้องตัวเองได้นะ”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็สบายใจ” ฉีซูยิ้มแล้วจากนั้นก็หันไปหาเฉียวเยี่ยเฟิง
ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาและยังมีความเย็นยะเยือกอยู่ในนั้นด้วย “องค์หญิงของอาณาจักรจื่อเยว่ก็งั้นๆ แหละ! ”
เฉียวเยี่ยเฟิงมองฉีซูอย่างหลงใหลแต่เมื่อได้ยินคำดูถูกอย่างร้ายกาจของเขา นางก็เดือดดาลทันที “นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับมู่เสวี่ยซิน เจ้ามาเกี่ยวอะไรด้วย”
ชายหนุ่มคนนี้ดูดีแต่รสนิยมแย่มาก เขาสนใจในตัวผู้หญิงอย่างมู่เสวี่ยซินได้อย่างไร มู่เสวี่ยซินไม่งดงามเท่านางด้วยซ้ำ!
ฉีซูยิ้มเย็นแล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “มู่เอ๋อร์เป็นคู่หมั้นของข้า แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับข้าอยู่แล้ว! ”
เฉียวเยี่ยเฟิงกัดฟันกรอด “สุนัขก็คู่กับสุนัข หมาป่าก็คู่กับหมาป่า ในเมื่อมู่เสวี่ยซินเป็นคู่หมั้นของเจ้า เจ้าก็ต้องน่ารังเกียจไม่ต่างจากนาง! เสี่ยวชุ่ย พวกเรากลับ! ”
ถึงแม้ว่าเฉียวเยี่ยเฟิงจะไม่ฉลาดแต่นางก็บอกได้ว่าฉีซูไม่ได้อ่อนแอ เห็นได้จากแรงที่เขาใช้ผลักนางเมื่อครู่
ดังนั้นนางจึงจ้องหน้าฉีซูแล้วเดินออกไปอย่างหยิ่งสโส ตามด้วยนางกำนัลและองครักษ์
ฉีซูถอนสายตาออกมา “มู่เอ๋อร์ แม่นางอวิ๋นก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”
“จริงหรือ” ดวงตาของมู่เสวี่ยซินเป็นประกายและใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส “ข้านับถือทักษะการแพทย์ของแม่นางอวิ๋นจริงๆ ถ้าข้ามีเวลา ข้าก็อยากเรียนรู้จากนาง”
นางทำใบหน้าซุกซนแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “จะว่าไปเหตุใดเจ้าถึงมากับองค์รองอาณาจักรเทียนฉีได้ล่ะ”