ตอนที่ 1950 การประลองเริ่มต้นขึ้นแล้ว (5)
แต่ว่าหนึ่งในกลุ่มของอาณาจักรเทียนฉีมีสมาชิกแค่สามคน…
ดังนั้นตอนที่ฉีหลิงประกาศจำนวนสมาชิก ทุกคนจึงมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกใจ
“สามคนงั้นหรือ ข้าได้ยินถูกหรือไม่ กลุ่มที่สองของอาณาจักรเทียนฉีมีสมาชิกแค่สามคนงั้นหรือ”
“เหอะ องค์ชายรองอาณาจักรเทียนฉีคิดว่าพวกเขาเอาชนะพวกเราได้ด้วยคนสามคนงั้นหรือ เรื่องตลกอะไรกัน!”
พวกเขาหัวเราะกันเสียงดัง และใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยการล้อเลียน
มู่เสวี่ยซินดูกังวล นางตั้งใจจะพูดบางอย่างแต่เมื่อเห็นใบหน้าสงบนิ่งของอวิ๋นลั่วเฟิงนางก็ไม่กังวลอีกต่อไป คนสองคนที่นางเชื่อใจมากที่สุดคือผู้มีพระคุณของนางและคู่หมั้นของนาง
ดังนั้นนางเชื่อในความแข็งแกร่งของพวกเขา!
ตอนนั้นเององค์ชายสามฉีอวี่ก็ยืนขึ้นแล้วพูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าพี่รองของข้าหยิ่งยโสขนาดไหน ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขาบอกว่าเขาสามารถเอาชนะองค์ชายและองค์หญิงทุกคนได้ด้วยคนแค่สามคน!”
เพราะความสัมพันธ์ระหว่างมู่เสวี่ยซินกับฉีซู คนจากอาณาจักรหลิวเฟิงจึงไม่ได้ตอบสนองกับคำพูดของเขา
แต่ว่ากลุ่มของอาณาจักรจื่อเยว่และอาณาจักรจินหยางไม่ได้ใจเย็นอย่างนั้น ทันทีที่พวกเขาได้ยินแบบนี้ พวกเขาก็จ้องฉีหลิงและสมาชิกในกลุ่มด้วยสายตาเดือดดาลทันที
เฉียวจื่อเสวียนไม่ได้พูดอะไรแต่เขาก็ดูไม่ค่อยพอใจ แน่นอนว่าเขากลัวอวิ๋นเยว่ชิงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวฉีซูกับฉีหลิง
อีกอย่างฉีหลิงก็พูดคำยั่วยุแบบนี้ด้วย
มีแค่องค์หญิงจินหยางที่ค่อนข้างสงบราวกับไม่ได้ยินคำพูดของฉีอวี่ นางใช้ดวงตาใสกระจ่างจ้องอวิ๋นลั่วเฟิง
ถ้าจะมีคนที่นางรู้สึกว่าอันตรายก็ต้องเป็นสตรีในชุดสีขาวคนนั้น…
กระทั่งนางไม่รู้ว่าทำไมนางถึงรู้สึกว่า….สตรีผู้นี้อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง!
…
ฉีหลิงขมวดคิ้วแล้วยืนขึ้นเพื่อจะพูดบางอย่าง แต่ก็มีแขนข้างหนึ่งยื่นมาหยุดเขาเอาไว้
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของนางดูร้ายกาจและใบหน้างดงามของนางก็มีรอยยิ้มบาง
“เจ้าพูดถูกแล้ว พวกเราสามคนจะเอาชนะพวกเจ้าทุกคน!”
นางเย่อหยิ่งและเผด็จการเกินไปแล้ว! นางพูดแบบนี้ภายใต้สายตาเยาะเย้ยและเหยียดหยาม! ทุกคนตะลึง นางพูดแบบนี้ต่อหน้าองค์ชายและองค์หญิงทั้งหลายได้อย่างไร
นี่เป็นเรื่องชั่วร้ายเกินไปแล้ว นางไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ!
เฉียวเยี่ยเฟิงยิ้มเยาะ “พวกเรารู้ดีว่าฉีหลิงมีความสามารถแค่ไหนแต่กับพวกเจ้าสองคน…ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะอ่อนแอกว่าฉีหลิงเสียอีก เจ้าพูดว่าจะเอาชนะพวกเราด้วยคนเพียงสามคนงั้นหรือ ข้าไม่เคยเห็นคนอวดดีเท่าเจ้ามาก่อนเลย!”
อวิ๋นลั่วเฟิงส่งสายตาไร้กังวลให้เฉียวเยี่ยเฟิง “เดี๋ยวก็รู้”
“เจ้า…” เฉียวเยี่ยเฟิงชี้หน้าอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความโกรธและหน้าอกของนางก็หนักอึ้ง “ได้ ข้าอยากเห็นว่าเจ้ามีความสามารถอะไรมาที่การประลอง!”
สตรีผู้นี้คิดว่าตัวเองเป็นองค์หญิงจินหยางหรืออย่างไร
องค์หญิงจินหยางมีพรสวรรค์ที่ไร้คู่แข่ง ถ้านางเป็นคนพูดก็ยังสมเหตุสมผล แต่อวิ๋นลั่วเฟิงคิดว่าตัวเองเป็นใคร นี่เป็นเรื่องตลกแบบไหนนางถึงเพ้อฝันว่าตัวเองจะเอาชนะผู้เข้าแข่งขันคนอื่นได้ด้วยคนแค่สามคน
นี่เป็นเรื่องที่ตลกที่สุดที่นางเคยได้ยินในชีวิตเลย!
เมื่อคิดอย่างนั้นเฉียวเยี่ยเฟิงก็จ้องอวิ๋นลั่วเฟิง นางอยากเห็นนักว่าสตรีผู้นี้จะทำได้อย่างที่ปากว่าหรือนางเป็นแค่คนเสียสติ!
ตอนที่ 1951 การประลองเริ่มต้นขึ้นแล้ว (6)
ด้านนอกประตู
บุรุษในชุดสีดำคนหนึ่งหยุดอยู่กลางอากาศ เขาก้มลงมองประตูใหญ่โตแล้วยกยิ้มบางแต่ว่าทันทีที่เขากำลังจะเข้าประตู ทหารสองคนของอาณาจักรจินหยางก็หยุดเขาเอาไว้
“หยุด แสดงป้ายประจำตัวมาซะ!”
“ไสหัวไป!”
ตูม!
ทันทีที่เขาตะคอก ทหารทั้งสองคนก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังกระแทกเข้าที่หน้าอกแล้วส่งพวกเขาไปยังประตูเมือง ตอนนี้พวกเขาพึ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นแต่บุรุษผู้นั้นก็หายไปแล้ว…
“เร็วเข้า รีบไปรายงานฝ่าบาทว่ามีคนปริศนาบุกรุกเข้ามา”
ทหารคนหนึ่งลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เขากุมแผลที่หน้าอกแล้วสูดหายใจเข้าลึก ถึงแม้เขาจะบาดเจ็บแต่เขาก็พยายามพุ่งไปที่สถานที่จัดการประลอง…
…
นครเฟิงอวิ๋นเล็กมาก ดังนั้นไม่นานบุรุษชุดดำจึงมาถึงสถานที่ที่มีคนหนาแน่น เขาเหลือบไปเห็นสตรีชุดขาวยื่นอยู่ท่ามกลางฝูงชนจากไกลๆ
ตอนนั้นเองสตรีชุดขาวก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง นางเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าจากนั้นก็เห็นสายตารักใคร่ของเขามองมา เมื่อนางสบตากับเขาหัวใจนางก็กระตุก นางลืมเสียงวุ่นวายโดยรอบไปเสียสนิท ในสายตาของนางเห็นเพียงบุรุษบนท้องฟ้าเท่านั้น
“แม่นางอวิ๋น?” ฉีซูสังเกตเห็นความผิดปกติของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วมองตามสายตาของนางไปก็เห็นบุรุษที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าราวกับเทพเจ้า
ความรู้สึกแรกที่เขามีต่อบุรุษผู้นี้คือเขาทรงพลัง! ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะสวมหน้ากากแต่เขาก็ยังมองเห็นความแข็งแกร่งและทรงอำนาจ
เฉียวเยี่ยเฟิงเห็นบุรุษบนท้องฟ้านางก็ขมวดคิ้วแล้วบ่น “บุรุษคนนี้หน้าไม่อายจริงๆ เขาต้องไล่ตามข้ามาที่นี่หลังจากที่รู้ว่าข้ามาที่นครเฟิงอวิ๋นแน่ๆ ”
องค์ชายอาณาจักรจินหยางสงสัยในตัวตนของอวิ๋นเซียว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเฉียวเยี่ยเฟิง เขาก็หันไปหานาง
“องค์หญิงเฟิง ท่านรู้จักเขาหรือ”
“ใช่แล้ว” เฉียวเยี่ยเฟิงยิ้มเยาะอย่างดูถูก “บุรุษผู้นี้หลงรักข้า ฝันที่จะได้ตัวข้าและขอให้เสด็จพ่อยกข้าให้แต่งงานกับเขา แต่เหตุใดเขาไม่ดูตัวเองหน่อยเล่า เขาอัปลักษณ์ขนาดนี้ แน่นอนว่าข้าต้องไม่แต่งงานกับเขาอยู่แล้ว”
นางไม่ได้บอกองค์ชายว่าบิดานางตั้งใจจะยกนางให้เป็นอนุภรรยาของเขา ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป ทุกคนในแคว้นนี้ต้องหัวเราะนางแน่นอน!
ขณะที่พวกเขาพูดกัน บุรุษบนท้องฟ้าก็เดินลงมาช้าๆ สายตาเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความคะนึงหา ดวงตาสีนิลของเขาก็จับจ้องอยู่ที่สตรีในชุดสีขาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
“เฟิงเอ๋อร์”
ในที่สุดเขาก็หานางเจอ…
เขาจะไม่มีวันอยู่ห่างจากนางอีกไปตลอดชีวิต
เมื่อได้ยินอวิ๋นเซียวเรียก ‘เฟิงเอ๋อร์’ เฉียวเยี่ยเฟิงก็คิดว่าเขาเรียกนางจึงแสดงสีหน้ารังเกียจ
เฉียวเยี่ยเฟิงเชิดหน้าขึ้นอย่างยโสแล้วพูดอย่างท้าทายว่า “จักรพรรดิปีศาจ ในที่สุดข้าก็หนีจากอาณาจักรจื่อเยว่และมาที่นี่ เหตุใดเจ้ายังมาที่นี่อีก ใครอนุญาตให้เจ้าเรียกข้าแบบนั้น เจ้าไม่ควรอยากได้คนที่ไม่ได้เป็นของเจ้า เพียงเพราะเสด็จพ่อของข้าเคารพเจ้า!”
ชายผู้นี้มองนางด้วยสายตาอ่อนโยนดังนั้นเขาไม่มีทางโกรธเพราะคำพูดนาง! ไม่อย่างนั้น บิดาของนางต้องลงโทษนางอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเยี่ยเฟิง ฝูงชนก็คิดว่าพวกเขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา แล้วมองอวิ๋นเซียวด้วยความเห็นใจ