ตอนที่ 1962 อวิ๋นเยว่ชิง (4)
โชคร้ายที่นางคิดไม่ถึงว่าฉีซูจะไม่ได้มากับอาณาจักรหลิวเฟิงแต่มากับอาณาจักรเทียนฉีแทน
อวิ๋นเยว่ชิงหลับตา สักพักนางก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มือที่นางกำหมัดอยู่สั่นน้อยๆ
“เจ้าพูดจบหรือยัง ถ้าจบแล้วก็ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
ตูม!
กลิ่นอายอำมหิตรวมตัวกันกระแทกตัวนางจนทำให้สีหน้าของหลั่งซินเยว่เปลี่ยนไปอีกครั้ง ราวกับว่านางไม่สามารถหายใจได้ภายใต้แรงกดดันนี้
“อวิ๋นเยว่ชิง ข้าจะปล่อยให้เจ้าย่ามใจไปอีกหน่อย สักวันหนึ่งข้าจะทำให้เจ้ามาคุกเข่าขอร้องต่อหน้าข้า!” นางจ้องอวิ๋นเยว่ชิงอย่างดุร้ายก่อนที่จะหันหลังแล้วหายไปในอากาศ
อวิ๋นเยว่ชิงกลัวว่าอีกฝ่ายจะหันกลับมาจึงไม่ได้ถอนแรงกดดันคืนมา ผ่านไปสักพักเมื่อรู้ว่าหลั่งซินเยว่จะไม่กลับมาแน่แล้ว อวิ๋นเยว่ชิงอ่อนแรงลงแล้วทรุดลงกับพื้น
ตอนนั้นเอง พยัคฆ์ตัวน้อยที่มีลายสีโลหิตก็เดินออกมาจากในป่า สัตว์วิญญาณอสูรตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เผยตัวออกมาแล้วเดินมาตรงหน้าอวิ๋นเยว่ชิง พยัคฆ์น้อยเลียแก้มนางอย่างอ่อนโยน
“ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล” อวิ๋นเยว่ชิงยิ้ม “ข้าใช้กลิ่นอายของข้าบังคับให้นางจากไป แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าอีกสองสามวันนางจะกลับมาหรือไม่ ถ้านางกลับมา เจ้าต้องไปซ่อนให้ดีและอย่าให้ตัวเจ้าถูกเจอเข้าล่ะ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเจออันตรายเพราะข้า”
พยัคฆ์น้อยเงยหน้ามองอวิ๋นเยว่ชิงอย่างกังวล
ถึงแม้ว่าสัตว์วิญญาณอสูรเหล่านี้จะไม่ได้พูดอะไรแต่อวิ๋นเยว่ชิงก็สัมผัสได้ถึงความกังวลของพวกเขา
“อีกสองสามวันศิษย์ของข้าน่าจะเข้ามาที่ป่าบททดสอบสวรรค์ เจ้าช่วยไปสังเกตการณ์ให้หน่อย ถ้าชีวิตเขาตกอยู่ในอันตรายก็มาแจ้งข้า ไม่อย่างนั้นก็ไปช่วยเขาเท่าที่ทำได้”
พยัคฆ์น้อยพยักหน้า ร่างใหญ่โตของเขานอนลงแล้วให้อวิ๋นเยว่ชิงนอนลงบนตัวเขาเพื่อพักผ่อน
อวิ๋นเยว่ชิงลูบพยัคฆ์น้อยแล้วหันไปมองสัตว์วิญญาณอสูรตัวอื่นแล้วหัวเราะเบาๆ “เสี่ยวหู่ ความจริงแล้ว อาการบาดเจ็บของข้าแย่ลง พิษจากตอนนั้นยังไม่ได้ถูกขับออกไป ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน…
…สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุดในชีวิตก็คือข้าไม่สามารถฟื้นความทรงจำคืนมาได้ ข้าจำครอบครัวของตัวเองไม่ได้!” ดวงตาของอวิ๋นเยว่ชิงอ่อนล้าเพราะความทุกข์ใจ “แต่ว่า ข้ารู้ดีว่าข้ามีบุตรสาวคนหนึ่ง!”
ทุกคืนที่นางนอนหลับ นางก็จะฝันถึงร่างเล็กๆ ที่กอดเสื้อผ้านางแล้วร้องไห้เพื่อไม่ให้นางจากไป…แล้วทุกครั้งที่นางฝันถึงร่างเล็กๆ นั่น ความเจ็บปวดก็จะเข้ามาเกาะกุมหัวใจของนาง
“หลังจากที่ข้าตาย ข้าหวังว่าเจ้าจะออกจากป่าบททดสอบสวรรค์ไปตามหาบุตรสาวของข้าและคอยรับใช้นาง”
ความจริงแล้วนางออกตามหาบุตรสาวมานานกว่าสิบปี นางจะพึ่งพาสัตว์วิญญาณอสูรของป่าบททดสอบสวรรค์ให้ตามหาครอบครัวที่แม้แต่นางยังหาเองไม่เจอได้อย่างไร
นางอาจจะลืมอดีตของนางไปแล้วแต่เหตุการณ์สองสามอย่างก็ยังปรากฏขึ้นในความคิดนางเป็นพักๆ ฉากเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าบุตรสาวของนางไม่สามารถฝึกพลังฌานได้เหมือนเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ นี่จึงเป็นเหตุผลที่นางหวังว่าสัตว์วิญญาณอสูรจากป่าบททดสอบสวรรค์จะตามหาแล้วปกป้องนางไปทั้งชีวิตได้!
“งื้ด งื้ด” เสี่ยวหู่สะอึกสะอื้นแล้วถูหัวกับศีรษะของอวิ๋นเยว่ชิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา
สัตว์วิญญาณอสูรตัวอื่นๆ ก็ร้องไห้อย่างเศร้าโศก
…
ขณะเดียวกัน ภายในที่พักนครเฟิงอวิ๋น เฉิงเฟยหยางรู้สึกไม่สบายใจ เขาอดที่จะคิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นไม่ได้
“ฝ่าบาท ท่านอู๋จุนมาแล้วขอรับ!”
เฉิงเฟยหยางสูดหายใจเข้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “รีบไปเชิญเขามาหาข้า”
ตอนที่ 1963 อวิ๋นเยว่ชิง (5)
อาณาจักรจินหยางแตกต่างจากอาณาจักรอื่น เพราะอาณาจักรจินหยางมียอดฝีมือขั้นเซียนอาวุโสถึงสามคนและท่านอู๋จุนก็เป็นหนึ่งในนั้น
ชายชราในชุดคลุมยาวสีดำเดินเข้ามาแล้วถามทันทีว่า “ฝ่าบาท ข้าสับสนอยู่เรื่องหนึ่ง ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเราปรึกษากันเรื่องงานประลองที่อาณาจักรจินหยาง งานประลองไม่ได้จัดที่ป่าบททดสอบสวรรค์ เหตุใดท่านถึงเปลี่ยนที่จัดงานในช่วงสุดท้ายโดยไม่ปรึกษาข้า”
สีหน้าของเฉิงเฟยหยางเปลี่ยนไป เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้จากท่านอู๋จุนได้ สุดท้ายเขาจึงไม่คิดซ่อนอะไรไว้อีกแล้วบอกรายละเอียดทุกอย่างออกไป
“โง่เง่า!”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเฉิงเฟยหยาง ใบหน้าของอู๋จุนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “ท่านไม่รู้หรือว่าประมุขคนใหม่ของสำนักอิสระเป็นคนอย่างไร ประมุขคนนี้อายุสี่สิบกว่าปีแต่เขาเป็นคนอกตัญญูชั่วช้า! ท่านคิดว่าเขาจะล่ออัจฉริยะทั้งหมดของสี่อาณาจักรไปเพื่อจัดการกับฉีซูคนเดียวงั้นหรือ”
เฉิงเฟยหยางก้าวถอยหลังแล้วเอ่ยค้านอย่างอ่อนแรง “ท่านอู๋จุน พวกเขาคงไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก…”
“ฮึ่ม! ท่านคิดว่าสำนักอิสระไม่รู้วัตถุประสงค์ของการจัดการประลองระหว่างสี่อาณาจักรหรืออย่างไร แล้วพวกเขาจะโง่ขนาดช่วยท่านเพิ่มพลังเชียวหรือ พวกเขาจะหาเหาใส่หัวไปทำไม ข้าสงสัยว่าสำนักอิสระคงตั้งใจจะเหวี่ยงแหจับตัวอัจฉริยะทุกคนของสี่อาณาจักรไว้ในคราวเดียว” อู๋จุนพูดลอดไรฟัน
“รีบเรียกองค์หญิงจินหยางกลับมาเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้นางได้เข้าร่วมการประลอง” อู๋จุนสั่งอย่างเข้มงวดด้วยดวงตาแข็งกระด้าง
“แล้วองค์ชายคนอื่น…”
“อาณาจักรจินหยางของพวกเราไม่เคยขาดแคลนองค์ชาย ถ้าท่านเรียกทุกคนกลับมาก็จะทำให้คนสงสัย! ดังนั้นพวกเราจะปล่อยให้คนพวกนั้นดิ้นรนเอาเอง! ส่วนจินหยาง นางเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรจินหยาง ห้ามมีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับนาง”
“เข้าใจแล้ว” ตอนนั้นเองที่เฉินเฟยหยางพึ่งรู้ตัวว่าตนหลงไปตามการหลอกล่อเรื่องการเลื่อนขั้นเป็นเซียนอาวุโส แล้วเชื่อใจสำนักอิสระอย่างง่ายดาย ถ้าเขาทำให้จินหยางตกอยู่ในอันตรายจริงๆ สิ่งที่ได้มาก็ไม่คุ้มค่าเลย
“แปะ แปะๆ !”
จู่ๆ ก็มีเสียงปรบมือดังมาจากด้านนอกประตู เฉิงเฟยหยางและคนอื่นก็เปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน พวกเขาหันหน้าไปก็เห็นว่ามีชายวัยกลางคนในชุดสีดำผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามา
ถึงแม้บุรุษผู้นี้จะอยู่ในวัยกลางคนแต่เขาก็หล่อเหลามาก ดวงตาของเขาปรากฏความชั่วร้ายโดยธรรมชาติและสายตาของเขาก็แสดงความเย่อหยิ่งและเผด็จการ
“เป็นท่าน!”
สายตาของเฉิงเฟยหยางเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเดินเข้ามา เขาถามเสียงลอดไรฟันว่า “บอกความจริงข้ามา ท่านแนะนำให้ข้าใช้ป่าบททดสอบสวรรค์เพื่อที่จะกำจัดอัจฉริยะทุกคนของทั้งสี่อาณาจักรทีเดียวจริงหรือ”
“ใช่แล้ว” บุรุษผู้นี้ไม่ปฏิเสธคำพูดของเฉิงเฟยหยาง “เป้าหมายของการจัดการประลองก็เพื่อต่อกรกับสำนักอิสระ เหตุใดข้าถึงต้องส่งเสริมให้ท่านสมปรารถนาด้วยเล่า”
ประกายเย็นชาพาดผ่านดวงตาของเฉิงเฟยหยาง “แล้วท่านมาหาข้าทำไม”
“ข้าแค่อยากจะช่วยท่านสักหน่อย” มุมปากของชายวัยกลางคนยกขึ้นเล็กน้อย “ท่านคงเห็นวิชาลับของข้าก่อนหน้านี้แล้ว การที่จะสร้างผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสก็ง่ายไม่แตกจากปอกกล้วยเข้าปาก ท่านคิดว่าแค่อาณาจักรทั้งสี่ของท่านจะสามารถเอาชนะสำนักอิสระได้หรือ”
หัวใจของเฉิงเฟยหยางกระตุก เมื่อเขานึกถึงความสามารถก่อนหน้านี้ของชายผู้นี้ เหงื่อเย็นๆ ก็ไหลซึมออกมาที่หน้าผาก เขาเงยหน้าหวังจะเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แต่ยิ่งเขาเช็ดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเหงื่อมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่สามารถเช็ดออกได้หมด
“ท่านต้องการอะไร” อู๋จุนมองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา
“ง่ายมาก ข้าอยากให้อาณาจักรจินหยางเชื่อฟังคำสั่งของข้า แน่นอนว่าข้าจะทำให้ท่านสมความปรารถนาด้วยการช่วยให้อาณาจักรจินหยางกลายเป็นผู้นำของทั้งสี่อาณาจักร ข้าจะสังหารอัจฉริยะจากอาณาจักรทั้งสี่คนอื่นๆ ให้ด้วย!” ชายวัยกลางคนยิ้มบาง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร