ตอนที่ 1976 การต่อสู้ระหว่างเซียนอาวุโส (6)
ใช่แล้ว พยัคฆ์น้อยสามารถพูดได้ แต่ว่าสัตว์วิญญาณอสูรเคยชินกับการอาศัยอยู่ในป่าบททดสอบสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ภาษามนุษย์สื่อสารน้อยมาก แต่อย่างไรก็ไม่มีสัตว์วิญญาณอสูรขั้นเซียนอาวุโสตัวใดที่ไม่รู้ภาษามนุษย์
หลังจากที่รู้ว่าอวิ๋นเยว่ชิงอยู่ในป่าบททดสอบอสูรและบาดเจ็บหนัก อวิ๋นลั่วเฟิงก็ทิ้งการต่อสู้แล้วให้พยัคฆ์น้อยรีบพานางมาหาอีกฝ่าย
ส่วนยอดฝีมือขั้นเซียนอาวุโสพวกนั้น อีกไม่นานอวิ๋นเซียวก็จะจัดการได้เอง
“นี่เป็นหญ้าแก้พิษ ให้นางกินสิ่งนี้ก่อนเพื่อควบคุมพิษไว้ชั่วคราว ถ้าพวกเราอยากจะขับพิษออกจากร่างกายของนาง ข้าเกรงว่าต้องใช้เวลามากกว่านี้” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้ว
อวิ๋นเยว่ชิง อ้อ ไม่ใช่สิ พิษของไป๋หลิงค่อนข้างซับซ้อน ถือว่าเป็นพิษที่ยากที่สุดที่นางเคยรักษามา ดังนั้นจึงไม่มีทางที่นางจะขับพิษออกได้หมดด้วยเวลาสั้นๆ พิษชนิดนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเพื่อขับออก!
หลังจากที่อวิ๋นลั่วเฟิงให้ไป๋หลิงกินหญ้าแก้พิษแล้ว นางก็หยิบเข็มเงินออกมาแล้วปักลงไปบนหน้าอกของไป๋หลิง จากนั้นนางก็ลากตัวเสี่ยวฉงออกมาจากโลกคัมภีร์เซียนโสถแล้วพูดว่า “เอาแก่นเลือดมาให้ข้า!”
“อะไรนะ” เสี่ยวฉงหน้าซีดด้วยความกลัวแล้วพูดอย่างอ่อนแรงว่า “นายหญิง ท่านก็รู้ว่าแก่นเลือดสำคัญกับพวกเราเผ่ามังกรอย่างไร การกลั่นแก่นเลือดออกมาสักหยด ข้าต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อฟื้นฟู”
“เจ้าเป็นคนของเผ่ามังกรบรรพบุรุษใช่หรือไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงถามแบบไม่อ้อมค้อม
ดวงตาของเสี่ยงฉงฉายแววตื่นตระหนก “ท่านถามทำไม”
“เจ้าอยากกลับสู่เผ่าพันธุ์ของตัวเองหรือเปล่า”
เสี่ยวฉงเป็นบรรพบุรุษที่เคารพของเผ่ามังกรแต่ไม่ได้หมายความว่าเผ่ามังกรถือกำเนิดมาจากเขา แต่หมายความว่าเสี่ยวฉงมาจากเผ่ามังกรบรรพบุรุษต่างหาก
สำหรับมังกรทั่วไป มังกรบรรพบุรุษเป็นบรรพบุรุษที่เคารพของพวกเขา!
เสี่ยวฉงยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น “นายหญิง พูดออกมาให้ชัดเจน ท่านจะช่วยให้ข้าได้กลับเข้าเผ่ามังกรบรรพบุรุษจริงหรือ”
“ใช่แล้ว ข้าพนันว่าเผ่ามังกรบรรพบุรุษอพยพเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแผ่นดินเทพวิญญาณเมื่อหลายปีก่อน เจ้าเอาแก่นเลือดมาให้ข้า ข้าจะช่วยให้เจ้าได้กลับเผ่ามังกรบรรพบุรุษ นี่เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม ไม่มีการหลอกลวงอะไรทั้งสิ้น”
เมื่อเสี่ยวฉงเห็นสีหน้าสงบนิ่งของหญิงสาว ดวงตาของเขาเป็นประกาย ตราบใดที่เขาสามารถกลับไปที่เผ่ามังกรบรรพบุรุษได้ ไม่ต้องพูดถึงแก่นเลือดหนึ่งหยด เขายินดีให้แก่นเลือดเป็นสิบหยด!
“ได้ ข้ารับข้อเสนอ!”
เสี่ยวฉงส่ายก้นน้อยๆ อย่างร้อนรน เขากัดลิ้นก่อนจะรวบรวมพลังแล้วดันแก่นเลือดออกจากปากให้ลอยเข้าไปในปากของไป๋หลิงช้าๆ
เมื่อมีแก่นเลือดมังกร พละกำลังของนางก็ฟื้นฟู สีหน้าของไป๋หลิงค่อยๆ กลับมามีสีสัน แล้วพลังงานสีดำก็ไหลออกจากออกมาตามเข็มแล้วลอยออกไป
“อืม…”
ไป๋หลิงส่งเสียงครางเบาๆ แล้วลืมตาขึ้นช้าๆ
ในพริบตาที่นางลืมตา นางก็สัมผัสได้ถึงลิ้นอุ่นๆ ที่กำลังเลียใบหน้าของนางทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก “ข้ายังไม่ตายหรือ”
ถ้านางไม่ได้ฟื้นความทรงจำ ไป๋หลิงก็คงไม่อยากตาย แต่หลังจากที่ได้ความทรงจำกลับมาแล้ว นางก็จดจำฉากที่สามีของนางตายอย่างโหดร้ายได้ และการมีชีวิตอยู่ต่อก็เหลือเพียงความเจ็บปวดสุดหัวใจ
“หรือว่าท่านคิดจะจบทุกอย่างด้วยความตายงั้นหรือ ท่านคิดว่าท่านจะได้รับการปลดเปลื้องจากความเจ็บปวดถ้าตายงั้นหรือ ไม่เลย ท่านจะได้อิสระจากความตาย แต่ท่านจะทำให้คนที่มีชีวิตอยู่ต้องเจ็บปวด! ผมของท่านปู่กลายเป็นสีขาวขึ้นทุกปีก็เพราะท่าน ท่านอาเองก็ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานมาหลายปี!”
อวิ๋นลั่วเฟิงมองสีหน้าเจ็บปวดทรมานของไป๋หลิงแล้วพูดต่อ “ฉีซูก็ถูกไล่ออกจากตระกูลฉี และฉีหลิงก็บอกว่านางจะมาตามหาท่านที่ป่าบททดสอบสวรรค์เมื่อนางแข็งแกร่งพอ…
…คนมากมายกังวลและเป็นห่วงท่าน แต่ทั้งหมดที่ท่านต้องการคือการหนีไปให้พ้นๆ จากความเจ็บปวดนี้ แต่ท่านไม่คิดถึงครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างหรือ”
ตอนที่ 1977 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (1)
คำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้ไป๋หลิงตัวสั่น นางเงยหน้าด้วยความตกตะลึงแล้วใบหน้างดงามอันร้ายกาจก็ปรากฏขึ้นในดวงตานาง
หญิงสาวสวมชุดสีขาวราวหิมะ ใบหน้าของอีกฝ่ายคล้ายคลึงกับตัวนางมากเพียงแต่ดูเผด็จการและชั่วร้ายกว่า
ไป๋หลิงรีบปิดปากแล้วน้ำตาก็ไหลอาบใบหน้าของนาง
หลายปีมานี้ถึงแม้ว่านางจะสูญเสียความทรงจำแต่นางก็ยังจำได้ว่ามีบุตรสาวรอนางอยู่ที่บ้าน แต่ว่าตอนนี้บุตรสาวของนางกำลังยืนอยู่ตรงหน้านางแล้ว นางไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อ
“เจ้า…”
คือเฟิงเอ๋อร์งั้นหรือ
ใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ อ่อนลง คำพูดของนางยืนยันตัวตนของนางแล้ว “ท่านแม่ ท่านปู่กับท่านอา…พวกเขาทั้งคู่กำลังรอท่านกลับบ้านอยู่ ถ้าพวกเขารู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาต้องดีใจมากแน่นอน ท่านทนไม่ยอมให้พวกเขาได้เห็นท่านไปตลอดชีวิตที่เหลือหรือเจ้าคะ”
ไป๋หลิงดึงมือลงแล้วน้ำตาก็ยังไหลเป็นสาย ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งเข้าไปกอดอวิ๋นลั่วเฟิงแน่น
“เฟิงเอ๋อร์ แม่ขอโทษ แม่ขอโทษจริงๆ …ตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่แม่ไม่ได้กลับไปหาลูกเลย! ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่จากมา คนพวกนั้น…ได้รังแกลูกหรือบ้างหรือไม่”
นางช่างเป็นคนที่ทำแต่เรื่องแย่จริงๆ นางไม่รู้เลยว่าบุตรสาวของนางใช้ชีวิตหลังจากที่นางจากไปหลายปีอย่างไร
ทันทีที่นางคิดถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกผิดก็เกาะกุมหัวใจของนาง
ใช้เวลาพักใหญ่กว่านางจะปล่อยอวิ๋นลั่วเฟิงขณะที่ดวงตายังเต็มไปด้วยน้ำตา “หลายปีมานี้ปู่กับอาของเจ้าสบายดีหรือไม่”
“ก่อนหน้านี้ ท่านอาคิดว่าท่านกับท่านพ่อเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งแล้วแก้แค้นให้ท่าน! แต่ว่าเพราะเขามีพรสวรรค์ เขาจึงดึงดูดยอดฝีมือผู้หนึ่งที่มาท้าประลองกับเขา เขาชนะชายคนนั้น แต่ครอบครัวของอัจฉริยะคนนั้นกลับมาแก้แค้น! …
…เพราะคนพวกนั้นมาแก้แค้น ท่านอาจึงถูกทำลายฐานพลังและกลายเป็นคนพิการไป เพื่อที่จะมีชีวิตรอด เขาจึงแกล้งตายแล้วซ่อนอยู่ในห้องลับที่ไร้ซึ่งแสงตะวันมากกว่าสิบปี”
เสียงของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้ริมฝีปากของไป๋หลิงสั่น หัวใจของนางโดนบีบอย่างโหดร้ายและเจ็บปวดเกินกว่าจะพูดออกมาได้
น้องเขยของนางเป็นคนสูงส่งและมีคุณธรรม สิ่งแวดล้อมแบบไหนที่ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความอับอายเช่นนี้
เขาก็แค่ไม่อยากให้บิดาของเขาต้องเห็นบุตรตายต่อหน้าต่อตาอีกครั้งเท่านั้นเอง…
“เฟิงเอ๋อร์ แม่ขอโทษ แม่ขอโทษจริงๆ …”
นางไม่รู้จริงๆ ว่าหลายปีมานี้ตระกูลอวิ๋นต้องทรมานกับโชคชะตาที่เลวร้ายมากขนาดนี้
“ข้าไม่โทษท่านเรื่องนี้เพราะท่านสูญเสียความทรงจำ” อวิ๋นลั่วเฟิงคิดบางอย่างแล้วถามต่อ “จริงสิ ในเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ถ้าอย่างนั้นท่านพ่อ เขายัง….”
เขายังมีชีวิตอยู่เหมือนกันหรือไม่
ไป๋หลิงชะงักแล้วหน้าถอดสี นางหลับตาแล้วท่าทีของนางก็แสดงถึงความเจ็บปวดที่พูดออกมาไม่ได้
“พ่อของเจ้า เขา…ตายแล้ว”
นางเห็นชายคนนั้นถูกลูกธนูนับพันแทงเข้าที่หัวใจต่อหน้านางด้วยสายตาตัวเอง นาง…ยังมองเขาหายใจเฮือกสุดท้ายด้วย
เขาตายแล้ว! แต่นางกลับใช้ชีวิตล่องลอยจนกระทั่งตอนนี้โดยที่ลืมเขาไป…
หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงบีบรัด นางมองร่างที่ขดตัวเข้าหากันของไป๋หลิงแล้วเดินเข้าไปหาช้าๆ ก่อนจะสวมกอดสตรีที่แสนเปราะบางตรงหน้านาง
“ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่เจ้าค่ะ”
ไป๋หลิงสะดุ้งแล้วเงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแปลกใจ
“เขายังมีชีวิตอยู่ เขาแค่ไม่สามารถปรากฏตัวให้พวกเราเห็นได้ เขาต้องอยู่อีกสถานที่หนึ่งแล้วเดินอยู่เคียงข้างพวกเราแน่นอน”
เมื่อคนตาย ตราบใดที่วิญญาณของพวกเขายังไม่ถูกทำลาย พวกเขาก็ยังไม่ถือว่าตายไปแล้วจริงๆ