ตอนที่ 1982 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (6)
ทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงพูดจบ เสียงหัวเราะอย่างอวดดีก็ดังเสียดแทงนภาแล้วทำให้ท้องฟ้าเกิดความโกลาหล
“เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะหาข้าเจอแม้ว่าข้าจะซ่อนตัวอยู่ลึกมาก”
ร่างสีแดงที่งดงามราวกับเปลวไฟก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
ชายหนุ่มก็เหมือนคนงามที่สามารถล่มอาณาจักรได้ เขาเป็นบุรุษ แต่ความงามของเขาทำให้สตรีทั้งหลายรู้สึกอับอาย
ชุดสีแดงของเขาขับให้เขายิ่งดูสง่างามไร้ที่ติ คอเสื้อของเขาเปิดออกครึ่งหนึ่งจนเห็นแผงอกสีขาวราวหิมะที่ดึงดูดทั้งหัวใจและวิณญานของผู้คน
เขายกยิ้มอย่างทระนงขณะที่ก้มมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับอวิ๋นลั่วเฟิง
“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เหตุใดไม่ยอมออกมา” อวั่นลั่วเฟิงถามพร้อมกับหรี่ตาที่เป็นประกายร้ายกาจ
นางมาที่แคว้นเฟิงอวิ๋นก็เพื่อตามหาจีจิ่วเทียนแต่บุรุษผู้นี้เลือกที่จะซ่อนตัวจากนางงั้นหรือ
“ชายคนนั้นไม่ได้บอกว่าจะสู้กับเจ้าตัวต่อตัวหรอกหรือ” จีจิ่วเทียนยื่นคางไปทางชายคนนั้น “ข้าก็แค่อยากสังเกตความแข็งแกร่งของเขา อีกอย่างข้าก็ไม่คิดว่าเขาจะเอาชนะเจ้าได้”
“แต่ว่า…” เขายิ้มบาง “ข้าไม่คิดว่าเขาจะหน้าไม่อายขนาดนี้ เขาเอาชนะเจ้าไม่ได้ก็เลยวางแผนจะสู้คนจำนวนน้อยด้วยคนจำนวนมาก ข้ากำลังจะออกมาช่วยเจ้า แต่เจ้าก็หาข้าเจอเสียก่อน”
อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองจีจิ่วเทียน “เจ้าสู้ได้มากที่สุดกี่คน”
“ข้าจะยกชายผู้นี้ให้เจ้าจัดการ ส่วนข้าจะหยุดคนอื่นไว้ให้เจ้า”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จัดการคนพวกนี้กับเสี่ยวหู่ ข้าจะจัดการชายจากสำนักอิสระผู้นี้เอง” สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงเปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้ง ขณะที่น้ำเสียงของนางชั่วร้ายและเย็นเยียบ
เสี่ยวหู่ที่ได้ยินชื่อตัวเองก็จ้องคนจากสำนักอิสระราวกับเหยื่อด้วยสายตาระมัดระวัง
ไป๋หลิงไม่แน่ใจว่านางตีความผิดหรือไม่ แต่นางรู้สึกว่าสายตาที่บุรุษผู้แลคล้ายจิ้งจอกในชุดแดงคนนี้มองบุตรสาวของนางไม่ธรรมดา
แต่ว่าบุตรสาวของนางก็ยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมาชื่นชอบ!
ระหว่างที่ไป๋หลิงคิดแบบนี้ นางก็รู้สึกภูมิใจ นี่คือบุตรสาวของนาง—คือความภูมิใจในชีวิตของนาง!
“พวกเจ้าตั้งใจจะจัดการกับคนมากมายขนาดนี้กันแค่สองคนงั้นหรือ” ชายจากสำนักอิสระหรี่ตาที่เป็นประกายเหยียดหยาม “ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะเพ้อฝันเกินไปแล้ว!”
เขาจะสั่งสอนบทเรียนชีวิตแล้วทำให้คนพวกนี้เข้าใจว่าพวกเขาไม่ควรหลอกลวงว่าตัวเองทำได้! ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องกลืนน้ำลายตัวเอง!
อวิ๋นลั่วเฟิงมองชายคนนั้นอย่างใจเย็น อวิ๋นเซียวต้องสังเกตเห็นความวุ่นวายจากการที่นางและชายผู้นี้สู้กันเมื่อครู่แล้ว ตอนนี้เขาน่าจะกำลังมาที่นี่
นางต้องถ่วงเวลาไว้จนกว่าเขาจะมาถึง
จีจิ่วเทียนยืนอยู่ตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสที่อยู่ด้านหลังชายผู้นั้นก็ลงมือเหมือนกัน
พยัคฆ์ลายสีโลหิตก็คำรามอย่างโกรธเคืองแล้วพุ่งเขาหาหนึ่งในเซียนอาวุโส เขาอ้าปากกว้างแล้วกัดเซียนอาวุโสคนนั้นอย่างดุร้าย แต่ว่าเซียนอาวุโสคนนั้นก็ขยับไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีของเสี่ยวหู่
เสี่ยวหู่ไม่ท้อแล้วพุ่งเข้าไปหาเซียนอาวุโสคนนั้นอีกครั้ง
อวิ๋นลั่วเฟิงปล่อยอวิ๋นอี้ออกมา ถึงแม้ว่าอวิ๋นอี้จะอยู่แค่ขั้นเซียนสวรรค์แต่ด้วยพลังของเขาก็ยังป้องกันการโจมตีบางอย่างจากเซียนอาวุโสได้
ส่วนสัตว์วิญาณอสูรตัวอื่นๆ มีช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งอยู่ ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงจึงไม่ได้ปล่อยพวกเขาออกมาสู้เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น
เมื่อเห็นชายผู้นั้นลงมือก่อน หัวใจของไป๋หลิงก็บีบเกร็งแล้วรีบตะโกนเตือน “เฟิงเอ๋อร์ ระวัง!”
อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองก็เห็นว่าชายคนนั้นมาถึงตรงหน้านางแล้ว จากนั้นเกราะเกล็ดมังกรก็ส่องประกายเรืองรองอีกครั้งขณะที่นางรับการโจมตีของชายผู้นั้น
ตอนที่ 1983 อวิ๋นเซียวลงมือ (1)
ใบหน้าของชายผู้นี้แสดงสีหน้าเยาะเย้ยขณะที่ฝ่ามือของเขากระแทกเข้ากับเกราะเกล็ดมังกรของอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างดุร้าย
กลิ่นอายของเขาหมุนวนอยู่รอบตัว และทุกการโจมตีของเขาก็เล็งไปที่จุดสำคัญของนาง
ตอนแรกเขาตั้งใจจะใช้อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นตัวแทนของไป๋หลิง แต่เขาไม่เคยคิดว่าสตรีผู้นี้จะเป็นบุตรสาวของไป๋หลิง! เขาจะทำให้ไป๋หลิงเจ็บปวดสาหัสจนนางอยากตาย!
นี่เป็นราคาที่นางต้องจ่ายเมื่อไม่รับรักเขา!
แต่ว่าเมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงหลบการโจมตีของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้าของชายผู้นี้ก็มืดครึ้มลง ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ
บุตรสาวของไป๋หลิงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เขาค้นพบเรื่องนี้โดยเร็ว ไม่อย่างนั้นถ้าเขายอมให้นางเติบโตต่อไปล่ะก็ สำนักอิสระของเขาก็อาจจะโดนนางทำลายได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการกำจัดนางก่อนที่นางจะเติบโตเต็มที่!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ดวงตาของชายผู้นี้ก็ปรากฏกลิ่นอายสังหารแรงกล้า เขาโจมตีอวิ๋นลั่วเฟิงเร็วขึ้นและดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ เขากระหน่ำโจมตีใส่นางราวกับพายุโหม
อวิ๋นลั่วเฟิงใช้สีหน้านิ่งสงบเพื่อปกปิดความรู้สึกข้างใน
เกราะเกล็ดมังกรมีเวลาที่จำกัด ก่อนหน้านี้นางเรียกเกราะเกล็ดมังกรออกมาแล้วครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่านางจะสามารถเรียกออกมาได้สองครั้งในระยะเวลาสั้นๆ เพราะว่านางผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นเซียนสวรรค์แล้ว แต่นางก็จะเสียเปรียบทันทีที่เกราะหายไป เมื่อถึงตอนนั้นนางก็คงไม่สามารถป้องกันการโจมตีของชายผู้นี้ได้
ขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังคิดวิเคราะห์ ชายผู้นั้นก็มาปรากฏที่ตรงหน้านางอีกครั้งโดยมีดาบคมกริบอยู่ในมือแล้วฟันลงมาที่ศีรษะของอวิ๋นลั่วเฟิง
อวิ๋นลั่วเฟงเอียงคอหลบแล้วดาบก็ฟันผ่านเส้นผมของนางไป ทำให้ผมด้านหนึ่งของนางถูกตัดแล้วปลิวไปตามสายลม
“สาวน้อย เจ้าอาจจะงดงามแต่เจ้ายังอ่อนเยาว์อยู่มาก เจ้าไม่ได้ดูมีรสชาติเท่ามารดา ไม่อย่างนั้นข้าก็คงไม่คิดมากที่จะรับพวกเจ้าทั้งสองคนไว้ ฮะ ฮะๆ!” ชายผู้นั้นหัวเราะลั่นจนเสียงโอหังของเขาดังก้องไปในอากาศ
“ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่มีชีวิตอยู่ได้ลิ้มรสความสุขหรอกนะ” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดอย่างทรงอำนาจขณะที่มองชายผู้นี้อย่างเย็นชา
“เหอะ เท่าที่ข้ารู้ เกราะเกล็ดมังกรของเจ้ามีเวลาจำกัด เมื่อถึงตอนนั้น ข้าเกรงว่าเจ้าก็คงกลายเป็นลูกแกะที่รอถูกเชือด”
“อย่างนั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มบาง
เกราะเกล็ดมังกรของนางมีเวลาจำกัดก็จริงแต่…อวิ๋นเซียวเกือบจะมาถึงที่นี่แล้ว! นางแค่ต้องทนให้ได้จนกว่าอวิ๋นเซียวจะมา!
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังจะโจมตีอีกครั้ง ในที่สุดไป๋หลิงก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นมา “โอวเหลย ข้าเป็นคนที่เจ้าตามล่ามาตลอด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับบุตรสาวข้าเลย ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายนางแม้แต่นิดเดียว ข้าจะทำให้เจ้าไร้แขนขาแม้ว่าตัวข้าจะโดนทำลายไปด้วย!”
ถึงอย่างไรไป๋หลิงก็เป็นมารดาของอวิ๋นลั่วเฟิง ดังนั้นนางจะไม่รู้ว่าบุตรสาวของนางเกือบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วได้อย่างไร ถ้านางไม่ก้าวออกมาปกป้องบุตรสาว แล้วนางจะมีค่าพอที่จะเป็นมารดาคนหนึ่งได้อย่างไร
ชายผู้นั้นที่ไป๋หลิงเรียกว่าโอวเหลยยิ้มแล้วมองไป๋หลิงอย่างโอหัง
“ไป๋หลิง ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะแต่งงานกับข้าแล้วอย่างนั้นหรือ ถึงอย่างเจ้าก็ไม่ได้มีร่างกายบริสุทธิ์ เจ้าควรจะรู้สึกซาบซึ้งที่ข้ายังรับเจ้านะ” ใบหน้าของเขาเย่อหยิ่ง “หรือว่าข้าเทียบกับสวะคนนั้นของเจ้าไม่ได้งั้นหรือ”
ไป๋หลิงยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เจ้าเป็นหมื่นคนก็เทียบกับเขาเพียงคนเดียวไม่ได้! ตอนนี้ข้าไม่ได้กำลังขอร้องเจ้า ข้ากำลังเตือนเจ้าต่างหาก! เจ้าควรจะเชื่อในความแข็งแกร่งของข้า เจ้าไม่มีทางจบสวยแน่ถ้าข้าสละตัวเอง!”
ใบหน้าของโอวเหลยมืดครึ้มลงช้าๆ สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนราวกับพายุ