ตอนที่ 2050 ไป๋หลิงผ่านด่านเลื่อนระดับ (4)
แม่นางอวิ๋น? เมื่อได้ยินชื่อที่พวกเขาเรียก ทุกคนก็สับสนขึ้นมา หรือว่าแม่นางอวิ๋นที่เขาพูดจะหมายถึงอวิ๋นลั่วเฟิง อวิ๋นลั่วเฟิงมียอดฝีมือในอาณัติมากขนาดนี้เลยหรือ เมื่อสังเกตระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว ก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะเป็นผู้ฝึกฌานที่อยู่เหนือกว่าขั้นเซียน…
สีหน้าของฉินหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหลุบตาที่ฉายแววมืดมัวขณะที่ส่งสายตาเย็นชาไปให้บุรุษที่กำลังต่อสู้กับยอดฝีมือตระกูลฉิน
“หลงซี” ในที่สุดจีจิ่วเทียนก็ได้สติแล้วมองชายหนุ่มที่นำเผ่ามังกรมาก่อนจะถามว่า “พวกเขาคือ…”
“อ้อ ข้าบังเอิญพบพวกเขาในแคว้นเฟิงอวิ๋น…”
จากนั้นหลงซีก็เล่าเรื่องการพบกันของพวกเขาให้ฟัง
เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เขาและเฟิ่งชีเป็นแขกอยู่ที่เมืองบูรพา พวกเขาก็บังเอิญได้ยินว่าตระกูลฉินเปิดเผยตัวดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจไปตามหาอวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวทันที
แต่ไม่คาดคิดว่าตอนที่พวกเขาไปถึงแคว้นเฟิงอวิ๋นได้ไม่นาน พวกเขาก็ได้รู้เรื่องอิทธิพลของอวิ๋นลั่วเฟิงที่นั่นและยังได้รู้ว่านางจากไปแล้ว ตอนที่พวกเขากำลังคิดหาทางออกจากแคว้นเฟิงอวิ๋นเพื่อไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง พวกเขาก็บังเอิญเจออวิ๋นอี้ที่กำลังตามหาฉีซูและคนอื่นๆ
อวิ๋นอี้เป็นหุ่นเชิดที่อยู่ข้างกายอวิ๋นลั่วเฟิงจึงเป็นไปไม่ได้ที่หลงซีจะไม่รู้จักเขา! ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวกันแล้วออกมาจากแคว้นเฟิงอวิ๋น…
ที่บังเอิญยิ่งกว่านั้นก็คือพวกเขาเจอเผ่ามังกรและเผ่าวิหคเพลิงรวมถึงผู้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ตอนที่พวกเขาออกจากแคว้นเฟิงอวิ๋นพอดี
เพราะว่าเผ่ามังกรและเผ่าวิหคเพลิงตั้งอยู่ชายแดนเมืองสัตว์อสูร ทำให้กว่าพวกเขาจะรู้เรื่องที่ตระกูลฉินคุกคามทั้งแคว้นก็สายไปแล้ว ถึงอย่างนั้นพวกผู้อาวุโสก็ยังเคารพนับถืออวิ๋นเซียวและพวกเขาก็รีบสั่งให้ยอดฝีมือของเผ่าออกมาทันที
เมื่อมาถึงที่เมืองบูรพา พวกเขาก็ได้รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงกลับมาแล้ว รวมถึงข่าวที่นางรวบรวมกำลังพลด้วย ดังนั้นผลก็คือฉีซูและเผ่าทั้งสองเดินทางมาด้วยกัน…
“ฮึ่ม!” เมื่อสังเกตเห็นว่าตระกูลฉินค่อยๆ เสียเปรียบมากขึ้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขณะที่กลิ่นอายของเขาพวยพุ่งออกมา
เขาเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสแล้ว จะยอมให้ตระกูลฉินเสียหน้าได้อย่างไร
เมื่อฉีซูเห็นสีหน้าของฉินหยวน เขาก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เจ้าคิดว่ามีแต่ตระกูลฉินของเจ้ามีผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสงั้นหรือ เจ้าดูถูกความแข็งแกร่งของแคว้นเฟิงอวิ๋นของพวกเราเกินไปหรือไม่”
พูดจบยอดฝีมือขั้นเซียนอาวุโสของแค้นเฟิงอวิ๋นก็ปลดปล่อยกลิ่นอายของพวกเขาออกมา ทำให้สีหน้าของฉินหยวนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสงั้นหรือ นอกจากแผ่นดินเทพวิญญาณแล้วยังมีผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสที่อื่นอีกหรือ เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้ามาจากที่ไหน”
เมื่อสัมผัสได้ว่าสีหน้าของฉินหยวนเริ่มดูไม่ได้ เขาก็เผยยิ้มเยาะ “กบในกะลาแท้ๆ! แค่ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวแล้วงั้นหรือ ข้ายังไม่ได้พาตัวยอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิออกมาเลย!”
ยอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิงั้นหรือ ฉินหยวนตัวแข็ง
ภายในแผ่นดินเทพวิญญาณ จำนวนของยอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว ตระกูลฉินที่ยิ่งใหญ่ก็มีเพียงคนเดียว…แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงจะมียอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิเป็นผู้ติดตามจริงๆ งั้นหรือ
ตูม!
ตอนที่ฉินหยวนกำลังสับสน ร่างร่างหนึ่งก็บินลงมาจากฟ้าแล้วกระแทกพื้นอย่างแรงจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ บุรุษผู้นี้มีร่างสูงใหญ่และแข็งแรง เขาทรงพลังมากขณะที่ทำสีหน้าเฉยชาเคร่งขรึม กลิ่นอายของเขาคล้ายกับแม่น้ำขนาดใหญ่ที่เชี่ยวกรากและไหลบ่าไม่หยุด!
ตอนนั้นเองสีหน้าของฉินหยวนก็ฉายเพียงความหวาดกลัวเท่านั้น
“เซียนจักรพรรดิ!” มียอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิงจริงๆ งั้นหรือ เหตุใดเขาถึงไม่เคยสืบรู้เรื่องนี้เลยเล่า
…………………………………..
ตอนที่ 2051 ไป๋หลิงผ่านด่านเลื่อนระดับ (5)
ถึงแม้ว่าพวกจะไม่รู้ว่ายอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิเป็นอย่างไร แต่พวกเขาก็สรุปได้จากสีหน้าของฉินหยวนว่ายอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิต้องแข็งแกร่งกว่าเขาแน่นอน
“อวิ๋นอี้ เจ้า…” ผู้เฒ่าอวิ๋นลูบหน้าอกของตัวเองแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาถึงกับเอ่ยถามเสียงนุ่มว่า “เจ้าเลื่อนขั้นเป็นเซียนจักรพรรดิตั้งแต่เมื่อไหร่”
ทันใดนั้นเขาก็เอะใจหลังจากที่ถามไปแล้ว
อวิ๋นอี้เป็นแค่หุ่นเชิดแล้วเขาจะพูดได้อย่างไร
แต่เหตุการณ์ต่อมาก็ทำให้ผู้เฒ่าอวิ๋นตะลึง…
“ข้าไม่รู้เวลาที่แน่นอน ข้ารู้แค่ว่าข้าผ่านด่านหลังจากที่ดูดซับอัสนีสวรรค์ไปเล็กน้อย” อวิ๋นอี้เกาศีรษะ แล้วใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังของเขาก็เปลี่ยนไป “แต่ว่าสายฟ้าพวกนั้นอร่อยดี ข้าอยากกินเพิ่มอีกสักหน่อย”
มุมปากของผู้เฒ่าอวิ๋นกระตุกก่อนจะลอบสูดหายใจเฮือกเสียงค่อย ในฐานะหุ่นเชิดอวิ๋นอี้มีความคิดเป็นของตัวเองจริงๆ นี่…เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร เรื่องนี้หมายความว่าอวิ๋นลั่วเฟิงสามารถที่จะสร้างมนุษย์คนหนึ่งได้แล้ว!
แต่ว่า…การผ่านด่านหลังจากกินอัสนีสวรรค์งั้นหรือ แล้วยังอยากลิ้มรสเพิ่มอีกด้วย เขาหมายความว่าอย่างไร เขาคิดว่าอัสนีสวรรค์ถูกควบคุมโดยครอบครัวเขางั้นหรือ
“ถอย!” ฉินหยวนกัดฟันแล้วออกคำสั่ง ทันทีที่เขาตั้งใจจะหันหลังหนี เสียงระเบิดก็ดังขึ้นไม่ไกล
ไม่นานหลังจากนั้นอัสนีสวรรค์ก็ปรากฏขึ้น…
เมื่อเห็นอย่างนั้นดวงตาของอวิ๋นอี้ก็เป็นประกายทันที เขาคำรามเสียงต่ำแล้วรีบบินไปหาสายฟ้าอย่างรวดเร็ว และมีสีหน้าราวกับว่าได้เห็นอาหารโอชะจนไม่สามารถต่อต้านการยั่วยวนนี้ได้
แท้จริงแล้ว อัสนีสวรรค์ก็เป็นอาหารชั้นเลิศของอวิ๋นอี้จริงๆ เพราะสามารถบำรุงร่างกายของเขาได้…
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งในตอนนี้ของอวิ๋นอี้อยู่ในขั้นเซียนจักรพรรดิและขั้นต่อไปก็จะถึงขั้นเซียนที่แท้จริง แต่ถึงอย่างไรขั้นเซียนที่แท้จริงก็ไม่ง่ายที่จะไปถึง ไม่ว่าเขาจะกลืนกินอัสนีสวรรค์ไปมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถไปถึงขั้นเซียนที่แท้จริงได้!
แต่ว่า…นอกจากการผ่านด่านแล้ว อัสนีสวรรค์ก็ยังรักษาร่างกายของเขาได้ มันทำให้เขามีร่างกายที่กำยำและเป็นประโยชน์ที่นานทีจะมีสักหน!
ฉินหยวนแข้งขาอ่อนขณะที่ร่างของเขาสั่นสะท้าน “เซียนจักรพรรดิ ยอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิอีกคนงั้นหรือ!”
พระเจ้า! อวิ๋นลั่วเฟิงมีสัตว์ประหลาดแบบไหนอยู่ข้างกายกันแน่
แม้แต่ตระกูลฉินที่เก่าแก่ของพวกเขาก็มียอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิเพียงคนเดียว…
ฉินหยวนไม่สนใจคนอื่นอีกต่อไปแล้ว เขาฉวยโอกาสระหว่างที่คนอื่นสนใจอัสนีสวรรค์หมุนตัวตั้งใจจะหนี
ฉีซูสังเกตเห็นว่าฉินหยวนกำลังจะหนีก็ตะโกนขึ้นมาทันที “ขวางเขาไว้!”
ทันใดนั้นยอดฝีมือขั้นเซียนอาวุโสทั้งหมดก็เคลื่อนไหวแล้วพุ่งไปหาฉินหยวน แต่ว่าตอนที่พวกเขากำลังจะถึงตัวอีกฝ่าย ฉินหยวนก็หายตัวไปกลางอากาศ…
ใช่แล้ว เขาหายไปและไม่มีใครรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร!
“เหอะ พวกเราปล่อยให้เขาหนีไปได้!” ฉีหลิงรู้สึกไม่สบอารมณ์ ถ้าพวกเขาจับตัวอีกฝ่ายได้ก็อาจมีความหวังที่จะได้เข้าไปในแผ่นดินเทพวิญญาณ…
ฉีซูเม้มปากแน่นโดยไม่ได้พูดอะไร ขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล ใบหน้าหล่อเหลาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
“นี่…” หลินรั่วไป๋กะพริบตา “ข้าถามได้หรือไม่ว่าเซียนจักรพรรดิคืออะไรเจ้าคะ”
นางได้ยินคนของตระกูลฉินบอกว่าอวิ๋นอี้เป็นเซียนจักรพรรดิ และตอนนี้มารดาของอาจารย์นางก็ผ่านด่านเลื่อนเป็นเซียนจักรพรรดิ แต่นางก็ยังไม่เข้าใจถึงขอบเขตของเซียนจักรพรรดิอยู่ดี
ฉีซูเหลือบมองหลินรั่วไป๋แล้วอธิบายอย่างใจเย็นว่า “ขั้นที่อยู่เหนือกว่าขั้นเซียนก็คือขั้นเซียนสวรรค์ แล้วจากนั้นก็คือเซียนอาวุโส! ความแข็งแกร่งของบุรุษผู้นั้นคือเซียนอาวุโส ส่วนเซียนจักรพรรดิอยู่ขั้นต่ำกว่าเซียนที่แท้จริง และอยู่เหนือกว่าเซียนอาวุโส!”