ตอนที่ 2138 ผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นเซียนจักรพรรดิ (1)
“เฟิงเอ๋อร์”
เสียงของอวิ๋นชิงหย่าดังขึ้นจากด้านนอก “มีคนจากเผ่ามังกรบรรพบุรุษมาขอพบเจ้า”
เผ่ามังกรบรรพบุรุษ?
อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “เข้าใจแล้ว ให้พวกเขาไปรอข้าที่ห้องโถงหลัก อีกสักครู่ข้าจะไป”
…
ขณะนี้ภายในห้องโถงหลัก มีชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินกำลังเดินไปเดินมาอย่างวิตกด้วยแววตากังวล ทันทีที่เขาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวเดินเข้ามาภายใต้แสงจันทร์ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
“แม่นาง ท่านต้องเป็นแม่นางอวิ๋นแน่”
สายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงจับจ้องอยู่ที่บุรุษในชุดน้ำเงิน “เจ้ารีบจากแผ่นดินเทพวิญญาณมาที่นี่ทำไมหรือ”
“เรื่องเป็นแบบนี้…” ใบหน้าของชายชุดน้ำเงินซีดเผือด “อวี๋เทียนและชายชราสหายของเขาบุกมาที่เผ่ามังกรบรรพบุรุษของพวกเราแล้วจับหัวหน้าเผ่าของพวกเราเอาไว้ พวกเขาบอกว่าถ้าแม่นางอวิ๋นไม่ไปหาพวกเขา พวกเขาจะสังหารหัวหน้าเผ่าของพวกเรา”
สมาชิกของเผ่ามังกรบรรพบุรุษเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอด เพราะฉะนั้นพวกเขาจะไม่โกหกอวิ๋นลั่วเฟิงและเลือกพูดออกมาตามตรง
ส่วนทางเลือกของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนางเอง
อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวสบตากันแต่ไม่ได้พูดอะไร
สักพักนางก็หันกลับไปหาชายชุดน้ำเงินด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว! อวี๋เทียนไม่สามารถออกจากแผ่นดินเทพวิญญาณมาจัดการข้าได้ เขาก็เลยใช้เผ่ามังกรบรรพบุรุษเพื่อล่อข้า แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ขู่ข้าด้วยเผ่ามังกรบรรพบุรุษ ข้าก็มีแผนจะไปที่แผ่นดินเทพวิญญาณเพื่อแก้แค้นเขาอยู่แล้ว”
ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อยแล้วบังเกิดประกายเย็นชาขึ้น “เจ้ากลับไปที่เผ่ามังกรบรรพบุรุษก่อนเถอะ ข้าจะตามไปหลังจากที่เตรียมตัวเสร็จแล้ว”
“ขอบคุณแม่นางอวิ๋น” สีหน้าของชายชุดน้ำเงินเป็นประกายซาบซึ้ง เขาประสานมือแล้วเดินออกจากประตูไป
ตั้งแต่ที่นางได้พบกับอวิ๋นลั่วเฟิง หลงหลัวก็อยู่ข้างนางมาตลอด นางเล่นกับเสี่ยวฉงไปทั่วอยู่ภายในโลกคัมภีร์เซียนโอสถ แต่เมื่อนางได้ยินถึงความวุ่นวายข้างนอก นางก็มาปรากฏตัวตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงทันที
“ข้า…” ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยความกังวล แต่ก่อนที่นางจะพูดจบก็ถูกอวิ๋นลั่วเฟิงขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ต้องกังวลไป ในเมื่อเผ่ามังกรบรรพบุรุษส่งคนมาขอความช่วยเหลือที่จวนตระกูลจวิน ข้า…ก็ไม่มีทางนั่งอยู่เฉยๆ แน่นอน! คืนนี้พวกเราจะเตรียมตัวแล้วจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้”
อวิ๋นลั่วเฟิงปลอบหลงหลัวจากนั้นก็สั่งให้ทุกคนมารวมตัวกันที่จวนตระกูลจวินพรุ่งนี้เช้า
หลังจากออกคำสั่งเสร็จแล้วนางก็กลับไปพักผ่อนกับอวิ๋นเซียว
…
กลางดึก
ประตูห้องถูกมือเล็กๆ ผลักให้เปิดออก อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวที่กำลังจะถอดเสื้อคลุมเพื่อเข้านอนแต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ อวิ๋นลั่วเฟิงก็หันไปมองใบหน้าบอบบางของเด็กหญิงตัวน้อยที่เดินมาหานางภายใต้แสงจันทร์ที่เย็นเยียบ
“เทียนเอ๋อร์ มีอะไรอย่างนั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหาอวิ๋นชูเทียน นางก้มตัวด้วยสีหน้าอ่อนโยนแล้วใช้ฝ่ามือลูบศีรษะอวิ๋นชูเทียน
“ท่านแม่เจ้าคะ” อวิ๋นชูเทียนใช้แขนโอบรอบคอของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วยิ้มกว้างอย่างไร้เดียงสา “เทียนเอ๋อร์มีบางอย่างให้ท่านแม่ด้วยเจ้าค่ะ ท่านแม่จะต้องชอบแน่ๆ”
พูดจบอวิ๋นชูเทียนก็เขย่งเท้าแล้วจุมพิตหน้าผากอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างรักใคร่
ตูม!
อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกเหมือนสมองของนางถูกเข็มทิ่มแทง พลังที่น่าเกรงขามพวยพุ่งสู่จิตของนางและเติมเต็มความแข็งแกร่งภายในร่าง หลังจากที่ส่งพลังมหาศาลนี้มา อวิ๋นลั่วเฟิงก็รีบนั่งขัดสมาธิ ขณะนั้นเองอัสนีสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของนาง…
ตอนที่ 2139 ผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นเซียนจักรพรรดิ (2)
ตูม ตูม ตูม!
เสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่วฟ้า แต่อวิ๋นลั่วเฟิงก็ปล่อยอวิ๋นอี้ออกมาขณะที่นางนั่งขัดสมาธิอยู่ อวิ๋นอี้ยืนขึ้นบังศีรษะของอวิ๋นลั่วเฟิงและป้องกันสายฟ้าที่ผ่าลงมา
อัสนีสวรรค์ครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยมีมา นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นอวิ๋นลั่วเฟิงผ่านด่าน…จะบอกว่าเป็นอัสนีสวรรค์ที่รุนแรงราวกับโลกจะถึงจุดจบก็ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย!
อัสนีลงทัณฑ์ผ่าลงมาอยู่อย่างนั้นทั้งคืนก่อนจะค่อยๆ จางหายไป
วันต่อมาเมื่ออวิ๋ลั่วเฟิงลืมตาขึ้นนางก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งไร้สิ้นสุดภายในตัวนาง และอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นเพื่อยืดเส้นยืดสาย จากนั้นนางก็ถามว่า “เทียนเอ๋อร์ เจ้ายังมีพลังแบบนี้อีกมากแค่ไหน”
อวิ๋นชูเทียนกะพริบตาแล้วส่ายหน้า “ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ เทียนเอ๋อร์ให้ท่านแม่ไปหมดแล้ว ท่านแม่พาเทียนเอ๋อร์ไปสู้ด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ เทียนเอ๋อร์ต้องช่วยท่านแม่ได้แน่ๆ”
อวิ๋นเซียวเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของอวิ๋นชูเทียนแล้วพวกเขาก็สบตากัน
“ท่านแม่” เพราะอวิ๋นชูเทียนกลัวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะปฏิเสธนาง นางจึงรีบกุมมือมารดาแล้วพูดอย่างน่าสงสารว่า “ถึงแม้ว่าเทียนเอ๋อร์จะจำอะไรไม่ได้ แต่เทียนเอ๋อร์ก็จะไม่เป็นภาระให้ท่านแม่นะเจ้าคะ”
อวิ๋นลั่วเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนแรกนางตั้งใจจะปฏิเสธคำขอของอวิ๋นชูเทียน แต่นางก็จำได้ว่าเจวี๋ยเชียนทิ้งอวิ๋นชูเทียนไว้ให้นาง ดังนั้นนางต้องไม่ใช่เด็กธรรมดาแน่นอน
เช่นนั้นนางจึงพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ”
อวิ๋นชูเทียนยิ้ม รอยยิ้มของนางสุกสว่างยิ่งกว่าพระอาทิตย์ นางพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วกอดเอวของอวิ๋นลั่วเฟิงไว้แน่น “ท่านแม่ เทียนเอ๋อร์ชอบท่านที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า แก้มของอวิ๋นชูเทียนแดงระเรื่อ และดวงตาของนางก็สุกสว่างน่าหลงใหลราวกับดวงดาวที่สุกสกาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
อวิ๋นลั่วเฟิงก้มลงมองใบหน้าเล็กบอบบางของเด็กหญิงตัวน้อยที่น่าเอ็นดูในอ้อมแขน และรอยยิ้มก็แผ่ไปทั่วใบหน้าของนาง
หาก…นางล่วงรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ล่ะก็ นางอาจนึกเสียใจที่พาเด็กหญิงไปแผ่นดินเทพวิญญาณด้วย โชคร้ายที่อวิ๋นลั่วเฟิงในตอนนี้ไม่รู้อะไรเลย
…
ณ แผ่นดินเทพวิญญาณ เผ่ามังกรบรรพบุรุษ
ภายใต้แท่นบูชามังกร สมาชิกในเผ่ามังกรบรรพบุรุษทั้งหมดถูกมัดเอาไว้กับเสา และพวกเขาก็มองมนุษย์ที่บุกรุกเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด
อวี๋เทียนและสหายทั้งสามของเขายืนตระหง่าน แล้วพวกเขาก็มองกลุ่มมังกรที่เดือดดาลอย่างเหยียดหยามพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยที่ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของพวกเขา
“เจ้าควรจะภาวนาให้อวิ๋นลั่วเฟิง สตรีผู้นั้นรีบมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นเผ่ามังกรบรรพบุรุษของเจ้าก็จะถูกกวาดล้างจนหมด!” อวี๋เทียนยิ้มอย่างโอหัง เสื้อคลุมขาวของเขาปลิวไสว ไม่ว่าจะมองอย่างไรภาพมังกรอมตะของเจ้าพวกนี้ก็น่าเกลียดอยู่ดี!
เสียงคำรามของหลงเหยียนเต็มไปด้วยความโกรธ “อวี๋เทียน เฝิงหย่งชิง ข่งเฟิงหลิง เว่ยเสียง ถ้าพวกเจ้ากล้าทำลายเผ่ามังกรบรรพบุรุษทั้งหมดล่ะก็ ต่อให้ข้า หลงเหยียนจะกลายเป็นผี ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไป!”
“กลายเป็นผีงั้นหรือ ฮะ ฮะๆ!” เฝิ่งหย่งชิงหัวเราะเบาๆ “นั่นก็หมายความว่าเจ้าต้องกลายเป็นผี! พวกเราเตรียมเพลิงวิญญาณไว้แล้ว หลังจากที่เจ้าโดนเพลิงนี้เข้าไป วิญญาณของเจ้าก็จะแหลกสลายและไม่สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้อีก!”
เขาพูดลอดไรฟันในท้ายประโยค และดวงตาของเขาก็คมปลาบเมื่อจ้องเผ่ามังกรบรรพบุรุษที่ถูกมัดไว้กับเสา
ความหวาดกลัวพาดผ่านดวงตาของหลงเหยียน แต่เขาไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า มือที่อยู่ข้างตัวกำแน่น และร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นสะท้านด้วยความเดือดดาลหนัก!
“ข้าจะให้เวลาอวิ๋นลั่วเฟิงอีกหนึ่งวัน ถ้าวันนี้นางยังไม่มา ข้าก็จะสังหารคนของเผ่ามังกรบรรพบุรุษ!”