ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ – ตอนที่ 1464 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (2) / ตอนที่ 1465 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (3)

ตอนที่ 1464 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (2)

 

 

เหยียนเข่อและศิษย์พี่เจอพวกเขาระหว่างทางแล้วผูกมิตรกัน หลังจากรู้จักกันมากขึ้นพวกเขาก็ตัดสินจับกลุ่มร่วมเดินทางกันไปยังสถานที่อันตรายต่างๆ ภายในแคว้น…

 

 

ชายหนุ่มหน้าตาน่ารักท่าทางอ้อนแอ้นเงยหน้ามองฟ้าที่มืดครึ้มก่อนจะหันมาหาเหยียนเข่อและคนอื่นๆ แล้วเสนอความคิด “ตอนนี้ดึกแล้ว พวกเราพักกันก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อพรุ่งนี้ดีหรือไม่”

 

 

เหยียนเข่อพยักหน้าเห็นด้วย “ฉีเซ่าพูดถูก ภูเขาอ้ายเวลากลางคืนอันตรายมาก พวกเราหยุดพักกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางใหม่”

 

 

ตอนนั้นพรรคน้อยใหญ่หลายพรรคก็เริ่มตั้งค่ายพักแรมบนภูเขาอ้ายแล้ว หลังจากที่ฉีเซ่าตั้งกระโจมเสร็จ เขาก็เห็นว่าอวิ๋นลั่วเฟิงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้โบราณเพื่อพักผ่อน เขาเหม่อมองนางอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า “แม่นางอวิ๋น เจ้าไม่ได้เอากระโจมมาหรือ เหตุใดเจ้าไปไม่ไปพักกับเหยียนเข่อเล่า”

 

 

“ไม่ต้องหรอก” อวิ๋นลั่วเฟิงส่ายหน้าแล้วตอบอย่างเฉยชา “ข้าไม่ต้องการกระโจม”

 

 

เมื่อเห็นว่าฉีเซ่าอยากจะพูดอะไรต่ออีก ฟู่จิ่นก็เดินเข้ามายืนข้างๆ เขา “ในเมื่อพวกนางไม่อยากได้ความช่วยเหลือ เจ้าและเหยียนเข่อก็ไม่ต้องไปสนใจ พวกนางอยากจะทำอะไรก็ทำไม่ใช่เรื่องของพวกเราเสียหน่อย” ฉีเซ่าถอนหายใจแล้วเดินเข้ากระโจม

 

 

ช่วงกลางคืนในภูเขาอ้ายยาวนานมาก สำหรับอวิ๋นลั่วเฟิง ความคิดของนางวนเวียนอยู่กับร่างเย็นชาไร้ความรู้สึกของชายคนนั้น นางไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นางถึงจะได้เจอเขา

 

 

“อวิ๋นเซียว…เจ้าอยู่ที่ไหน ข้าหายไปสามปี เจ้าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

 

 

นางเห็นภาพชายหนุ่มที่กำลังบ้าคลั่งเมื่อได้ยินว่านางถูกฝังอยู่ในเผ่าผู้ใช้เวท ดังนั้นนางจึงนึกไม่ออกเลยว่าตลอดสามปีมานี้อวิ๋นเซียวต้องใช้ความอดทนมากขนาดไหน

 

 

“ท่านแม่” เสี่ยวซู่เหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเสียใจของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาปีนขึ้นมานั่งตักนางแล้วยิ้มให้เห็นฟันเขี้ยวน่าเอ็นดูขณะใช้มือลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน “ท่านทำใจให้สบายเถอะ ท่านพ่อต้องกลับมาหาท่านแน่”

 

 

หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงกระตุก

 

 

อันที่จริงการที่นางตามหาอวิ๋นเซียวด้วยตัวเองคนเดียวก็เหมือนการงมเข็มในมหาสมุทร ถ้านางปล่อยข่าวว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ คนพวกนั้นก็จะมาตามหานางเมื่อรู้ข่าว

 

 

“ขอบคุณมากเสี่ยวซู่” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม

 

 

รอยยิ้มของนางงดงามมากจนดวงจันทร์บนท้องฟ้ายามค่ำคืนก็เทียบไม่ได้

 

 

 

 

รุ่งเช้า

 

 

ตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังนั่งสมาธิ นางก็พลันได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวข้างหน้า นางจึงค่อยๆ ลืมตา

 

 

“ศิษย์น้องหญิงเหยียนเข่อ ศิษย์พี่ฟูจิ่น ไม่เจอกันนาน ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพวกเจ้าที่นี่”

 

 

ตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้าขึ้นก็พบบุรุษหล่อเหลาคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าเหยียนเข่อและคนอื่นๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส สีหน้าของเหยียนเข่อซีดเผือดแล้วกำหมัดแน่น นางจ้องหน้าชายหนุ่มหล่อเหลาที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างโกรธเคืองโดยไม่ยอมละสายตา

 

 

“ข้ากับฟูจิ่นออกมาจากสำนักแล้ว เจ้าต้องการอะไรจากพวกเราอีก”

 

 

“หึ เจ้าคิดว่าแค่เจ้าออกจากสำนักจะลบล้างความผิดที่เจ้าก่อไว้ได้หรือ” ชายหนุ่มหล่อเหลายกยิ้มขณะที่สายตาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น เขามองพวกนางอย่างดูถูกพร้อมปล่อยกลิ่นอายวางอำนาจ “ถ้าอาจารย์พวกเจ้าไม่แก้ต่างให้ ไม่แน่พวกเจ้าอาจจะโดนบิดาข้าลงโทษจนตายไปแล้ว!”

 

 

ปัง!

 

 

สุดท้ายแล้วเหยียนเข่อก็ระงับความโกรธไว้ไม่ได้ ดวงตานางลุกเป็นไฟก่อนจะต่อยใบหน้าหล่อเหลาของเขา

 

 

“เจ้ายังมีหน้ามาพูดเรื่องนี้อีกหรือ ตอนนั้นเป็นเจ้าที่พูดจาหยาบคายกับน้องสาวข้า แล้วข้าก็ทำร้ายเจ้าเพื่อแก้แค้นให้นาง! ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะไร้เหตุผลจนตั้งใจจะสังหารข้า!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1465 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (3)

 

 

เมื่อเหยียนเข่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า นางก็ขบฟันแน่นด้วยความเกลียดชังจนอยากจะหั่นชายคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ

 

 

“นางสารเลว เจ้ากล้าต่อยข้างั้นเหรอ!” ชายหนุ่มหล่อเหลาตะโกนด้วยความโกรธ “พวกเจ้า จับนางสารเลวนี่ไว้ ข้าจะพานางกลับไปลงโทษ!”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ด้านหลังก็เดินหน้าเข้ามาโจมตีเหยียนเข่อ

 

 

สีหน้าของฟู่จิ่นและคนอื่นๆ เปลี่ยนไปแล้วรีบเข้ามาหยุดทั้งคู่ แต่พวกเขาลงมือช้าเกินไป กว่าพวกเขาจะเข้าไปถึงตัวนาง ผู้อาวุโสทั้งสองก็จับตัวเหยียนเข่อไว้แล้ว

 

 

“ซูลั่วเฉิน เจ้ามารชั่ว! ข้ายอมตายดีกว่าตกอยู่ในมือเจ้า!” พูดจบเหยียนเข่อก็ยกมือขึ้นแล้วตั้งใจจะใช้มือทุบศีรษะตัวเอง

 

 

“ศิษย์น้องหญิง อย่านะ!” ฟู่จิ่นเข่าอ่อนด้วยความกลัว เขาตะโกนอย่างตระหนก

 

 

ฝ่ามือของเหยียนเข่อเกือบจะโดนศีรษะนางแล้ว แต่ก็ถูกผู้อาวุโสคนหนึ่งจับไว้แน่นเสียก่อน

 

 

“นายน้อยสั่งให้ลงโทษเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่มีสิทธิ์ฆ่าตัวตาย” ผู้อาวุโสพูดอย่างเฉยชาและมองเหยียนเข่อด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน

 

 

“ฮึ่ม!” ซูลั่วเฉินส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาแล้วมองฟู่จิ่นกับคนอื่นๆ ด้วยความดูถูก “พวกเขาเองก็เกี่ยวข้องกับเหยียนเข่อ จับพวกเขาให้หมดไม่ละเว้น!”

 

 

ฟู่จิ่นกำหมัดแน่น ตอนนี้เองเขารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า พวกเขาออกจากสำนักแล้วแต่ก็ไม่คิดว่าซูลั่วเฉินจะยังไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปอีก…

 

 

ตอนนั้นเองก็มีเสียงเล็กๆ ดังเข้าหูทุกคน “ท่านลุง ท่านไม่ควรหน้าไม่อายขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นท่านจะโดนความเกลียดของทุกคนโจมตีนะ”

 

 

จู่ๆ เด็กชายตัวน้อยที่สวมชุดผ้าไหมก็โผล่มายืนข้างฟู่จิ่นและคนอื่นๆ รอยยิ้มเจิดจ้าบนใบหน้าทำให้เขาดูงดงามดุจหยก ดวงตาสุกสกาวดั่งแสงดาวยามค่ำคืนของเขาจ้องไปที่ซูลั่วเฉิน

 

 

ซูลั่วเฉินไม่ได้สนใจเสี่ยวซู่แล้วส่งเสียงเหอะก่อนจะถาม “เด็กคนนี้เป็นพวกของเจ้าหรือ”

 

 

“ไม่ใช่!” สีหน้าของฟู่จิ่นยิ่งซีดเผือด เขามองเสี่ยวซู่อย่างโกรธเคือง “ไสหัวกลับไปที่ของเจ้า ไป!” พูดจบเขาก็เงยหน้ามองซูลั่วเฉินแล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้จักเขา”

 

 

เขาดูถูกอวิ๋นลั่วเฟิงมาตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่านางจะพาผู้คุ้มกันร่างสูงใหญ่มาด้วยแต่ตัวเขาสัมผัสถึงพลังฌานในร่างผู้คุ้มกันคนนั้นไม่ได้เลย ดังนั้นเขาถจึงไม่พอใจที่ต้องพาอวิ๋นลั่วเฟิงมาด้วย

 

 

แต่…นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนใจดำ! อวิ๋นลั่วเฟิงและเสี่ยวซู่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้และในเมื่อพวกเขากำลังตกที่นั่งลำบาก จะลากนางมาเอี่ยวด้วยทำไม

 

 

“นายน้อย” ผู้ติดตามคนหนึ่งกระซิบซูลั่วเฉิน “ข้าถามคนแถวนี้แล้ว เด็กคนนี้มากับพวกเขา ในเมื่อเหยียนเข่อเป็นสตรีชั่วร้าย พวกเราไม่ควรปล่อยพวกนางสักคนไป”

 

 

เหยียนเข่อชะงักแล้วแสดงสีหน้าเสียใจ ถ้านางรู้ว่านางต้องมาเจอซูลั่วเฉินที่นี่ นางก็คงไม่ยอมพาเสี่ยวซู่มาด้วย!

 

 

“พวกเจ้า จับทุกคนไปให้หมด!” ซูลั่วเฉินโบกมือแล้วออกคำสั่งอย่างเย็นชา ทันใดนั้นผู้อาวุโสทั้งสองก็ลงมือหวังจะจับเสี่ยวซู่

 

 

แต่ว่า…ก่อนที่มือชรานั่นจะถึงตัวเสี่ยวซู่ก็ถูกมือหยาบทรงพลังจับไว้

 

 

ทุกคนตะลึง ดูเหมือนว่าจะไม่มีเข้าใจว่าใครกันที่กล้าหาญขนาดมีเรื่องกับสำนักเสวียนชิง

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

Author:
อวิ๋นลั่วเฟิง นักเรียนแพทย์หัวกะทิได้ย้อนอดีตกลับไปอยู่ในร่างของคุณหนูใหญ่สุดสำรวย สตรีผู้มีชื่อฉาวคาวกระฉ่อนว่าเป็นเพียงสวะของสกุล ซ้ำร้ายยังหน้าหนาไปฉุดหนุ่มรูปงามทั้งที่ตนมีคู่หมั้นเป็นถึงองค์รัชทายาท เรื่องน่าอับอายนี้เป็นเหตุให้นางโดนถอนหมั้นจนตัดสินใจปลิดชีวิตตนไปด้วยความเจ็บปวด ครั้นเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง คุณหนูใหญ่แห่งสกุลอวิ๋นก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ฉายาคุณหนูสวะนั้นหรือเป็นเพียงคำลวง แพทย์หญิงอัจฉริยะต่างหากที่เป็นของจริง! ไหนจะมี ‘ชายปริศนา’ ที่โผล่มาบอกให้นาง ‘รับผิดชอบ’ เขา ทั้งยังคอยติดตามอยู่ข้างกายไม่ห่างพร้อมประกาศว่า “ใครหน้าไหนที่จะมาทำร้ายสตรีของข้าก็ดาหน้ากันเข้ามา แต่จงจำไว้ว่ามันจะไม่มีวันได้มีชีวิตกลับไป!” เช่นนี้แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงจะรับมือกับเรื่องราวเหล่านี้อย่างไรดีเล่า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset