เย่เชียนขมวดคิ้วอย่างหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหวังเต๋อเซิน เขาเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็พูดด้วยความมุ่งมั่นว่า “ไม่หรอก..พี่ๆของเขี้ยวหมาป่าจะไม่ตายง่ายๆ..ผมเชื่อว่าเทียนเฉิงยังมีชีวิตอยู่จริงๆ” แต่เย่เชียนรู้ดีว่าเขาแค่พยายามหลอกตัวเองเพราะโอกาสที่หลิวเทียนเฉินจะรอดชีวิตนั้นมีน้อยเหลือเกิน แต่เย่เชียนก็เชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าหลิวเทียนเฉินจะยังมีชีวิตอยู่จนกว่าจะถึงวันที่เขาพบร่างของหลิวเทียนเฉินจริงๆ
หวังเต๋อเซินถอนหายใจและไม่ได้พูดค่อ เขาไม่รู้ว่าจะปลอบใจเย่เชียนอย่างไร แต่เขารู้ว่าเย่เชียนจะสามารถออกจากเงามืดนี้ได้อย่างรวดเร็วเพราะเขาคือราชาหมาป่าเย่เชียนแห่งเขี้ยวหมาป่าผู้เข้มแข็ง
“อีกฝ่ายคือใคร?” น้ำเสียงของเย่เชียนดูมีความเย็นชาอยู่ในนั้น ไม่ว่าหลิวเทียนเฉินจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่แต่คนที่ทำร้ายเขามันจะต้องตาย เพราะเขี้ยวหมาป่ามีความเชื่อมั่นว่าเลือดต้องล้างด้วยเลือด
“กองกำลังติดอาวุธประมาณสี่สิบไมล์ทางเหนือของล่าเสี้ยวผู้นำของพวกเขาชื่อตี่ลุนเป็นชาวเมียนมาร์มีและมีกองกำลังประมาณหกร้อยคนซึ่งเป็นชาวเมียนมาร์โดยกำเนิดทั้งหมด พวกเขามักจะลักลอบค้ายาเสพติดเป็นหลัก” แน่นอนว่าหวังเต๋อเซินรู้ความหมายเบื้องหลังคำพูดของเย่เชียนเขาจึงให้ข้อมูลทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับตี่ลุน
“ตี่ลุน?” เย่เชียนพึมพำชื่อเพราะเขารู้สึกว่ามันคุ้นเคย เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลี่เหว่ยและดูเหมือนหลี่เหว่ยจะเข้าใจความหมายของเย่เชียนเขาจึงโน้มตัวไปกระซิบข้างๆหูของเย่เชียนว่า “ตี่ลุนเป็นผู้ว่าจ้างของพี่เทียนเฉิน”
การถูกนายจ้างขายทิ้งและหักหลังเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกทหารรับจ้างและถ้าหากเขี้ยวหมาป่าไม่สามารถขจัดความร้าวฉานนี้เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมสำหรับตัวเองแล้วล่ะก็พวกเขาก็ไม่สมควรที่จะถูกยกย่องให้เป็นที่หนึ่งของโลกใบนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมากก็ตามแต่พวกเขาก็มักจะถูกจับตามองจากองค์กรหรือทหารรับจ้างกลุ่มอื่นๆอยู่เสมอ
เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยและเขาก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะรู้สึกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนจากที่ไหนสักแห่งแต่ทว่ามันกลับกลายเป็นผู้ว่าจ้างที่แจ็คเล่าให้ฟังจากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “พี่ใหญ่ช่วยอะไรผมหน่อยจะได้ไหมครับ” เย่เชียนหันไปหาหวังเต๋อเซินและถาม
“ได้เสมอน้องชาย..ถึงแม้ว่านายจะไม่ได้ขอก็ตาม พี่ชายคนนี้ก็จะช่วยอยู่แล้ว..พรุ่งนี้เช้าฉันจะรวบรวมพี่น้องทั้งหมดของฉันและไปถล่มรังของพวกมันและกำจัดตี่ลุนให้เอง” หวังเต๋อเซินพูดโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
จ้าวเทียนห่าวก็ส่ายหัวและพูดว่า “พี่ใหญ่..ผมขอขอบคุณในความตั้งใจของคุณ..แต่นี่มันเป็นเรื่องของเขี้ยวหมาป่าของเราหากเราอาศัยความหรือขอความร่วมมือจากข้างนอกแล้วถึงแม้ว่าเราจะกำจัดตี่ลุนได้แต่เราก็จะไม่มีที่ใดในโลกของทหารรับจ้างให้เรายืนอยู่อีกต่อไป และยิ่งไปกว่านั้นการจัดการกับตี่ลุนแค่คนเดียวคงไม่ต้องใช้คนจำนวนมากขนาดนั้นหรอก พี่ใหญ่ถ้าคุณต้องการช่วยจริงๆล่ะก็ให้ผมยืมอาวุธของคุณและผมจะคืนให้คุณในทันทีที่เราสะสางเรื่องนี้ได้แล้วและเราจะชำระคืนเป็นสองเท่า!”
“น้องชายเอ๋ย..นายพูดเหมือนเราเป็นคนแปลกหน้ากัน พวกเราทุกคนเป็นดั่งพี่น้องกันไม่ต้องพูดถึงการตอบแทนหรือสินน้ำใจใดๆหรอก ถ้านายต้องการอาวุธล่ะก็ฉันจะพานายไปที่คลังแสงในพรุ่งนี้เช้า และนายก็สามารถเลือกอะไรก็ได้ที่นายต้องการและได้หมดเท่าที่นายต้องการ” หวังเต๋อเซินพูดอย่างจริงใจ
“ขอบคุณมากพี่ใหญ่!” เย่เชียนพูด
ในค่ำคืนนั้นเย่เชียนและหลี่เหว่ยหลับไปตั้งแต่หัวค่ำเพราะการต่อสู้ครั้งใหญ่ใกล้เข้ามาแล้วดังนั้นพวกเขาจึงต้องรักษาร่างกายให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมและพร้อมที่จะบุกตลุยข้าศึก
เย่เชียนและหลี่เหว่ยลุกออกจากเตียงในเช้าวันรุ่งขึ้น หวังเต๋อเซินนำพวกเขาไปที่คลังแสงเพื่อเลือกอาวุธและกระสุนที่เย่เชียนต้องการ จากนั้นเขาก็ให้คนขับรถพาทั้งสองไปส่งและหลังจากออกจากค่ายของหวังเต๋อเซินแล้วทหารก็บอกลาและลงจากรถไปโดยบอกว่าเป็นคำสั่งของหวังเต๋อเซินว่าให้ทิ้งรถเอาไว้ให้พวกเขาทั้งสองใช้ เย่เชียนไม่ได้พูดอะไรตอบแต่หันไปหาหลี่เหว่ยและพูดว่า “เราไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับภูมิประเทศหรือเป้าหมายของเรามากนัก ฉันต้องขอให้นายไปดูลาดเลาล่วงหน้าไปก่อนและคอยสอดแนมเอาไว้เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง”
“รับทราบ!” หลี่เหว่ยนั้นเมื่อยู่ในสถานการณ์ที่จริงจังแล้วเขาจะไม่ทำตัวขี้เกียจและซุกซนเหมือนตามปกติของเขา เขาฟังคำสั่งและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว มีรถสัญจรไม่ปาไม่มากนักเมื่อหลี่เหว่ยมาถึงถนนและเขาก็สามารถสสกัดกั้นรถสามล้อได้อย่างรวดเร็วเพราะหลี่เหว่ยนั้นเป็นนักแกะรอยและไล่ล่าที่เชี่ยวชาญที่สุด การที่เขาสอดแนมศัตรูนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดและถึงแม้ว่าศัตรูจะค้นพบเขาแต่เขาก็ยังสามารถหลบหนีไปได้โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ
หลังจากที่หลี่เหว่ยเคลื่อนตัวออกไปเย่เชียนก็ติดต่อไปหาเจมส์ “เจมส์!..พี่ๆน้องๆคนอื่นมาถึงหรือยัง”
“ทุกคนที่ฉันสามารถติดต่อได้ในตอนนี้พวกเขาอยู่กับฉันหมดแล้ว” เจมส์ตอบ
“ดี! รีบมาที่ภูเขา..ผมจะรอพวกคุณอยู่ที่เชิงเขา” เย่เชียนพูดและวางสายโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงก็มีรถจี๊ปแล่นเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง ‘เอี๊ยด’ เสียงเบรกรถที่แสบหูดังกึกก้องขณะที่รถมาหยุดข้างๆเย่เชียนและมีคนห้าคนออกมาจากรถ นอกเหนือจากเจมส์และวิลเลียมแล้วยังมี ‘หมาป่าดำเขี้ยวมังกรม่อหลง’ ที่ไม่เป็นสองรองใครในการซุ่มยิงในเขี้ยวหมาป่าและยังเก่งในด้านการพรางตัวอีกด้วย ‘หมาป่าแห่งสายหมอกเฟิงหลาน’ ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ในป่าดั่งเจ้าแห่งขุนเขาและมีกลยุทธ์การสู้รบแบบกองโจรที่ดีที่สุด ‘หมาป่าแห่งพายุชิงเฟิง’ ผู้เชี่ยวชาญและรอบรู้ด้านอาวุธปืนซึ่งอาวุธปืนในมือของเขาดูเหมือนมันจะมีชีวิตของมันเอง
“บอส!” ชายทั้งห้าคนแสดงความเคารพแบบทหารและพูดพร้อมกัน ซึ่งการถูกเรียกว่าบอสเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดเล็กน้อยซึ่งมันฟังขัดๆหูของเขาเล็กน้อย เพราะถึงแม้ว่าเย่เชียนจะเป็นคนที่เรียกพวกเขามาที่นี่หรือเป็นผู้นำก็ตามแต่ในสายตาของเขานั้นเขี้ยวหมาป่ามีผู้นำเพียงคนเดียวและผู้นั้นก็คือเทียนเฟิงผู้ก่อตั้งของพวกเขา
เย่เชียนพยักหน้าเบาๆและเดินกลับไปที่รถที่ทหารทิ้งเอาไว้ให้และเปิดท้ายรถเผยให้เห็นอาวุธและกระสุนจำนวนมากจากนั้นก็พูดว่า “นี่คืออาวุธในปฏิบัติการครั้งนี้แบ่งกันเลือก”
ทั้งห้าคนเดินไปที่รถและมีเสียง ‘แกร๊กๆ’ เนื่องจากทั้งห้าคนนั้นเคยสัมผัสปืนมาทุกแบบทุกชนิดบนโลกใบนี้แล้ว “บอส..บอสไปเอาของพวกนี้มาจากไหนเหรอ..พวกมันเก่าจริงๆ” ชิงเฟิงแห่งพายุถอนหายใจขณะที่เขาเล่นกับปืนที่อยู่ในมือของเขาอย่างสนุกสนาน
“พวกคุณอยากได้รถถังสักสองสามคันมั้ย?” เย่เชียนถามอย่างเย็นชา
ชิงเฟิงตกใจเล็กน้อยเพราะมันเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาเคยเห็นเย่เชียนเดือดดาลอาจเป็นเพราะเรื่องของหลิวเทียนเฉินที่ทำให้เขาโกรธมากแน่ๆ หลังจากแบ่งปืนแบ่งกระสุนหมดแล้วเย่เชียนก็มองไปที่นาฬิกาของเขาและพูดว่า “หลี่เหว่ยล่วงหน้าไปสำรวจสถานที่นั้นก่อนหน้านี้เราจะมอบหมายภารกิจหลังจากที่ไปถึงที่นั่น..เคลื่อนพลได้”
เมื่อคำสั่งของเย่เชียนดังขึ้นก็ไม่มีใครลังเลหรืออ้อยอื่งเลยแม้แต่น้อยพวกเขาเข้าไปในรถทีละคนๆและมุ่งตรงไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
ภายในรถทุกคนเงียบกันหมดต่างคนก็ต่างตรวจสอบอุปกรณ์ของตัวเองจึงทำให้บรรยากาศดูน่าเบื่อเล็กน้อย ใบหน้าของเย่เชียนสงบและเศร้าหมองยิ่งขึ้นเนื่องจากความปรารถนาเดียวของเขาก็คือขอให้หลิวเทียนเฉินยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ว่าความปรารถนานั้นจะริบหรี่ก็ตาม แต่เย่เชียนก็เต็มใจที่จะเชื่อว่าพี่ๆของเขี้ยวหมาป่าจะไม่ถูกสยบอย่างง่ายดาย
ดวงอาทิตย์กำลังตกดินอย่างช้าๆหลังภูเขาลูกใหญ่และความมืดก็คลืบคลานเข้ามาราวกับปีศาจที่หิวโหยที่กำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆและกลืนกินร่องรอยของแสงทั้งหมดจากโลกใบนี้ไป เมื่อความมืดมิดปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าพวกเขาก็มาถึงที่แห่งหนึ่งรอบๆมีภูเขาสูงตระหง่านและต้นไม้เขียวชอุ่ม พวกเขาอยู่ใกล้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถไปถึงดินแดนของกองกำลังติดอาวุธของตี่ลุนแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงต้องลงจากรถและเดินเท้าต่อไป พวกเขาซ่อนรถด้วยใบไม้และกิ่งไม้ต่างๆนำมาคลุมเอาไว้ จากนั้นเย่เชียนก็นำทัพเขี้ยวหมาป่าทั้งหกคนเข้าสู่ภูเขาลูกใหญ่…
.