เย่เชียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพวกเขาถูกนำทางมาที่ห้องรับรองวีไอพี ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้รู้เกี่ยวกับสโมสรเจิดจรัสมากนัก แต่ความสำคัญและข้อจำกัดของห้องนี้ก็ชัดเจนสำหรับเขา เพราะห้องรับรองส่วนตัววีไอพีนี้ไม่ได้ถูกเปิดใช้งานมานานมากแล้ว แต่มาวันนี้มันถูกเตรียมเอาไว้ให้เขาโดยไม่คาดคิด เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้
ในทางกลับกันม่อหลงกลับไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกอะไรเลย ในมุมมองของเขาเอง เขาคิดว่ามันก็เหมาะสมและสมควรแล้วอย่างยิ่งที่คนอย่างเย่เชียนจะได้ใช้ห้องรับรองวีไอพี ม่อหลงผู้ซึ่งมีความภาคภูมิใจในฐานะสมาชิกของกลุ่มเขี้ยวหมาป่า เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสำหรับราชาหมาป่าเย่เชียนที่เป็นถึงผู้นำของเขี้ยวหมาป่าของเขานั้น การที่เขาได้รับการต้อนรับเช่นนี้มันช่างเหมาะสมกับเกียรติของเขาอย่างยิ่ง
ฟูจุนเฉิงเองก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ลึก ๆ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ในขณะที่จ้าวไถ่จู้ยังคงมีใบหน้ายิ้มแย้มตามปกติและไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ส่วนหวันชุนหัวนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปทางเย่เชียนอย่างตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขารู้เรื่องสโมสรเจิดจรัสไม่มากก็น้อย ดังนั้นการที่เย่เชียนสามารถเข้าไปใช้ห้องรับรองส่วนตัววีไอพีของสโมสรนี้ได้โดยไม่คาดคิดนั้นจึงทำให้เขาประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อผู้จัดการชางกวนเห็นสีหน้าที่ดูประหลาดใจของเย่เชียน เขาก็ยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “คุณครับ… คุณไม่ต้องแปลกใจอะไรหรอกครับที่คุณสามารถเข้าไปใช้ห้องรับรองวีไอพีนี้ได้ หากคุณต้องการเข้าใช้ห้องวีไอพีนี้อีกในคราวหน้า คุณก็สามารถเรียกใช้ได้เหมือนอย่างในวันนี้เช่นกันครับ และถ้าหากคุณต้องการสิ่งใด โปรดอย่าลังเลใจที่จะมอบคำสั่งของคุณให้กับผม สำหรับวันนี้… ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผมจะดูแลให้เองนะครับ โปรดรับไว้เพื่อแทนคำขอโทษสำหรับความผิดพลาดของเราด้วยครับ”
เย่เชียนพึมพำกับตัวเอง เขาเดาว่าผู้จัดการคนนี้คงเป็นเพียงผู้จัดการที่คอยดูแลและจัดการอยู่เบื้องหน้าของสโมสรเจิดจรัสเพียงเท่านั้น คนที่เป็นหัวหน้าตัวจริงของสถานที่แห่งนี้คงจะไม่แสดงตัวตนออกมาให้เห็นได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้เกี่ยวกับตัวตนของเย่เชียนอยู่บ้าง เย่เชียนยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “ถ้าเช่นนั้น… ผมก็จะน้อมรับด้วยความเคารพ”
“ด้วยยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ… หากคุณต้องการสิ่งใด คุณสามารถเรียกพวกเราให้มารับใช้ได้ตลอดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนครับ” ผู้จัดการชางกวนตอบ
“ขอบคุณครับ… คุณไปทำงานของคุณต่อได้เลย ถ้าหากผมต้องการอะไรเพิ่ม เดี๋ยวผมเรียกนะครับ” เย่เชียนพูด
ผู้จัดการชางกวนโค้งคำนับอย่างเคารพแล้วจากไป เขาเดินตรงไปที่ลิฟต์และขึ้นไปที่สำนักงานชั้นบนสุด จากนั้นเขาก็เคาะประตูและเข้าไปในออฟฟิศ
“คุณผู้หญิง… ผมทำตามคำสั่งของคุณเรียบร้อยแล้วครับ”
หญิงสาวคนนั้นพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็พูดว่า “ทำได้ดีมากค่ะ… ผู้จัดการชางกวน”
“คุณผู้หญิงมีคำสั่งอื่นอีกหรือไม่ครับ ?” ผู้จัดการชางกวนถาม
หญิงสาวพึมพำกับตัวเองสักพักแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรแล้วค่ะ… คุณไปได้”
ผู้จัดการชางกวนพยักหน้าและออกไป เมื่อเขาออกไปแล้วหญิงสาวก็นั่งลงพึมพำกับตัวเองว่า “เย่เชียน… คุณกำลังวางแผนอะไรอยู่กันนะ ? แล้วคุณสั่งให้คนพวกนั้นมาอยู่ในเซี่ยงไฮ้นี่เหรอ ?”
……
ภายในห้องรับรองส่วนตัววีไอพี
หลังจากที่ผู้จัดการชางกวนออกไปแล้ว หวันชุนหัวก็โวยวายขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “นี่มันอะไรกันเนี่ย ? ฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดเลยว่าวันนึงฉันจะได้มานั่งอยู่ข้างในห้องวีไอพีแบบนี้ เย่เชียน! นายนี่มันยอดเยี่ยมมาก”
เย่เชียนยิ้มแหย ๆ และพูดว่า “เออ… ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้จัดการคนนั้นถึงเตรียมห้องวีไอพีนี้ให้ผม… ผมเองก็ยังงงอยู่เลยเนี่ย” จากนั้นเขาก็หันไปหาฟูจุนเฉิงและมองเขาด้วยสายตาขอบคุณ จากนั้นก็พูดว่า “พี่จุนเฉิง… ขอบคุณครับ”
ฟูจุนเฉิงรู้ว่าเย่เชียนกำลังหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เขายิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องมาขอบคงขอบคุณอะไรกันหรอก… เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่รึไง!”
หวันชุนหัวและจ้าวไถ่จู้ไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน ทว่าจ้าวไถ่จู้ก็พยายามที่จะสังเกตและตั้งใจฟังมากขึ้น เขาจดจ่ออยู่กับการกินอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าและพูดน้อยลงเพื่อตั้งใจฟัง พร้อมกันนั้นก็เรียบเรียงความคิดของเขาไปด้วย ส่วนหวันชุนหัวก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “พวกนายนี่เป็นคนไม่จริงใจกันเลยสิหน่า… ฉันรู้นะว่าพวกนายกำลังพยายามแอบซ่อนอะไรจากพวกเราอยู่… เฮ้ย! เย่เชียน… เกิดอะไรขึ้นกับแขนของนายนั่นน่ะ”
“มันไม่มีอะไรหรอก มันแค่เคล็ดขัดยอกเฉย ๆ ผมไม่ทันได้ระวังตัวน่ะ” เย่เชียนพูดเบา ๆ
เย่เชียนไม่อยากอ้อยอิ่งและลีลากับคำถามนี้ หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็เปลี่ยนประเด็นและถามว่า “พี่ไถ่จู้… พี่ชุนหัว… พวกพี่สองคนเป็นยังไงกันบ้าง ?”
ปากของจ้าวไถ่จู้นั้นเต็มไปด้วยอาหาร เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาในขณะที่พูดเลยด้วยซ้ำ เขาตอบด้วยเสียงที่อู้อี้เพราะมีอาหารยัดอยู่เต็มปากว่า “ก็… ทำงานหาเงินเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ตอนนี้ฉันได้เงินเยอะขึ้นกว่าเดิมละ อีกไม่กี่ปี… ฉันน่าจะได้กลับบ้านและไปสร้างบ้านให้พ่อแม่เสียที แล้วหลังจากนั้น… ฉันก็คงจะหาเมียดี ๆ สักคนล่ะมั้ง ฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปหาหวันชุนหัว
“ฉันจะพูดยังไงดีล่ะ ? คือ… มันดีกว่าเมื่อก่อนมากเลยล่ะ งานน้อยลงแต่เงินเยอะขึ้น ที่สุดยอดที่สุดก็คงเป็นเรื่องที่เราไม่ต้องหัวเสียกับเจิ้งซินอีกต่อไป… เพราะเขาถูกไล่ออกไปแล้วน่ะ” หวันชุนหัวตอบ
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ?” เย่เชียนถาม แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ประทับใจในตัวเจิ้งซินมากนัก
“ก็ไอ้หัวหน้าบ้านั่นดันไปด่าท่านประธานเข้าน่ะสิ เขาเลยสั่งให้ไล่ออก ฮ่า ๆ ๆ ” หวันชุนหัวพูดและหัวเราะ
มันเป็นเพราะวันนั้นเอง หลังจากที่เย่เชียนช่วยชีวิตของจ้าวเทียนห่าวเอาไว้ได้แล้ว จ้าวเทียนห่าวก็โทรไปที่สำนักงานและถูกเจิ้งซินสบถใส่ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังพูดพาดพิงไปถึงพ่อของจ้าวเทียนห่าวเลยด้วย ซึ่งเรื่องนี้มันช่างตลกร้ายยิ่งนัก
เย่เชียนพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามต่อว่า “พี่จุนเฉิง… แล้วพี่ล่ะวางแผนว่าจะทำอะไรต่อ ?”
ฟูจุนเฉิงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันจะไปมีแผนอะไรล่ะ ? ฉันก็แค่ต้องตั้งใจทำงานให้ดีและดูแลภรรยากับลูกของฉันแค่นั้น มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะทำได้ในตอนนี้น่ะ”
เย่เชียนนั้นเข้าใจดีว่าฟูจุนเฉิงไม่เคยปล่อยวางเรื่องนี้ไปเลย เพราะเขายังคงรู้สึกผิดมากเกี่ยวกับการพลาดฆ่าตัวประกันในอดีต “แล้วพี่ล่ะ ?” เย่เชียนหันไปถามหวันชุนหัวและจ้าวไถ่จู้
“ก็ทำงานหาเงินต่อไปน่ะสิถามได้… เราไปทำงานอย่างอื่นหรือธุรกิจใหญ่ ๆ ไม่ได้หรอก เราได้แต่ทำแบบนี้ต่อไปก็เท่านั้นแหละ พอฉันเก็บเงินได้มากพอแล้ว ฉันว่าจะซื้ออะพาร์ทเมนต์ในเซี่ยงไฮ้นี่แหละแล้วก็คงจะหาเมียสักคนมาทำลูก” หวันชุนหัวตอบ
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เย่เชียนก็พูดว่า “ความจริงแล้ว… ที่ผมขอให้ทุกคนมาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะว่าผมมีเรื่องที่อยากจะคุยกับพวกพี่… แต่ผมไม่รู้ว่าพวกพี่ ๆ จะสนใจหรือเปล่า ?!”
ดูเหมือนว่าฟูจุนเฉิงจะรู้สึกอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าเย่เชียนจะอธิบายมันอย่างแน่นอน แต่หวันชุนหัวนั้นถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที “อะไรล่ะ ? ฉันทำอะไรก็ได้นะ แต่คงไม่กล้าฆ่าคนหรือวางเพลิงหรอก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
“ส่วนตัวผมคิดว่าในเมื่อพวกเราได้เกิดมาเป็นลูกผู้ชายแล้ว ในช่วงชีวิตของลูกผู้ชายสักคนหนึ่งก็ควรที่จะเสาะแสวงหาถึงความสำเร็จ ถึงแม้ว่าพวกเราอาจจะไม่ต้องการชื่อเสียงก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ต้องมีใครสักคนที่ต้องการที่จะได้รับการยกย่องเป็นอย่างดีในชั่วชีวิตนึง… ผมไม่รู้ว่าพวกพี่คิดยังไงกันบ้าง แต่ผม… เย่เชียนคนนี้ไม่ได้หวังที่จะใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ๆ ”
เย่เชียนหยุดและพูดต่อ “ในเมื่อผมเป็นพวกพ้องกับพวกพี่ ผมก็ไม่อยากจะปกปิดเรื่องของผมเอาไว้เป็นความลับจากพวกพี่อีกต่อไป… ความจริงแล้ว… ผมเป็นผู้นำของกองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า! และการที่ผมมากลับมาเยือนเซี่ยงไฮ้นั้นก็เพื่อที่จะสร้างกองกำลังเขี้ยวหมาป่าแห่งประเทศจีนที่นี่ ผมอยากให้พวกพี่ทุกคนช่วยผม แต่แน่นอนว่าถ้าพวกพี่ไม่อยากทำมัน ผมก็จะไม่บังคับหรอก ถึงยังไงพวกเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเสมอ แต่ผมจะบอกพวกพี่เอาไว้เลยว่า หนทางข้างหน้ามันจะเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ทุกที่ไปบนเส้นทางนี้ และชีวิตของพวกพี่ก็อาจจะตกอยู่ในอันตราย… แต่หลังจากที่เราผ่านพ้นมันไปได้เราจะสามารถยืนอยู่ระหว่างสวรรค์และโลกได้อย่างภาคภูมิ…”