จางเจี้ยนจ้องมองจีเมิงฉิงด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยามพร้อมกับพูดว่า “ศาลบอกว่าลูกสาวของเราจะอยู่ในความดูแลของเธอก็จริง… แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามให้ฉันมาพบกับลูกสาวของฉันหนิ ทำไม…? ทำไมเธอถึงอยากไล่ฉันให้ออกไปจังเลยห๊ะ ? หรือว่า… เธอจะมีของเล่นใหม่เป็นเด็กผู้ชายหนุ่ม ๆ เธอเลยไม่อยากให้เขาเห็นฉันอย่างงั้นใช่มั้ยล่ะ ?”
“จางเจี้ยน! คุณมันหน้าด้าน ไร้ยางอาย!” จีเมิงฉิงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ
“ฉันหน้าด้านไร้ยางอายงั้นเหรอ ? ฉันจะไร้ยางอายได้ยังไง ? ถ้าเทียบกับเธอแล้ว… เธอนั่นแหละที่ไร้ยางอาย! เธอคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่เธอทำหรือไง ? เธอมันก็แค่พวกที่ชอบหลอกล่อเด็กผู้ชายมาเพื่อสนองตัณหาเท่านั้นแหละ!” จางเจี้ยนพูดอย่างเย้ยหยัน
“นี่คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรน่ะ…? ฉันไปทำแบบนั้นตอนไหน ?” จีเมิงฉิงพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“เมื่อกี๊นี้มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ ? ก่อนหน้านี้เธอเปิดประตูออกมาสีหน้าดูตื่นเต้นมาก แต่พอเธอเห็นหน้าฉันเธอก็ผิดหวังทันที พ่อหนุ่มน้อยนั่นมันยังไม่มาอีกเหรอ ? ก็ดี๊… งั้นฉันจะรออยู่นี่แหละ ฉันล่ะอยากรู้จริงจริ๊ง… ว่าไอ้เด็กนั่นมันจะยั่วยวนเมียของฉันยังไง!” จางเจี้ยนพูดอย่างไร้ยางอาย
“จางเจี้ยน! คุณต้องเข้าใจนะว่าเราหย่ากันแล้ว เพราะงั้นเลิกเรียกฉันแบบนั้นซะ! อีกอย่างฉันจะไปคบหากับใคร มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ! เพราะงั้นคุณไม่ต้องมายุ่ง!” จีเมิงฉิงโกรธเกรี้ยวและพูดต่อ “ฉันไม่ปฏิเสธนะว่าคุณน่ะเป็นพ่อของเบ็งเบ็ง และฉันก็ไม่ได้กีดกันไม่ให้คุณพบกับเธอ… แต่ที่นี่คือบ้านของฉัน และคุณก็ไม่ได้รับการต้อนรับที่นี่”
“อยากให้ฉันไปไหมล่ะ…? ใช่สิ! ในเมื่อตอนนี้เธอรวยแล้วหนิ… งั้นเอาเงินมาให้ฉันหน่อยสิ แล้วฉันจะไป!” จางเจี้ยนพูดออกมาอย่างหน้าด้าน ๆ
“เหอะ! ลืมไปซะเถอะ” จีเมิงฉิงปฏิเสธอย่างเดือดดาลและพูดต่อ “เพราะถ้าคุณยังทำตัวไร้ยางอายอยู่แบบนี้… ฉันจะเพิกถอนสิทธิ์การเยี่ยมพบลูกของคุณด้วย!”
“เพิกถอน ? เพื่ออะไรวะ ? ฉันเป็นพ่อของเบ็งเบ็งนะเว้ย… จะมาเพิกถอนสิทธิ์การเยี่ยมพบไร้สาระอะไรวะ!” จางเจี้ยนพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“คุณยังคิดอยู่เหรอว่าคุณเป็นพ่อของเบ็งเบ็ง ? คุณเคยดูแลเบ็งเบ็งบ้างมั้ยหลังจากที่เธอเกิดมาแล้วน่ะ ? แล้วตั้งแต่หย่าร้างกันไป คุณเคยจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรให้ฉันสักแดงมั้ย ? อะไรกัน… ตอนนี้กลับนึกอยากจะมาทำตัวเป็นพ่อของเบ็งเบ็ง ? หึ… อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่! ในที่สุดชีวิตของฉันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้สักที… เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่ากลับมาสร้างปัญหา และอย่าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉันอีกเลย!” จีเมิงฉิงพูดอย่างหมดหนทาง
“ตามคำกล่าวที่ว่า… สามีและภรรยามันของคู่กัน ถึงยังไงวันเวลามันก็จะเยียวยาในที่สุด… ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร สุดท้ายแล้วเธอก็เคยเป็นผู้หญิงของฉัน! ถ้าเธอกลับมาหาฉัน… ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ” จางเจี้ยนพูดอย่างเฉไฉและกลับกลอก
“ไม่มีทาง!” จีเมิงฉิงตอบอย่างไม่แยแส
“อย่ากล้าที่จะปฏิเสธฉัน! ฉันขอบอกเธอเอาไว้ตรงนี้เลยว่าฉันจะพาเบ็งเบ็งกลับไปกับฉัน! แล้วเธอก็จะไม่ได้พบกับเบ็งเบ็งอีกเลย!” จางเจี้ยนพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“อย่าแม้แต่จะคิด! ศาลตัดสินให้ลูกอยู่กับฉัน… คุณไม่สามารถพรากเธอไปจากฉันได้” จีเมิงฉิงพูด
“เธอก็รู้ว่าฉันทำอะไร! คำตัดสินของศาลมันเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ! เธอก็รู้ว่าฉันสามารถทำชั่วได้ขนาดไหน! ถ้าเธอยอมทุกอย่าง มันก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลย… แต่ถ้าเธอไม่ยอม ฉันรับประกันได้เลยว่า เธอจะไม่ได้เห็นหน้าเบ็งเบ็งอีกเลย!” จางเจี้ยนหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “โอ้! ใช่แล้ว… เธอยังมีร้านอาหารอยู่ด้วยใช่มั้ย ? ดี… ฉันจะได้ไปที่นั่นบ่อย ๆ จะได้ดูแลธุรกิจแทนให้”
จีเมิงฉิงรู้สึกเสียใจและหดหู่อย่างมาก การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้นยากลำบากมากและเธอก็ต้องใช้เวลานานหลายปีในการทำงานอย่างหนักหน่วงและเหนื่อยล้าเพื่อที่จะให้ชีวิตของเธอกับลูกสาวมาถึงจุดนี้ได้ จนตอนนี้เธอกับลูกสาวของเธอก็สามารถอยู่กันได้อย่างสงบสุขแล้ว ทว่าจางเจี้ยนดันกลับมาหาเธออีกครั้ง มันจึงทำให้หญิงสาวที่อ่อนแออย่างเธอรู้สึกสิ้นหวังและเสียใจอย่างมาก
“จางเจี้ยน! ถ้าคุณกล้าพาลูกสาวของฉันไป… ฉันจะสู้กับคุณ! ต่อให้แลกด้วยชีวิตของฉัน… ฉันก็ยอม” แล้วน้ำตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจและสิ้นหวังก็ไหลรินลงบนใบหน้าของจีเมิงฉิงอย่างท่วมท้น แต่เธอก็พูดด้วยความแน่วแน่
ในทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!
“ไปเปิดประตูสิวะ! มันต้องเป็นเด็กของเธอแน่ ๆ ” จางเจี้ยนนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบโดยยกขาพาดขึ้น
จีเมิงฉิงรีบเช็ดน้ำตาของเธอออกจากใบหน้า แล้วเดินไปเปิดประตู เย่เชียนยืนอยู่ที่นั่นด้วยความประหม่าเล็กน้อย มือซ้ายของเขาถือตุ๊กตาตัวใหญ่และน่ารัก ส่วนมืออีกข้างก็ถือถุงขนมมากมาย
“คุณมาแล้วเหรอ…? เข้ามาสิ!” จีเมิงฉิงฝืนยิ้มขณะที่เธอพูด
เย่เชียนอ้าปากค้างและชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจีเมิงฉิงถึงดูเป็นแบบนี้ จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างเหม่อลอยแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เมื่อเข้าไปด้านใน เขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา เขาสวมชุดแปลก ๆ และดูเหมือนกับพวกนักเลง เย่เชียนก็ประหลาดใจเล็กน้อยแล้วถามว่า “คุณมีแขกเหรอครับ ?”
“ค่ะ” จีเมิงฉิงกัดฟันตอบเพราะเธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
จางเจี้ยนจ้องมองไปที่เย่เชียนอย่างไม่แยแสและการแสดงออกของเขาก็ดูเหยียดหยาม จากนั้นเขาก็พูดว่า “ฉันเป็นสามีของจีเมิงฉิง!”
เย่เชียนผงะไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “อ๋อครับ… พอดีวันนี้เป็นวันเกิดของเบ็งเบ็ง ผมก็เลยแวะมาให้ของขวัญเธอซะหน่อยน่ะ พวกคุณอยู่กันสามคนครอบครัว… ผมคงจะไม่รบกวนอะไรมาก ในเมื่อผมให้ของขวัญกับเธอแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ขณะที่เย่เชียนพูด เขาก็วางของลงช้า ๆ แล้วหันหลังไป เย่เชียนไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกว่าเหมือนเขาถูกจับได้ว่าเป็นชู้หรืออะไรสักอย่าง
“คุณไม่จำเป็นต้องไป! แต่เป็นเขาต่างหากที่ต้องไป” จีเมิงฉิงดึงเย่เชียนเอาไว้และพูดต่อ “เราหย่ากันแล้ว”
“ใช่ ๆ ทำไมนายต้องรีบออกไปล่ะ…? ฉันอยากคุยกับนายสักหน่อยว่านายมีความสามารถอะไรถึงทำให้เมียของฉันยั่วยวนนายขนาดนี้ได้!” จางเจี้ยนพูดอย่างไร้ยางอาย
เย่เชียนขมวดคิ้ว จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปที่โซฟาและนั่งลง เขายิ้มให้จีเมิงฉิงและพูดว่า “คุณยังมีสิ่งที่ต้องทำในครัวอยู่ใช่มั้ย ? ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก… คุณไปทำกับข้าวต่อเถอะ”
จีเมิงฉิงมองไปที่เย่เชียน จากนั้นก็มองไปที่จางเจี้ยน สุดท้ายเธอก็พยักหน้าและกลับไปที่ห้องครัว
เมื่อเย่เชียนเห็นจีเมิงฉิงออกไป เขาก็แสยะยิ้มและหันไปหาจางเจี้ยนและพูดว่า “ผมชื่อเย่เชียน… คุณชื่ออะไรเหรอ ?”
“จางเจี้ยน… เด็ก ๆ เรียกฉันว่าเจี้ยนเก่อ” จางเจี้ยนพูดอย่างหยิ่งผยอง
“อ๋อ… จางเก่อเหรอ ? คุณบอกว่าอยากจะคุยไม่ใช่เหรอ ? ไหนจะคุยอะไรล่ะ” เย่เชียนถาม
“คุยเรื่องอะไรเหรอวะ ? ก็แกล่อลวงเมียของฉันไม่ใช่หรือไง… ฉันจะพูดอะไรได้อีก” จางเจี้ยนพูดอย่างเกรี้ยวกราด “บอกฉันมาซิว่าระหว่างแกกับเมียของฉันน่ะไปถึงขั้นไหนกันแล้ว ?”
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องของคุณ… คุณหย่ากันแล้วหนิ ผมว่าคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตและความเสน่หาของเธอนะ” เย่เชียนพูดอย่างไม่แยแส
“หย่ากันแล้วไงวะ ? ถึงเราจะหย่ากัน แต่เธอก็เคยเป็นเมียของฉัน” จางเจี้ยนพูดต่ออย่างเกรี้ยวกราด “ไอ้เด็กน้อย… รู้มั้ยว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะเว้ย ฉันน่ะคลุกคลีอยู่กับคนเลว ๆ และนักเลงบนท้องถนนมานานหลายปี ถ้ามีคำพูดหลุดออกไปว่าเมียของฉันไปนอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะวะ!”
เย่เชียนฉีกยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “แล้วมันยังไงล่ะ ?”
จางเจี้ยนเหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “ก็ง่าย ๆ … นายก็เอาเงินมาให้ฉันสักล้านหยวน หรือไม่… ก็ตัดมือของนายมาหนึ่งข้าง! เลือกเอา!”