ตอนที่ 16 พี่น้อง
ทันทีที่หลี่ฮ่าวเสร็จธุระกับเจิ้งต้าฟูแล้ว เขาก็รีบออกจากโรงพยาบาลเพื่อเดินทางต่อไปยังสถานีที่เย่เชียนถูกขังไว้
เมื่อหลี่ฮ่าว บุคคลระดับสูงผู้ดำรงตำแหน่งอธิการกระทรวงความมั่นคงย่างเท้าเข้ามาที่สถานีตำรวจขนาดย่อย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านหน้าต่างพากันทำความเคารพแล้วขยับทางให้เขาเดินผ่านไป พวกเขาไม่กล้าแม้กระทั่งเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหลี่ฮ่าว
หูวเยว่ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้ากรมตํารวจประจำสถานีนี้รู้สึกหวั่นเกรงและกังวลอย่างมากเมื่อเห็นคนเป็นเจ้านายปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาไม่เข้าใจว่ามันมีเหตุอันใดที่ถึงกับทําให้หลี่ฮ่าวต้องมาเยือนที่นี่ด้วยตนเอง
หลี่ฮ่าวไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขายิงคําถามใส่หูวเยว่ทันที
“คนชื่อเย่เชียนที่ถูกนำมาฝากขังไว้ที่นี่เมื่อวาน ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ?”
หูวเยว่รีบหันไปหาซุนจีเซียงและถามเขาด้วยสายตา เพราะตัวเขาเองนั้นไม่ได้รับรู้ถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มากนัก เขารู้เพียงผิวเผินเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าลูกน้องของเขาได้กระทำการโดยที่ไม่มีขั้นตอนใด ๆ เลย
หูวเยว่พยายามส่งสายตาให้ซุนจีเซียงรีบรายงาน แต่ทว่าซุนจีเซียงกลับลุกลี้ลุกลนจนไม่สามารถทำอะไรได้ หูเยว่เลยรีบก้าวออกมาข้างหน้าอย่างไม่มีทางเลือกแล้วรายงานอย่างกระวนกระวายว่า
“ท่านอธิการหลี่ ผู้ต้องหาที่ชื่อเย่เชียนถูกคุมขังอยู่ที่ศูนย์กักกันนักโทษสถานหนักครับท่าน”
“ว่าไงนะ?”
หลี่ฮ่าวถึงกับตกใจเมื่อเขาได้ฟังคำตอบ เขาคิดว่าถึงแม้เย่เชียนจะกระทําความผิดจริงและไม่มีใครหนุนหลังให้ก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนการจับกุม แล้วทําไมเขาถึงถูกทําอย่างกับเป็นฆาตกรคดีฆ่าคนตาย พวกตํารวจชั้นประทวนพวกนี้มีเจตนาอะไรถึงจับเย่เชียนไปขังไว้ในที่แบบนั้น
“นี่มันอะไรกัน! ไร้สาระ! เขาเป็นผู้ต้องหาคดีธรรมดา ๆ ทําไมถึงไปขังไว้กับนักโทษสถานหนัก ใครเป็นคนออกคำสั่ง ?”
หลี่ฮ่าวผู้อยู่เบื้องหลังของกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณรัฐ เมื่อพบกับการกลั่นแกล้งประชาชนเช่นนี้ แถมคนคนนั้นยังเป็นพี่ชายของเขาอีก เขาจึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอันมากและเริ่มที่จะบันดาลโทสะออกมา
หูวเยว่ไม่เคยเห็นเขาระเบิดอารมณ์ขนาดนี้มาก่อนจึงรู้สึกหวั่นเกรงอย่างมาก เขามองไปหาซุนจีเซียงอีกครั้ง ซุนจีเซียงจึงรีบพูดขึ้นว่า
“มีคำสั่งจากหัวหน้าให้นําตัวเขาไปขังไว้ที่นั่นครับท่าน” เขาตอบอย่างลุกลี้ลุกลน
“ใคร ?!” หลี่ฮ่าวถามต่อ
“หัวหน้าทีมหยางครับ” ซุนจีเซียงตอบอย่างตงฉิน
หลี่ฮ่าวไม่รู้ว่าใครคือหยางเหว่ย หูวเยว่จึงปะติดปะต่อเรื่องราวเสริมให้และอธิบายว่า
“หยางเหว่ยเป็นร้อยเอกที่รับผิดชอบในการลงพื้นที่ในเขตนี้ครับ”
หลี่ฮ่าวพยายามทำใจให้เย็นลง ก่อนจะพูดต่อว่า
“เรื่องนี้เอาไว้ทีหลัง แล้วห้องขังอยู่ที่ไหน ทําไมพวกคุณถึงยังไม่นําทางผมไปที่นั่นอีก ?!”
“ครับท่าน เชิญทางนี้ครับ!”
หูวเยว่ก่นด่าหยางเหว่ยอยู่ในใจอย่างหนักหน่วงที่สร้างปัญหาให้เขาขนาดนี้ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่านี่มันเป็นคดีปกติที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในกรมตำรวจทั่วไป ไม่น่าจะทําให้คนระดับหลี่ฮ่าวต้องลงมาดูด้วยตนเอง เขาไม่เชื่อว่าเหตุผลของหลี่ฮ่าวจะมีเพียงแค่ความยุติธรรมและความมั่นคงของสิทธิมนุษยชนเพื่อกฎหมายที่แท้จริงแค่นั้นหรอก
เมื่อคิดได้ดังนั้น มันก็เป็นไปได้อย่างเดียวคือ หลี่ฮ่าวต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเย่เชียนอย่างแน่นอน
เมื่อหลี่ฮ่าวกับหูวเยว่เดินมาถึงประตูห้องขังก็ถึงกับตกตะลึง เพราะภาพที่ปรากฏแก่สายตาตรงหน้าของพวกเขานั้น เป็นภาพของตํารวจสาวในเครื่องแบบกําลังถูกกดอยู่บนเตียงโดยชายหล่อเหลาคนหนึ่ง สถานการณ์ที่คลุมเครือเช่นนี้มันยากเหลือเกินที่จะบรรยาย เหล่านักโทษและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ รอบห้องขังก็มองอย่างตกตะลึงเช่นเดียวกัน ทุกคนล้วนแต่ตกอยู่ในภวังค์ราวกับฉากหนึ่งในละครผู้ใหญ่
มันเป็นฉากที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกรมตํารวจเช่นนี้…
หูวเยว่นั้นตกตะลึงจนสติหลุดไปแล้ว ส่วนหลี่ฮ่าวเองก็ไม่รู้ว่าตํารวจหญิงคนนี้เป็นใคร เขาเพียงแค่เคยได้รับรายงานว่ามีตํารวจสาวเสน่ห์เหลือร้ายนามว่าหวังยู่ประจำการอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ที่หลี่ฮ่าวย่างเท้าเข้ามาในสถานีนี้ เขาก็ไม่เห็นตำรวจหญิงคนไหนเลยจนมาเจอเธอคนนี้นี่แหละ เพราะฉะนั้นเจ้าของฉายาที่เขารู้มาก็คงจะต้องเป็นเธออย่างแน่นอน
เมื่อหลี่ฮ่าวเห็นหัวหน้ากรมอย่างหูวเยว่ยืนอ้าปากค้างและดูเหมือนกับว่าเขาจะสติหลุดไปไกลแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ก็ดูท่าจะไม่มีใครที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจนี้ลงได้ เขาจึงไม่รีรอที่จะทําลายบรรยากาศปานละครเช่นนี้ทิ้งด้วยการกระแอมไอดัง ๆ
“อ่ะแฮ่ม ๆ”
มันได้ผล!
ทุกคนตื่นจากภวังค์แล้วหันไปหาต้นตอที่มาของเสียงทันที เมื่อหยางเหว่ยที่เห็นว่าคนทำเสียงเป็นใคร เขาก็ตกใจอย่างยิ่งจนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มและพูดอย่างตะกุกตะกักว่า
“พะ… พลโท… หะ… หัวหน้า… ท่านอธิการหลี่!”
เย่เชียนยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังจากที่เขาได้ยินหยางเหว่ยตะโกนชื่อใครบางคนที่เขาคุ้นหูดังเข้ามาจากด้านนอก จากนั้นก็ปล่อยตัวหวังยู่ให้เป็นอิสระ แต่ใครจะรู้ว่าพอเขาปล่อยเธอแล้ว เธอก็เงื้อมือขึ้นหมายจะตบเขา แต่ด้วยสัญชาตญาณ เย่เชียนจึงคว้าข้อมือเธอเอาไว้ได้ทันและถามว่า
“เธออยากได้มากกว่านี้อีกใช่มั้ย ?”
“ไอ้บ้า! ฉันจะฆ่าแกกกกกกกก!” หวังยู่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“หวังยู่! หยุด! มานี่!” หูวเยว่ที่เรียกคืนสติกลับมาได้แล้วรีบตะโกนขึ้นอย่างดุดัน
ถึงแม้ว่าหวังยู่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชาแล้ว เธอก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งได้ เธอจ้องเย่เชียนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจำใจเดินออกไป
“ใครคือเย่เชียน ?” หูวเยว่ถามขึ้น
แต่ทว่าหลี่ฮ่าวไม่รีรอ เขารีบเดินเข้าไปกอดเย่เชียนทันที
“พี่สอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางเหว่ยและหูวเยว่ถึงกับอึ้งและเข่าอ่อน ใจเต้นตุบ ๆ ไม่เป็นจังหวะ ไม่มีใครในที่นี้คาดคิดเลยว่า… คนที่พวกเขาจับกุมมานั้นเป็นถึงพี่ชายของคนระดับอธิการกระทรวง แถมเขายังถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายเสียด้วย พวกเขาวิตกกังวลเป็นอย่างมากว่าอาชีพการทำงานของพวกเขาจะต้องสิ้นสุดลง ณ ตรงนี้
เมื่อตระหนักถึงผู้ที่ก่อหายนะในครั้งนี้ หูวเยว่ก็จ้องเขม็งไปที่หยางเหว่ย ส่วนหยางเหว่ยเองก็ได้แต่นิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้ เขาจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะว่าเย่เชียนมีคนหนุนหลังระดับนี้
พวกนักโทษในห้องขังเองก็ประหลาดใจเป็นที่สุด เมื่อเห็นว่านายเหนือหัวคนใหม่ของพวกเขาเป็นถึงพี่ชายของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้งว่าทำไมเย่เชียนถึงได้ดูมั่นใจและห้าวหาญเพียงนี้ แต่หารู้ไม่ว่าตัวเย่เชียนเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าน้องสามของเขาจะเป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูง
แม้ตัวเย่เชียนเองจะเป็นถึงราชันหมาป่าของกองกำลังทหารรับจ้าง ทว่าเรื่องความมั่นใจและห้าวหาญครั้งนี้นั้นมันเทียบกันไม่ติดเลย แต่ก็ไม่มีใครรู้…
เย่เชียนลูบหลังหลี่ฮ่าวเบา ๆ และพูดว่า
“น้องสามของพี่ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เนื่องจากเย่เชียนมีโทษสถานเบาและคดีความก็ถูกยกฟ้องไปแล้ว เขาจึงถูกปล่อยตัวโดยสมบูรณ์…
หูวเยว่และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดกำลังยืนตัวสั่นเทาด้วยความกลัว แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็โล่งใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเย่เชียนถูกปล่อยตัว เพราะมันคงมีผลช่วยทำให้สถานการณ์ที่ย่ำแย่ต่าง ๆ ได้คลายความตึงเครียดลง
อย่างไรก็ตามที หลี่ฮ่าวเองก็ไม่ได้เอาเรื่องกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติกับเย่เชียนอย่างไม่ยุติธรรม เพราะถึงยังไงเรื่องมันก็จบลงแล้ว และเขาก็ไม่ได้อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตจึงแค่ตักเตือนเรื่องความเหมาะสมและควรปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ลืมให้เกียรติต่อตราและยศบนบ่าของทุกคน
เมื่อแล้วเสร็จเขาก็พาเย่เชียนออกไปจากกรมตำรวจ
หวังยู่เองได้แต่ยืนทำใจและชำเลืองมองเย่เชียนที่กำลังจะเดินจากไป
เย่เชียนขึ้นไปนั่งบนรถของหลี่ฮ่าว และหลี่ฮาวก็พูดขึ้นมาว่า
“พี่สอง… ทําไมพี่ไม่บอกผมล่ะว่าพี่กลับมาแล้ว ?”
“พี่เพิ่งกลับมาได้ไม่นานเลยยังไม่มีเวลาติดต่อไปหาใคร” เขาตอบเรียบ ๆ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้าเล็กน้อย
“น้องสาม… คราวนี้พี่เองที่เป็นคนก่อปัญหาทำให้แกเดือดร้อน”
“ทําไมพูดอย่างกับว่าเราเป็นคนแปลกหน้ากันล่ะพี่ ถ้ามันไม่ใช่เพราะผมล่ะก็ พี่ก็คงไม่ต้องหนีออกจากประเทศไป ผมเองที่เป็นคนทำให้พี่เดือดร้อน บุญคุณนี้ผมจะจำไปจนวันตาย!”
“เราเป็นพี่น้องกันหน่า… อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่สอง… พี่จะทำอะไรต่อ… จะกลับบ้านเหรอ ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้คิดว่าจะได้ออกมาเร็วขนาดนี้…” เย่เชียนพูดพร้อมกับขำแห้ง ๆ
หลี่ฮ่าวพยักหน้าตอบรับ
“งั้นเราไปหาอะไรกินกันเถอะ พี่น้องไม่ได้เจอกันตั้งนาน ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่เยอะแยะเลย อ้อ! เดี๋ยวผมโทรเรียกพี่ใหญ่มาด้วยนะ พวกเราจะได้มานั่งคุยกันแบบพี่ ๆ น้อง ๆ”
“ก่อนอื่นเราไปโรงพยาบาลกันก่อนดีกว่า ป่านนี้พ่อคงเป็นห่วงแย่แล้ว” เย่เชียนพูดด้วยความกังวล
“เออ… จริงด้วยครับพี่! งั้นเราไปกันเถอะ” หลี่ฮ่าวมัวแต่ตื่นเต้นที่ได้เจอเย่เชียนจนลืมนึกถึงพ่อที่กำลังเป็นกังวลเรื่องของพวกเขาไปชั่วขณะ ในฐานะลูกแล้ว พวกเขาควรจะไปเยี่ยมพ่อ อีกทั้งตอนนี้เย่เชียนก็ปลอดภัยแล้ว พวกเขาควรรีบไปบอกข่าวเพื่อให้พ่อหมดห่วงเสียที
ไม่นานสองพี่น้องก็มาถึงโรงพยาบาลเหรินเหมิน พวกเขาเข้าไปในห้องของพ่อและได้พบหลินโรโร่วยืนอยู่ เธอวิ่งมาหาและรัวคําถามใส่เย่เชียนทันที
“คุณ! ฉันได้ยินว่าคุณถูกตำรวจจับกุมตัวไป… คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ? ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงใช่หรือเปล่า ?”