หลังจากที่ส่งฉินเทียนกลับไปแล้ว เย่เชียนและหญิงสาวทั้งสามคนก็แยกกันกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เย่เชียนโทรหาแจ็คเพื่อเล่าให้เขาฟังถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น รวมทั้งบอกถึงการคาดเดาของตัวเองด้วยว่าศัตรูน่าจะเป็นพวกกลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยวดำทมิฬ และตัวเขาเองนั้นคือเป้าหมาย หลังจากนั้นเขาก็บอกให้แจ็คค้นหาแหล่งกบดานของกลุ่มเหยี่ยวดำทมิฬมาให้เขาโดยเร็วที่สุด
ตาต่อตาฟันต่อฟันคือวิถีของเย่เชียน ในเมื่อคนของกลุ่มเหยี่ยวดำทมิฬกล้าที่จะลอบสังหารเขาแล้ว หากเขาไม่ตอบโต้อะไรกลับไป พวกเขาก็คงจะไม่ใช่กลุ่มเขี้ยวหมาป่าที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
เมื่อเย่เชียนวางสายจากแจ็ค เขาก็กดโทรศัพท์หาหลี่เหว่ยยี่ต่อ เพื่อถามว่าภารกิจที่เขาได้รับไปนั้นคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ซึ่งคำตอบของหลี่เหว่ยยี่ก็ทำให้เย่เชียนรู้สึกพอใจอย่างมาก เพราะหวังเต๋อเซินนั้นช่วยดำเนินเรื่องต่าง ๆ ให้อย่างรวดเร็วทั้งแร่หยก แร่ทับทิมและเหมืองหยก ส่วนทางหลี่เหว่ยยี่เอง เขากำลังติดต่อกับบุคลากรในบริษัทน่านฟ้ากรุ๊ป สรุปโดยรวมทุกอย่างดูเรียบร้อยดี
เย่เชียนอธิบายสถานการณ์ในเซี่ยงไฮ้อย่างเรียบง่ายให้เขาฟัง พร้อมกับบอกให้หลี่เหว่ยยี่รีบกลับมาที่นี่โดยเร็วหลังจากที่เขาจัดการกับทุกอย่างที่นั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่เหว่ยยี่ตอบรับอย่างมีความสุข เพราะเขาคนนี้เป็นคนที่มีชีวิตชีวาจึงค่อนข้างที่จะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ อีกทั้งเขาเองก็ไม่อยากที่จะมีชีวิตอันแสนเรียบง่ายและสงบสุขมากนัก เมื่อรู้ว่าที่เซี่ยงไฮ้กำลังเกิดความวุ่นวาย มันจึงทำให้หัวใจของหลี่เหว่ยยี่นั้นเรียกร้องและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที
ทั้งแก๊งชิงและกลุ่มเขี้ยวหมาป่าต่างก็กำลังจับตามองกลุ่มเหยี่ยวดำทมิฬอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์จะปรากฏให้เห็นในไม่ช้านี้ กลุ่มเขี้ยวหมาป่านั้นเห็นว่ากลุ่มเหยี่ยวดำทมิฬไม่ได้เป็นศัตรูที่น่ากลัวอะไร ยิ่งตอนนี้พวกเขามาอยู่ในประเทศจีนและไม่ได้มีข้อได้เปรียบอะไรอีกด้วย
ทว่าเย่เชียนกลับไม่ได้ให้ความสนใจกับกลุ่มเหยี่ยวดำทมิฬมากนัก ในตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจจริง ๆ คือตงเซียนกรุ๊ป เพราะพวกนั้นได้ว่าจ้างทั้งองค์กรดาร์คลิลลี่และเหยี่ยวดำทมิฬ ซึ่งมันก็เป็นไปได้ว่าเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปอาจจะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับองค์กรเซเว่นคิลด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เองถึงแม้ตงเซียนกรุ๊ปจะมีสมาชิกและบุคลากรไม่มากเท่ากับของชิงกรุ๊ปหรือหงเหมินกรุ๊ป แต่เย่เชียนก็ไม่สามารถมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปได้
ดาร์คลิลลี่เป็นองค์กรนักฆ่าที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่นั้นเป็นชาวญี่ปุ่นแทบจะทั้งหมด ทำให้เย่เชียนคิดว่าตงเซียนกรุ๊ปอาจจะมีอิทธิพลหรือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในญี่ปุ่นก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาของเขาเพียงเท่านั้น ในตอนนี้เย่เชียนยังไม่สามารถมั่นใจอะไรได้อย่างเต็มที่
……
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนนั้นตื่นแต่เช้าเหมือนปกติ ส่วนฉินหยูกับจ้าวหยานั้นยังไม่ตื่น หลังจากที่เย่เชียนอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว หูวเค่อก็เดินลงบันไดมาพอดี ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะตื่นเช้าทุกวันและเธอน่าจะใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบวินัยอย่างมาก หลังจากที่ทั้งสองคนทักทายกันอย่างเรียบง่าย หูวเค่อก็ออกจากบ้านไป
เนื่องจากสำนักงานรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดนั้นมีแจ็คคอยดูแลอยู่ และพวกเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากหวังปิงแล้ว เย่เชียนจึงไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้มากนัก แต่เขาก็ยังคงต้องตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อยู่ดี
จนถึงตอนนี้เย่เชียนยังคงมีสถานะเป็นนักศึกษาอยู่ แต่เขาขี้เกียจไปเรียนมาก ครั้งสุดท้ายที่เขาไปเรียนจะเป็นเพียงแค่ครั้งที่สอง แต่เย่เชียนไม่คิดว่ามันจะมีอะไรแปลกใหม่หรือน่าสนใจเลยสักนิด จะว่าไปสิ่งเดียวที่พิเศษสำหรับย่าเชียนในยามที่เขาอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็คือ การที่เขาได้เจอกับฉินหยู
เย่เชียนรู้มาว่าหลินโรโร่วนั้นได้ส่งใบสมัครเข้าร่วมโครงการของสภากาชาดแล้ว ดังนั้นเวลาของเธอในเซี่ยงไฮ้นี้จึงเหลืออีกไม่นานนัก มันเหลืออีกแค่ครึ่งปีเท่านั้น เย่เชียนจึงรู้สึกว่าเขาควรจะไปหาเธอให้มากกว่านี้ ดังนั้นหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็วางแผนจะไปยังสถานที่ทำงานของหลินโรโร่ว… โรงพยาบาลเหรินหมิน
อาหารเช้าวันนี้เป็นอาหารเกาหลีที่เรียกว่าจาจังมยอน ซึ่งเย่เชียนตั้งใจทำอย่างมากและทำเผื่อเอาไว้ให้สาว ๆ ทั้งสองคนที่ยังไม่ตื่นอีกด้วย เขาใส่อาหารทั้งสองจานไว้ในตู้ เย่เชียนไม่ลืมที่จะเขียนกระดาษโน้ตทิ้งเอาไว้ให้ฉินหยูและจ้าวหยา เมื่อเขียนเสร็จแล้วเขาก็แปะมันเอาไว้ในห้องครัวให้พวกเธออ่าน จากนั้นเย่เชียนก็ออกจากบ้านไป ซึ่งเขาไม่ได้ขับรถไปแต่เลือกที่จะเดินไปโรงพยาบาลแทน เพราะช่วงเวลาเช้าตรู่ที่อากาศดีอย่างวันนี้นั้นหาได้ยากเต็มที มันเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้เดินชมทิวทัศน์ของเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้
เมื่อใกล้ถึงโรงพยาบาลเย่เชียนก็ต้องหยุดเดิน เพราะเขาหันไปเห็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับใครบางคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นบอดี้การ์ดกำลังมุ่งหน้าเข้าไปในโรงพยาบาล ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นรูปร่างอ้วนและน่าเกลียดมากอย่างแท้จริง ทุกย่างก้าวของเธอนั้นทำให้หน้าท้องของเธอกระเพื่อมไปมา มันส่งผลให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกเวียนหัว ถ้าหากว่าจิตใจของเย่เชียนไม่แข็งแกร่งพอ ป่านนี้เขาอาจจะเป็นลมเพราะเวียนหัวไปแล้ว
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมสามีของผู้หญิงคนนี้จากใจจริง เขาอยากให้หลี่เหว่ยยี่ได้มาเห็นผู้หญิงคนนี้และวิพากษ์วิจารณ์ให้เขาฟังว่าเธอนั้นดูเป็นอย่างไร แต่ทว่าหลี่เหว่ยยี่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย มันจึงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมาก อย่างไรก็ตามคนคนนึงก็ต้องมีเสน่ห์เป็นของตัวเองและผู้ชายคนนั้นก็รักเธอจากหัวใจไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก อาจเป็นไปได้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ทำผิดต่อเธอทางใดก็ทางหนึ่ง เธอจึงดูไม่สบอารมณ์และฉุนเฉียวอย่างมาก
เดิมทีเย่เชียนนั้นไม่ใช่คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องอะไรเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขาเริ่มเบื่อหน่ายเขาก็เลยรู้สึกสนใจขึ้นมา บางทีมันอาจมีเรื่องตลกเกิดขึ้นก็ได้ อย่างน้อยมันก็อาจจะทำให้อารมณ์ของเขาสงบลง
ที่โรงพยาบาลเหรินเหมินแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นของตัวเอง แต่เมื่อพวกเขาเห็นผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้พวกเขาทั้งหมดก็รีบหลีกให้เธอราวกับกำลังซ่อนตัวจากการปรากฏตัวของปีศาจร้าย ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดจะกลัวเธอ เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยว่าผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ไม่มีกาลเทศะหรือความละอายใจบ้างเลยหรืออย่างไร เย่เชียนจึงเดินไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและยื่นบุหรี่ให้เขา จากนั้นก็ถามเขาว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ ? เธอดูฉุนเฉียวมากเลย เธอจะไม่ก่อปัญหาในโรงพยาบาลใช่มั้ย ?”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจ้องมองไปที่เย่เชียนอย่างงุนงง เขาตระหนักได้ว่าเย่เชียนไม่ได้เป็นบุคลากรของโรงพยาบาลนี้แต่เขาก็รับบุหรี่มาจากเย่เชียนและพูดว่า “อ้าว! คุณไม่รู้เหรอ ? ผู้หญิงคนนั้นมีชื่อเสียงในโรงพยาบาลเรามากเพราะสามีของ
เธอคือผู้อำนวยการเซินหยวนไง เธอเข้ามาที่นี่ทุกวันเพื่อสร้างความวุ่นวาย ไอ้หยา! คุณอย่าไปตำหนิผู้อำนวยการเซินหยวนเลย แค่เขาใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงคนนั้น เขาก็ทุกข์ทรมานมากแค่ไหนแล้ว”
เย่เชียนหัวเราะแล้วพูดว่า “แล้วเซินหยวนนั่นเป็นคนเจ้าชู้เหรอ ?”
“เฮ้อ! ก็ใช่น่ะสิ เขาน่ะใช้ความเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลหลอกล่อนางพยาบาลมาตั้งกี่คนแล้วล่ะ ไม่มีใครทำอะไรเขาได้หรอก เพราะเขามีอำนาจไงพวกนางพยาบาลเหล่านั้นก็ดลยต้องจำใจยอม!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นพูดพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเขาขุ่นเคืองอยู่ภายใน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นในหน้าที่การงานก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาก็มีงานที่มั่นคงทำ อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรเลย ทว่านางพยาบาลเหล่านั้นกลับต้องมาเจอคนอย่างเซินหยวนและนอนกับเขาโดยถูกบังคับไม่ใช่เพราะความรัก มันจึงทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้รู้สึกเสียใจอยู่ลึก ๆ
“จากสิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดนั่น ผู้อำนวยการเซินหยวนนี่ไม่ได้เป็นสามีที่ดีเลยใช่มั้ย ? ขนาดภรรยาที่เกรี้ยวกราดของเขามาที่โรงพยาบาล แต่เขาก็ยังไม่แยแสเลยเนี่ยนะ ?” เย่เชียนยังคงถามต่อ
“เขาจะกล้าเหรอ ?!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดต่อ “ความจริงแล้วที่เขาสามารถมานั่งเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลนี้ได้นั้นมันก็เป็นเพราะภรรยาของเขาทั้งนั้น ถึงแม้ว่าภรรยาของเขาจะอ้วนและน่าเกลียดก็ตาม แต่เธอก็มีพี่ชายที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงมาก คุณเคยได้ยินชื่อเหว่ยตงเซียนบ้างมั้ยล่ะ ?” เมื่อเขาเห็นเย่เชียนพยักหน้าแล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นก็พูดต่อ “เพราะว่าพี่ชายของภรรยาของเขาเป็นประธานคณะกรรมการของเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปน่ะ ถ้าคุณถามผมว่าเหว่ยตงเซียนคือใครน่ะเหรอ ? เขาก็คือหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของเซี่ยงไฮ้นี่แหละ ขนาดเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนยังต้องยอมก้มหัวให้เขาเมื่อเห็นเขาเชียวนะ ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์นี้ คตุณคิดว่าคนอย่างเซินหยวนจะได้ตำแหน่งผู้อำนวยการของโรงพยาบาลได้ยังไงกันล่ะ! คุณบอกผมว่าเขากล้าที่จะทำให้ภรรยาของเขาขุ่นเคืองงั้นเหรอ ผมคิดว่าไม่น่าจะทำได้ เพราะตราบใดที่ผมสามารถเกลือกกลั้วกับผู้หญิงที่ร่ำรวยและมีอำนาจแบบนั้นได้ล่ะก็ ถึงจะน่าเกลียดไปหน่อยมันก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าคุณปิดไฟแล้วมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ เหอะ! ผมก็ทำได้และผมก็จะอดทนอยู่กับเธอต่อไปอีกหลาย ๆ สิบปีเลย”